แต่บริษัทเทคโนโลยีหลายรายกลับเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤตินี้ โดยเฉพาะ Kilo Health สตาร์ตอัปธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ในยุโรป
ซึ่งเป้าหมายหลักของแต่ละบริการที่ Kilo Health สร้างขึ้นนั้น คือการทำให้ขั้นตอนดูแลรักษาสุขภาพเป็นเรื่องที่ง่าย สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ใช้บริการ และลดการไปพบแพทย์โดยไม่จำเป็น
โดย Kilo Health จะให้ข้อมูลที่เข้าใจง่าย และแบบฝึกหัดที่เหมาะสมและง่ายต่อการปฏิบัติ รวมถึงยังช่วยออกแบบกิจวัตรประจำวัน อย่างเช่น ช่วยคิดเมนูอาหารและกำหนดตารางการนอนที่เหมาะสม
สามารถนำไอเดียของตนเองมานำเสนอ และร่วมมือกับ Kilo Health เพื่อสร้างสตาร์ตอัปเป็นของตัวเอง
หรือหากไม่มีไอเดีย ก็สามารถเลือกหาไอเดียที่ Kilo Health มีอยู่ นำมาสร้างเป็นสตาร์ตอัปของตัวเองได้เช่นกัน
โดยทุกโครงการจะได้รับการสนับสนุนจาก Kilo Health อย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน ทรัพยากรบุคคล คอนเน็กชัน รวมถึงฐานข้อมูลและงานวิจัยที่ Kilo Health ได้จากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท อีกทั้งผู้ก่อตั้งยังได้รับการจัดสรรหุ้นในโปรเจกต์ของตัวเองอีกด้วย
ด้วยการใช้งานที่ง่ายและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่ Kilo Health ครอบครอง บวกกับความยากลำบากในการเข้าพบแพทย์ หรือเดินทางในช่วงวิกฤติโรคระบาด
ก็ได้ทำให้มีผู้ใช้บริการทั่วโลกกว่า 4 ล้านคน ยินยอมจ่ายค่าสมาชิกเพื่อแลกกับบริการของ Kilo Health
1
ที่น่าทึ่งคือ ปัจจุบัน Kilo Health ยังคงเป็นสตาร์ตอัป Bootstrap หรือก็คือ สตาร์ตอัปที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุนของผู้ก่อตั้ง ซึ่งมีสมาชิกแรกเริ่มเพียง 7 คนเท่านั้น และยังไม่ได้เปิดรับเงินระดมทุนจากเหล่านักลงทุนเลย