25 เม.ย. 2022 เวลา 02:00 • กีฬา
" ดัตช์คนแรกในรังผี "
ในที่สุดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ประกาศแต่งตั้ง เอริค เทน ฮาก เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้าอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากมีข่าวกันมายาวนาน
แน่นอนว่า เทน ฮาก ไม่ใช่กุนซือชาวดัตช์คนแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะเคยมี "หลุยส์ ฟาน กาล" ผ่านมาแล้ว 1 ราย
จะว่าไป แมนฯ ยูไนเต็ด มีความผูกพันธ์กับบุคลากรชาวดัตช์ไม่ใช่น้อย อย่างในทีมงานของ ฟาน กาล ก็มีโค้ชหลายคน รวมถึงแมวมองอย่าง มาร์เซล เบาท์ ที่ทำงานมาตลอดจนเพิ่งก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อไม่กี่วันก่อน
เรเน่ มิวเลนสตีน เคยมาเป็นโค้ชให้กับทีมเยาวชนปีศาจแดงตั้งแต่ปี 2001 และภายหลังขึ้นมาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ทำงานข้างๆ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จนอำลาไปในปี 2013 เมื่อ เดวิด มอยส์ เข้ามาคุมทีม
เมื่อมองไปที่นักเตะ ยิ่งแล้วใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีนักเตะดัตช์มากมายเล่นให้ตลอดช่วงเวลาโดยเฉพาะในยุคของพรีเมียร์ ลีก
ชื่อของ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, รุด ฟาน นิสเตลรอย, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ยาป สตัม, ไรมอนด์ ฟาน เดอ ฮาว คือชื่อที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งกับทีม
รองลงมาก็มี ยอร์ดี้ ครัยฟ์, ดาเล่ย์ บลินด์, เมมฟิส เดอปาย, อเล็กซ์ บุทท์เนอร์ ไปจนถึงพวก ทาฮิธ ชอง, ทิโมธี โฟซู เมนซาห์ และรายล่าสุดคือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค
ต่างคนต่างมีภาพจำในสีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด แตกต่างกันออกไป ดีบ้าง แย่บ้าง แต่ต้องถือว่าโดยมากแล้วแข้งดัตช์ มักมีส่วนในความสำเร็จของแมนฯ ยูไนเต็ด เสมอมา
นับเฉพาะในยุคที่เปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ ลีก แล้ว แข้งดัตช์ที่ย้ายมาคนแรกเลยคือ ยอร์ดี้ ครัยฟฟ์ กับ ไรมอนด์ ฟาน เดอ ฮาว ที่ย้ายเข้ามาในซัมเมอร์ปี 1996 (พร้อมกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์, รอนนี่ ยอห์นเซ่น และ คาเรล โพบอร์สกี้)
แต่สองคนนี้ก็ไม่ใช่แข้งดัตช์คนแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะคนแรกจริงๆ ต้องย้อนไป 14 ปีก่อนหน้านั้น เขาคือ อาร์โนลด์ มูห์เรน
มูห์เรน เป็นมิดฟิลด์ทักษะดี จ่ายบอลแม่น เท้าซ้ายธรรมชาติ เขาเกิดที่โฟเลนดัม เล่นให้โฟเลนดัมได้ 1 ปี ก็โดน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คว้ามาร่วมทีมในปี 1971
ช่วงนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของอาแจ็กซ์ อย่างแท้จริง พวกเขาได้แชมป์ยุโรป 3 สมัยติด ภายใต้การนำของกัปตันทีม นักเตะเทวดา โยฮัน ครัยฟ์
มูห์เรน เล่นอยู่กับอาแจ็กซ์ 3 ปี เป็นตัวจริงในนัดชิง ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1972/73 และประสบความสำเร็จมากมาย รวมแล้วคว้าแชมป์ 7 รายการ จากนั้น เขาตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ ทเวนเต้ ในปี 1974
