ในยุคปลาย 90s เด็กชายสองคนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น กำลังคุยกันถึง Pop Up บนหน้าเว็บไซต์ประหลาดที่ผุดขึ้นมา และไม่ว่าจะกดปิดอย่างไรมันก็ไม่หายไปเสียที มันกำลังแพร่ระบาดในหมู่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไปตามบ้านเรือน
“คุณชอบไหม?”
“ถ้าใครกดปิด Pop up นี้ไป จะต้องพบกับความตาย”
เสียงที่เหมือนหลุดออกมาจากโปรแกรมสังเคราะห์เสียง ไร้ความเป็นมนุษย์ดังขึ้นขณะที่หน้า Pop Up ผุดขึ้นมา
นี่คือบทสนทนาของเด็กชายสองคน ก่อนทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปสืบหาต้นตอของ Pop Up ประหลาดนี้
เด็กคนแรกกลับถึงบ้าน หลังจากทำธุระเสร็จ และเริ่มค้นหา แต่แล้วก็เหมือนจะล้มเหลว แต่แล้ว Pop Up ประหลาดก็ผุดขึ้นที่หน้า Windows ของเขา พื้นหลังสีแดง ตัวอักษรสีดำ พร้อมเสียงผู้หญิง ว่า “Anata wa Suki Desu ka?” (คุณชอบไหม?)
เด็กชายตกใจ และตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เขาจึงตัดสินใจวิ่งลงไปใช้โทรศัพท์หาเพื่อนอีกคน แต่โทรเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรับสาย เขากลับมาดูที่หน้า Pop Up นี้อีกครั้ง แล้วพบว่าไม่ว่าจะคลิกปิดมันไปกี่ครั้ง มันก็จะผุดขึ้นมาใหม่พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่ถามว่า “คุณชอบไหม” และนั่นไม่ใช่เรื่องประหลาดเรื่องเดียวที่เกิดขึ้น
เพราะทุกครั้งที่มันโผล่กลับขึ้นมา ข้อความใน Pop up ก็ค่อยๆ ถ่างออกห่างจากกัน เผยตัวอักษรว่า Aka หรือสีแดง ที่ค่อยๆ โผล่ออกมาจากเส้นตัดขวางนั่น แต่สิ่งที่สยองกว่าหลังจากนั้นคือ Pop up ปิดตัวเอง แล้วเด้งกลับมา วนซ้ำด้วยตัวเอง โดยที่เด็กชายไม่ได้ทำอะไรเลย
ข้อความที่เผยออกมาพร้อมเสียงสุดหลอนนั้น ขั้นเป็นคำว่า ‘เฮยะ’ ที่แปลว่า ‘ห้อง’ จนกระทั่ง Pop Up หยุดเด้ง เผยประโยคที่สมบูรณ์ มาพร้อมเสียงสังเคราะห์ว่า “คุณชอบห้องสีแดงไหม?”
สำหรับชาวญี่ปุ่นเหมือนว่า Red Room จะกลายเป็น Pop Up สยองที่คนจดจำมากที่สุด และมีผู้คนเขียนเรื่องราวต่อ ส่วนตัวคุณ O-Toro ที่เป็นผู้สร้างก็หายตัวไป ซึ่งดูเหมือนเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้ใช่ไหมล่ะ
แต่แล้วก็มีคดีเกิดขึ้นในปี 2004 ที่จุดให้ Red Room กลายเป็นที่สนใจในหมู่ชาวญี่ปุ่นอีกครั้ง จากคดีที่เด็กหญิงวัย 12 ปีก่อคดีฆาตกรรมเพื่อนร่วมชั้น
มีนักจิตวิทยาชื่อดังให้ความเห็นว่า การกระทำของเธอมาจากการที่เธอเสพสื่อเหล่านั้นมากเกินไป จนเรื่องราวนี้ถูกสร้างเป็นหนังเรื่อง RED ROOM CURSE ส่วนใครที่อยากฟังคดีนี้ รอติดตามได้ใน File Not Found
จนล่าสุด RED ROOM ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบน Dark Web เป็นการไลฟ์สตรีมให้คนเข้าไปดูคนถูกทรมาน โดยใช้ Cryptocurrency เป็นค่าใช้จ่าย และใช้โหวตว่าจะทรมานเหยื่อแบบไหนดี
ถึงแม้ว่าแท้ที่จริงแล้วเรื่องราวของ RED ROOM จะเป็นแค่เรื่องเล่าจากโลกอินเทอร์เน็ต ที่มาพร้อมกับหน้าเว็บไซต์ Pop Up ที่ทำออกมาแกล้งคน แต่กลายเป็นว่าเมื่อเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นจริง ความหลอนของ RED ROOM ก็ถูกเล่ากันไปปากต่อปาก กลายเป็นตำนานเมืองที่ถูกเล่าขานต่อๆ กันมา จนสุดท้ายกลายเป็นความโหดที่หลบซ่อนอยู่ใน Dark Web ที่ใครก็ไม่อาจหยุดมันได้