22 เม.ย. 2022 เวลา 05:06 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
"Heat" 1995
ตำนานการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างโจรกับตำรวจ สู่การประชันบทบาทของ โรเบิร์ต เดอ นีโร และ อัล ปาชิโน่ ที่ยังคงความคลาสสิคเหนือกาลเวลา..
Heat
ภาพยนตร์ดราม่าอาชญากรรม ผลงานแนวถนัดของผู้กำกับ Michael Mann ที่ได้สร้างอิทธิพลมากมายให้กับหนังแนวโจรกรรมในยุคหลัง แถมยังขนดาราดังร่วมแสดงอย่างคับคั่งไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต เดอ นีโร, อัล ปาชิโน่, วัล คิมเมอร์, เอมี่ เบรนเนอร์แมน, ทอม ไซส์มอร์, วิลเลียม ฟิชต์เนอร์, แดนนี่ เทรโฮ และ นาตาลี พอร์ตแมน แค่งานแคสติ้งก็คุ้มค่าที่จะดูแล้วขมวดเข้ากับเนื้อหาสุดเข้มข้นลุ้นระทึกที่ดูจบแล้วไม่แปลกเลยที่จะรู้สึกหลงรัก
เรื่องราวเริ่มขึ้นในลอสแอนเจลิส เมื่อ นีล แม็คคอลลี่ย์ (Robert De Niro) หัวหน้าทีมปล้นระดับพระกาฬ ที่ต้องมาต่อกรกับตำรวจสุดเก๋าอย่าง วินเซนต์ ฮานนา (Al Pacino) ทั้งคู่ต้องชิงไหวชิงพริบหักเหลี่ยมเฉือนคม นำมาสู่การไล่ล่าแบบทุ่มสุดชีวิตและการปล้นครั้งใหญ่ ท่ามกลางความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ที่ดำเนินมาถึงทางแยก เมื่อหน้าที่ ความรับผิดชอบและความสัมพันธ์ ไม่อาจไปด้วยกันได้..
องค์ประกอบของหนังดีงามมากๆ กับความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง ที่ไม่มีเบื่อเลยสักนิด แม้ช่วงแรกจะใช้เวลาในการปูเนื้อเรื่องอยู่บ้าง แต่เมื่อหนังดำเนินไปสู่ฉากสำคัญก็ไต่ระดับความพีคให้ลุ้นระทึกไปจนถึงไคล์แม็กซ์ ด้วยตัวบทที่แข็งแรงทำให้หนังไม่รู้สึกเก่า ยังมีความร่วมสมัยอยู่ตลอดแม้จะผ่านมากว่าสองทศวรรษ ส่วนงานภาพ, การตัดต่อ, ซาวด์ ก็ให้อารมณ์ร่วมเล่าคลอไปกับหนังอย่างไหลลื่น ยิ่งในด้านการแสดงเรียกได้ว่าแต่ละคนแคสติ้งมาได้ตรงบทบาทมากๆ นักแสดงสมทบทุกคนเล่นได้ดีตีบทแตก สร้างสีสันและมิติเป็นอย่างดี แม้จะเป็นหนังปล้นแต่ไม่ได้เน้นขายฉากแอ็คชั่นพร่ำเพรื่อ ขอแค่ซีนเดียวก็เป็นตำนาน (ฉากปล้นกลางเมือง)
เนื้อเรื่องไม่ได้มีแค่การหักเหลี่ยมของตำรวจและโจรเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกประเด็นความสัมพันธ์ในหลายแง่มุมของตัวละคร โอกาส ทางเลือก และ การตัดสินใจ ทุกส่วนประกอบเติมเต็มทำให้หนังครบรสชาติ และยังเป็นการประกบคู่กันครั้งแรกของรุ่นใหญ่อย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร และ อัล ปาชิโน่ แม้ทั้งสองจะเคยร่วมงานใน The Godfather II แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีฉากร่วมกัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่โคตรลงตัวและดูจะเท่เอามากๆ ยิ่งฉากที่ทั้งสองเผชิญหน้ากันในร้านกาแฟ เฮีย นีโร แกก็ขอเสนอกับผู้กำกับว่าไม่ต้องการซ้อมเพื่อความสมจริง ให้ถ่ายทำเลยดีกว่า ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย จึงออกมาเป็นฉากไฮไลต์สุดคลาสสิค..
ทั้งนี้หนังพยายามจะสื่อถึงการเดินทางของชีวิตที่มีทางเลือกให้ต้องตัดสินใจเสมอไม่ว่าจะเป็นฉากเริ่มที่สถานีรถไฟหรือฉากสนามบินในช่วงท้ายนั้น Heat จึงเป็นมากกว่าหนังปล้นแอ็คชั่นธรรมดาทั่วไป แต่เป็นหนังที่ดูสนุก ตื่นเต้น และ ยังแฝงไปด้วยนัยยะข้อคิดต่างๆ และไม่ว่าคุณจะเป็นคอหนังสายไหน ก็ไม่มีเหตุผลใดที่คุณควรพลาดงานระดับมาสเตอร์พีซเรื่องนี้
ขอทิ้งท้ายไปด้วยประโยคเด็ดที่ฟังแล้วรู้สึกว่ามันเท่จริงๆ
"Don't let yourself get attached to anything you are not willing to walk out on in 30 seconds flat if you feel the heat around the corner."
"ถ้าอยากทำงานใหญ่ ก็ต้องไม่ยึดติด ไม่ยอมให้มีอะไรในชีวิตที่นายตัดใจทิ้งไม่ได้ใน 30 วินาที ถ้าไฟลามมาถึงตัว"
โฆษณา