ทเวนเต้ เป็นทีมเล็กกว่าอาแจ็กซ์ แต่ก็ถือเป็นทีมที่มีพัฒนาการ อาร์โนลด์ มูห์เรน ช่วยทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ (ยูโรปา ลีก) แต่ไปแพ้ มึนเช่นกลัดบัค ที่นำโดยดาวยิงอย่าง จุ๊ปป์ ไฮน์เกส
ปี 1977 มุห์เรน นำทเวนเต้ คว้าแชมป์ดัตช์ คัพ มาครอง ด้วยการเอาชนะซโวลล์ ในนัดชิงชนะเลิศ 3-0 โดยตัวเขาทำประตูในนัดนี้ได้ด้วย
กฏเรื่องนักเตะต่างชาติของอังกฤษเปลี่ยนไปในปี 1978 แข้งนอกเหนือสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ได้รับอนุญาตให้มาเล่นฟุตบอลอาชีพในอังกฤษได้ ตอนนั้นหลายทีมในอังกฤษไปหาแข้งต่างชาติมาเสริมทัพ
สเปอร์ส กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปตะลุยตลาดอาร์เจนติน่า คว้าแข้งอาร์เจนไตน์มาร่วมทีม
ทว่าอิปสวิช ภายใต้การคุมทีมของ ปู่บ็อบ บ็อบบี้ ร็อบสัน เลือกไปฮอลแลนด์ และอิปสวิช ก็เซ็นคว้าตัว อาร์โนลด์ มูห์เรน ในวัย 27 ปีมาร่วมทีม
ตอนนั้นหวั่นเกรงกันว่า มูห์เรน จะมาเล่นในอังกฤษได้หรือไม่ เพราะบอลอังกฤษเกือบทุกทีมเล่นระบบ 4-4-2 แบบเบสิค คือ แผงกลาง ใช้ปีกสองข้าง กับมิดฟิลด์ตัวกลางยืนคู่กันเป็นแนวระนาบ มิดฟิลด์ตามแบบฉบับอังกฤษต้องฟิต แข็งแรง รุกได้รับได้
ขณะที่ มูห์เรน เองนั้นถนัดในการเล่น 4-3-3 แบบดัตช์ โดยเขาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวทางซ้ายในระบบกองกลาง 3 คนเป็นหลัก
กลายเป็นว่าแทนที่ มูห์เรน จะปรับตัวเข้ากับอิปสวิช เป็นอิปสวิช ที่ปรับให้เข้ากับ มูห์เรน เมื่อปู่บ็อบ เปลี่ยนแนวทางการเล่น จนทีมม้าขาวตอนนั้น เล่นเหมือนฟุตบอลดัตช์
"อิปสวิช เล่นเหมือนทีมดัตช์ และพิสูจน์ว่ามันเป็นไปได้ที่จะเล่นในแนวทางนั้นแล้วประสบความสำเร็จ" มูห์เรน กล่าวถึงเมื่อครั้งอยู่กับอิปสวิช
บ็อบบี้ ร็อบสัน เล่นมิดฟิลด์สามตัว โดยที่ให้หลังหนึ่งปีได้ตัว ฟรานส์ ไธส์เซ่น เพื่อนร่วมทีมทเวนเต้ ของเขาเข้ามาอีกคน
ด้านหน้าของอิปสวิชใช้ เอริค เกทส์ เป็นกองหน้าตัวต่ำสนับสนุน พอล มาริเนอร์ และ อลัน บราซิล
ม้าขาวชุดนี้ของ บ็อบบี้ ร็อบสัน เล่นฟุตบอลสนุกน่าเชียร์ และมีผลงานดี พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ มาครองได้สำเร็จด้วยในปี 1980/81 โดยในรอบชิงชนะเลิศ เป็นการเอาชนะทีมจากฮอลแลนด์เอง อย่าง อาแซ่ด 67 (ปัจจุบันคือ อาแซ่ด อัลค์มาร์) ด้วยประตูรวม 5-4
ในปี 1982 บ็อบบี้ ร็อบสัน ได้รับการแต่งตั้งไปคุมทีมชาติอังกฤษแทนที่ รอน กรีนวูด ส่งผลต่ออิปสวิช ไม่น้อย นั่นรวมถึง มูห์เรน เองด้วย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ รอน แอ็ตกินสัน เดินหน้าเข้าหา มูห์เรน ในวัย 31 ปี เพื่อคว้าตัวมาร่วมทีม
ปีศาจแดง ในเวลานั้น ยังคงเป็นทีมใหญ่ แม้ว่าผลงานในลีกของพวกเขาจะไม่น่าประทับใจนักมาหลายปี พวกเขายังโหยหาแชมป์ลีกสมัยแรกนับแต่ปี 1967
มูห์เรน ย้ายมาร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด "ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เล่นให้สโมสรใหญ่เช่นนี้" เขาเปิดเผยถึงการตัดสินใจในภายหลัง
การย้ายมายัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในปี 1982 นี่เองทำให้ อาร์โนลด์ มูห์เรน กลายเป็นนักเตะดัตช์คนแรก ที่เล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปีแรกที่มาร่วมทีม เขาก็ช่วยแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ทันที ในเกมนัดชิงชนะเลิศ เจอกับ ไบรตัน จบลงด้วยสกอร์ 0-0 ทำให้ต้องเตะนัดรีเพลย์ ซึ่งในเกมรีเพลย์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่มไป 4-0 โดยที่ตัวของ มูห์เรน เป็นคนยิงจุดโทษลูกปิดท้ายได้ด้วย
น่าเสียดายที่ปีศาจแดงในยุค 80s แม้จะเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้มัน ใจสู้ มีนักเตะฝีเท้าดีอยู่หลายคน แต่ขาดความสม่ำเสมอ คงเส้นคงวา
เป้าหมายในการลุ้นแชมป์ลีกไม่ประสบความสำเร็จ บิ๊กรอน แอ็ตกินสัน ร่วมงานกับ มูห์เรน 3 ปี ในช่วงนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จบอันดับ 3 , อันดับ 4 และอันดับ 4 ตามลำดับ
ไม่น่าเชื่อว่าในปี 1985 ด้วยวัย 34 ปีอาร์โนลด์ มูห์เรน จะมีช่วงปลายอาชีพที่รุ่งเรืองอีกครั้ง เมื่อเขากลับบ้านเกิดเพื่อไปเล่นให้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม อดีตต้นสังกัดในวัยหนุ่มอีกครั้ง
มูห์เรน ช่วยอาแจ็กซ์ คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ 2 สมัย และ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย ในปี 1987 ในฐานะตัวหลัก
ด้วยวัยที่มากขึ้น มูห์เรน กลับยิ่งแสดงให้เห็นถึงฝีเท้าของเขา กลายเป็นจอมทัพในแดนกลางของอาแจ็กซ์ รวมถึงไปถึงทีมชาติฮอลแลนด์ด้วย
ไฮไลท์ในอาชีพของเขาเกิดขึ้นในยูโร 1988 ซึ่ง มูห์เรน เป็นตัวหลักในแดนกลางให้กับทีมอัศวินสีส้ม ภายใต้การคุมของ "ท่านนายพล" ไรนุส มิเชลส์
เขายืนเป็นมิดฟิลด์กลางสนามคู่กับ ยาน วูเทอร์ส โดยมีนักเตะรุ่นน้องที่ถือเป็นระดับโลกอยู่รอบกาย ทั้ง โรนัลด์ คูมัน, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด, รุด กุลลิท และ มาร์โก แวน บาสเท่น
อาร์โนลด์ มูห์เรน เป็นตัวจริงให้ฮอลแลนด์ทุกนัด ซึ่งรวมถึงนัดชิงชนะเลิศ ที่ทีมเอาชนะสหภาพโซเวียต 2-0 คว้าแชมป์มาครองได้ด้วย
ซึ่ง มูห์เรน นี่แหละที่เป็นคนครอสบอลจากทางซ้ายไปให้ มาร์โก แวน บาสเท่น วอลเล่ย์มุมแคบแบบใบไม้ร่วงเป็นประตู 2-0 ลูกยิงลูกนี้ถูกยกย่องให้เป็นลูกวอลเล่ย์ที่ยิ่งใหญ่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
ในเวลานั้น อาร์โนลด์ มูห์เรน อายุ 37 ปีแล้ว หลังจบศึกยูโร เขาก็เล่นให้อาแจ็กซ์ อีก 1 ฤดูกาล แล้วแขวนสตั๊ดในปี 1989 ด้วยวัย 38 ปี
เหตุผลที่ทำให้เขายังคงค้าแข้งได้ยาวนาน ด้วยการเล่นในมาตรฐานระดับสูงมาตลอดคือความเป็นมืออาชีพอันยอดเยี่ยมของเขา ตามแบบฉบับชาวดัตช์
บ็อบบี้ ร็อบสัน เคยเอ่ยถึง มูห์เรน สมัยอยู่ที่อิปสวิช เอาไว้แบบนี้
"มูห์เรน คือคนเปิดบอลที่มหัศจรรย์มาก มีวิสัยทัศน์สุดยอด ผมไม่สามารถนึกถึงใครที่ผมยกย่องให้เหนือกว่า อาร์โนลด์เลยในเรื่องของความเป็นมืออาชีพ ไม่มีใครทำงานหนักเท่าเขา และเมื่อแม็ทช์แข่งขันจบลง เขาจะไม่ออกไปดื่ม แต่เขากลับบ้านไปนอนพักผ่อนทันที"
นี่คือความเป็นมืออาชีพที่ อาร์โนลด์ มูห์เรน แสดงให้เห็นเมื่อ 40 กว่าปีก่อนโน้นในวงการฟุตบอลอังกฤษ ในยุคที่นักเตะอังกฤษส่วนใหญ่ มีงานอดิเรกหลังแข่งคือการเข้าผับไปดื่มเบียร์ดื่มเหล้า
แนวทางการปฏิบัติตัวแบบนักเตะดัตช์ วางตัวอย่างมืออาชีพตามแบบฉบับชาวดัตช์ จะถูกปลูกฝังกันรุ่นต่อรุ่น หวังว่า ในการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ผู้จัดการทีมดัตช์คนใหม่
เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในรั้วปีศาจแดง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา