21 เม.ย. 2022 เวลา 17:03 • ปรัชญา
เรื่องความกลัว มันเป็นอารมณ์ตัวหนึ่ง เราก็ลองสังเกต กิริยาท่าทางของคนที่มีความกลัวเกิดขึ้น เวลาอารมณ์กลัวมันเกิดขึ้น มันก็ปรุงแต่ง บอกว่า อย่าเอาตายไปมองบ้าง ให้เดินหนีถอยออกไปจากสิ่งที่เราคิดว่ามันน่ากลัว ทั้งสิ่งที่มีชีวิตไม่มีชีวิต มันก็คล้ายกัน กลัวคน กลัวหมากัด กลัวยุงกัด มันก็เป็นอารมณ์กลัวเหมือนกัน แล้วแต่ว่า อารมณ์จะพาไปกลัวสิ่งใด ยิ่งสิ่งที่เรามองไม่เห็น
เช่นผี เราก็วาดภาพมันเหมือนในหนังหรือเปล่า ที่จริงในหนังที่ผี ที่ก็รู้ว่าเค้าปรูงแต่ง ทำเรื่องราวอุปโลกน์ ก็ยังกลัว ทั้งที่รู้ว่าเป็นการแสดง นั้นก็เป็นอารมณ์กลัว ที่มีความแตกต่างจากอารมณ์โกรธ อารมณ์รักใคร่ ครั้งหนึ่ง ก็เคยอธิษฐานขอให้เห็นตาเปล่า ขออย่าเป็นตอนหลับตา ให้เห็นตาเปล่า จะได้ไม่ต้องไปกังวลว่ามีจริงไม่จริงอะไร เราจะได้รู้จักว่าเรื่องราวทำนองนี้มีจริง ขออย่าได้เห็นแค่แวบเดียว เมื่อเห็นก็ขอให้มีสติ ก็ได้เห็นเป็นคนแก่ เปิดมุ้งออกไป แล้วก็เดินออกไป หายไปตรงบริเวณเสาไฟ
จิตทุกคนมีอารมณ์กลัวซ่อนเร้นอยู่ ในตัวตนทุกคน เป็นเหมือนกัน พออารมณ์กลัวมันฟุ้งขึ้นมา พาจิตไปกลัว..สิ่งใด สิ่งที่กำลังเจอ หรือ อยู่นึกขึ้นมาก็กลัว เช่น ..เพราะไปนึกถึงเรื่องผีเข้า สิ่งที่เราเคยจดจำมาเรื่องผีนั้นผีนี้ มันก็ฟุ้งขึ้นมาเป็นอารมณ์กลัว หลอกหลอนตัวเราเอง จิตเรา..ให้กลัวผีอุปโลกน์ฟุ้งซ่านหวาดวิตกเพราะอารมณ์กลัวของเราเอง อารมณ์ก็อาจจะปรุงตาให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้อีกเหมือนกัน เป็นภาพหลอนขึ้นมา เค้าจึงให้ฝึกหัดเรื่องสติ เรื่องของสมาธิขึ้นมา หากเรากลัวผี รู้ว่าผีมีจริง เราก็ทำบุญอุทิศกุศลให้เค้าไป
เรื่องราวของความกลัวนั้น มันเป็นอารมณ์กลัวที่ขึ้นมาปกคลุมจิต ถ้าจิตเราอ่อน อารมณ์ก็ที่ปกคลุมขึ้นมาทั่วทั้งกาย กายนั้นก็สั่นเทา วิญญาณทั้งหก ก็สั่นไหน มันสั่นไหวไปทุกสัดส่วน เป็นเพราะจิตเรามันอ่อนแอ สติเราก็อ่อนแอ จิตไม่มีกำลัง ที่จะฝืนอารมณ์ บังคับกายให้นิ่งเฉย อดทนต่ออารมณ์กลัวที่เกิดขึ้นมาได้ ไม่สามารถที่จะคุมความกาย ควบคุมกายให้นิ่งเฉย จิตเฉยๆได้
โฆษณา