20 เม.ย. 2022 เวลา 04:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 20.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลัก ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีจากแรงซื้อคืนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว
  • IMF ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจโลกเหลือเพียง 3.6%
  • Netflix ร่วงกว่า -25% ในช่วง After Hours
  • หุ้นท่องเที่ยวสหรัฐฯ ฟื้นตัวภายหลังด้านสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกข้อบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเช่นเครื่องบินและรถไฟ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันอังคารที่ 19.04.2022 ดัชนี Dow Jones +499.51 จุด +1.45% S&P 500 +70.52 จุด +1.61% และ Nasdaq 100 +299.49 จุด +2.15% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการหลังจากหยุดไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยตลาดรับข่าวเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ Bond Yield 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นเกือบที่ 2.90% ทำจุดสูงสุดตั้งแต่ 2018 ส่งผลให้กดดันราคาหุ้นในยุโรปปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ด้าน IMF (International Monetary Fund) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกเหลือเพียง 3.60% ในปี 2022 และ 2023 จากเดิมคาด 2022 โต 4.40% และ 2023 โต 3.80%
โดย Stoxx 600 ปิดปรับตัวลดลงที่ 456.28 จุด (-0.77%)
2. คืนที่ผ่านมาทางสหรัฐฯ มีการประกาศตัวเลขการขอใบอนุญาตก่อสร้างหรือ Building Permits ประจำเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่ 1.873 ล้านใบ สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 1.825 ล้านใบ และขยายตัวจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 1.865 ล้านใบ ใกล้เคียงจุดสูงสุดในรอบ 15 ปี ที่ 1.895 ล้านใบ
ความต้องการ (อุปสงค์) บ้านยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราที่สูงกว่าจำนวนบ้านพร้อมขาย (อุปทาน)
3. Netflix อาจจะไม่ใช่หุ้นเติบโตอีกต่อไป
โดยค่ำวานที่ผ่านมามีรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (Q1) รายได้รวม 7.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดที่ 7.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แม้ว่า Netflix จะสามารถรักษาฐานกำไรได้ดี โดยกำไรต่อหุ้นหรือ EPS ออกมาดีกว่าคาดที่ 3.53 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น โดยคาดไว้ที่ 2.91 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น แต่จำนวนสมาชิกลดลงกว่า 2 แสนบัญชี ขณะที่คาดการณ์ว่าสมาชิกจะเพิ่มไว้ที่ 2.51 ล้านบัญชี โดยนับว่าเป็นเรื่องที่สร้างความตกใจหรือ negative surprise แก่นักลงทุน เนื่องจากเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ที่มีจำนวนสมาชิกติดลบ
ด้านผู้บริหารของ Netflix ให้เหตุผลว่าสาเหตุที่ยอดสมาชิกลดลงมาจากการแข่งขันที่ดุเดือดและมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น ทั้งนี้ด้าน Netflix ได้มองหาหนทางแก้ปัญหาเรื่องรายได้ที่โตช้าลงว่าอาจจะมีพื้นที่การขายโฆษณาเข้ามาเพิ่มแม้ว่ายังไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม
จากรายงานผลประกอบการดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้น Netflix ในช่วง After Hours ปรับตัวลดลงรุนแรงกว่า -25% รวมทั้งกดดันราคาหุ้นผู้ให้บริการรับชมสื่อผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือ streaming video เช่น Walt Disney, Warner Bros Discovery และ Roku ให้ปรับตัวลดลงในช่วง After Hours เช่นกัน
4. ภายหลังด้านสหรัฐฯ ประกาศจะยกเลิกข้อบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะพร้อมกับสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อยลง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวรวมถึงสายการบินปรับตัวเพิ่มขึ้น
Penn National Gaming +5.45% Las Vegas Sands +4.34% Carnival Corporation +4.57%
Delta Air Lines +2.11% United Airlines +4.50% American Airlines +5.66%
5. หุ้นที่ Outperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +2.91% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +2.12% และกลุ่มผู้ให้บริการสื่อสาร +2.07%
McDonald +1.73% Starbucks +2.04% Nike +4.12% Lowe’s +2.69% Home Depot +2.53% Target +2.78% TJX +4.79% Booking +1.82%
Ralph Lauren +3.78% PVH +3.91% Tapestry +4.16%
American Tower +1.91% Prologis +4.02% Crown Castle +1.53% Equinix +3.22% Public Storage +0.87%
Howard Hughes +1.64% Colliers International +2.05% JLL +2.34% CBRE +0.96%
โดยรวมหุ้นกลุ่มผู้ให้บริการสื่อสารปรับตัวเพิ่มขึ้นดี แม้ว่า Twitter จะปรับตัวลดลงหลังจากราคาขึ้นเพิ่มขึ้นร้อนแรงในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาจากข่าวการเข้าซื้อกิจการของ Elon Musk
AT&T +0.15% Twitter -4.73% Pinterest +4.08% Snapchat +3.03% Walt Disney +3.23%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงานปิดปรับตัวลดลง -0.96% ขณะที่ หุ้นกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภค +0.61% และกลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม +0.93%
Exxon -0.89% Chevron -1.18% ConocoPhillips -1.85% Occidental -1.61% EOG Resources -1.26%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นได้ดี แต่อย่างไรก็ตามช่วง After Hours หุ้นกลุ่มผู้ให้บริการรับชมสื่อผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือ streaming video มีแรงเทขายรุนแรงจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Netflix
Apple +1.41% Alphabet +1.83% Microsoft +1.70% Amazon +3.49% Meta +3.10% Netflix +3.18% Adobe +2.57% Salesforce +2.34% Visa +1.19% Mastercard +1.98%
หุ้น Innovation ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น
Tesla +2.38% Lucid Group +5.36% Roku +8.22% Teladoc Health +4.21% Block (Square) +5.22% Zoom +5.14% Spotify +2.22% Twilio +10.30% Coinbase +4.21% Robinhood +5.19% Affirm Holdings +5.17% Unity Software +5.09% Shopify +4.24%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวเพิ่มขึ้น
Nvidia +1.91% AMD +3.24% Intel +2.77% Micron +2.22% Qualcomm +1.24% Broadcom +1.90%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น
ARK Innovation (ARKK) +4.05% ARK Fintech (ARKF) +5.01% Power Shares Wilder Hill Clean Energy (PBW) +2.38% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) +2.19% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) +2.53% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) +0.87% Global X Cybersecurity (BUG) +1.86% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) +0.51%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
Alibaba -1.28% Baidu -0.09% Coupang +2.38% iQIYI +8.04% JD -1.06% Didi Global +0.50% KE holdings +0.89% Luckin Coffee +0.96% NetEase +0.18% Pinduoduo -0.52% SEA +3.36% TAL Education +2.12% TSMC +0.69% Nio +3.65% Xpeng +3.40%
10. S&P500 VIX Index ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยปิดที่ 21.37 จุด (-3.61%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ผันผวนระหว่างวันเล็กน้อย ก่อนปิดปรับตัวลดลงที่ 29.10 จุด (-1.46%)
ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 100 จุด โดยล่าสุดอยู่ที่ 101 จุด
ราคาทองคำร่วงแรง โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,948 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทอ่อนค่าติดต่อกัน 3 วัน โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 33.79 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ผันผวนในกรอบ 101-109 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 103 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา