ผมว่าไม่มีเลย ผมว่ามันมีอยู่ที่แค่ในส่วนกลางเป็นหลักนะ โอเค เรามีหอศิลป์กรุงเทพฯ ที่ใหญ่นะ แต่ว่าในตามเขตตามอะไรอย่างนี้เราไม่มี เราไม่มี public space ที่มีคุณภาพมากพอ ซึ่งผมว่าเป็นหัวใจของ creativity เลย เพราะว่าคุณเกิด creative ได้ คุณต้องมีคนมาเจอกันน่ะ มาปะทะกัน แล้วแลกเปลี่ยนความเห็น มันถึงจะเกิด creativity ได้ แต่ว่าถ้าถามถึง public space ของเราเหรอ เราก็ไปเดินห้างน่ะ มันก็เป็นปัจเจกอะ มันไม่ได้ไปเจอคนรุ่นใหม่
1
วันก่อนผมไปพูดที่มิวเซียมสยาม ซึ่งก็เป็นพื้นที่ที่น่ารักดีเนอะ ส่วนใหญ่คนที่มาฟังก็เป็นเพื่อนๆ กัน แล้วผมก็ไปเจอเด็กสามคนมาถ่ายรูปกับผม เป็นเด็กผู้หญิงน่ะ ดูเขาสนิทกัน ก็ถามเขาว่า 'เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันเหรอ' เขาก็บอกว่า ไม่ใช่ เขามาเจอกันที่มิวเซียมสยาม คือเขาเป็นเด็กที่ appreciate งาน มาดูมิวเซียม คือมี value มีการ share value แล้วมาเจอกันใน public space ที่มีคุณภาพ ก็เกิดปฏิสัมพันธ์ เกิดเป็นเพื่อน เกิดแลกเปลี่ยนความเห็น เกิด creativity ขึ้นได้ แต่ว่าเมืองไทยยังขาดตรงนี้อีกนะ
คือเรามักจะมีหอศิลป์ แล้วถามว่าใครจะมาหอศิลป์ได้ ก็คือคนที่อยู่แถวนี้หรือทำงานแถวนี้ใช่ไหม แต่ว่าถามว่าคนที่อยู่หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง หรือว่าฝั่งธน มันก็มาไม่ง่ายนัก ผมว่าอันนี้สำคัญ เราต้องมี public space ที่มีคุณภาพ กระจายอยู่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ แล้วก็อาจจะไม่ใช่แค่หอศิลป์นะ วันหนึ่งอาจจะเป็นหอศิลป์ วันหนึ่งอาจจะเป็นที่แสดงดนตรี วันหนึ่งอาจจะเป็น co-working space อะไรอย่างเงี้ย ส่วนห้องสมุดก็อาจจะมีแฝงอยู่ จะเป็น e-books ก็ได้ อะไรแบบนี้
1
มันต้องเป็น multi purpose public space ให้มีเด็กมาเปิดหมวกเล่นดนตรีในเขตนี้ได้ไหม หรือว่าอาจจะมีจัดเสวนาปัญหาของเมืองอะไรแบบนี้ ผมว่ามันน่าจะทำแบบนี้ให้มันกระจายอยู่ทั่วไป เป็น multi purpose แล้วงานอาร์ตก็จะอยู่ในส่วนตรงนี้ด้วยครับ
ผมว่าทั้งย่าน (district) และทั้งเฟสติวัลกับทั้งย่านก็จะเป็นแนวหนึ่งที่กระตุ้นให้ Bangkok Arts Festival อยู่ในปฏิทินของโลกได้ไหม ให้คนมาดู อาจจะมีโซนไหนให้เป็นโซนของศิลปินที่มาอยู่รวมกัน เหมือนกับ River City ขายของเก่าอะไรแบบนี้ ผมว่ามีพื้นที่ที่น่าจะทำได้เยอะแยะเลย
เรื่องอ่านหนังสือผมจะบอกว่าให้ read what you love until you love to read คืออ่านสิ่งที่คุณชอบอ่านจนคุณจะรักการอ่านไปเลยน่ะครับ ตอนแรกๆ อย่าไปสนใจว่าอ่านอะไร อย่างผมนี่อ่าน พล นิกร กิมหงวน ซึ่งไม่ได้มีสาระมากมายใช่ไหม แล้วผมเคยนั่งอ่านสกุลไทย อ่านนิยายแม่งทุกเรื่องเลย จนเรารู้สึกว่าการอ่านเป็นส่วนหนึ่งของเรา เราก็จะอ่านหนังสือที่ลึกขึ้นได้เอง มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่ติดมือเราอะ