สิ่งที่คุณกล่าวถึง ก็คือกรรมนั่นแหละ ที่คุณบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ที่การกระทําในปัจจุบัน จะดีจะเลวอยู่ที่ตัวเราเอง นั่นคือคุณกําลังพูดถึงเรื่องกรรมแล้ว แต่คุณไม่เข้าใจความหมายที่ว่า ทําอะไรลงไป ย่อมได้รับผลจากการกระทำนั้นๆ แล้วคุณเคยคิดถึงสาเหตุที่คุณจะทําหรือไม่ทําอะไร ว่ามาจากสาเหตุหรือแรงจูงใจอันใด คุณไม่เชื่อว่ากรรมกําหนดให้คุณคิดเช่นนั้น และผลจากการกระทำนั้นว่าจะเกิดผลอย่างไร? จะเกิดหรือไม่?จะเกิดเมื่อไร? ในกรณีที่กรรมไม่มีอยู่จริง ดังนั้นสิ่งที่คุณคิดก็จะเป็นไปตามสภานะการ์ณด้านล่างที่ผมจําลอง sinario ขึ้นมา คุณลองพิจารณาดูว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่? ตามความเชื่อของคุณเอง ตัวอย่างเช่น
- การที่เราได้เกิดมาเป็น มนุษย์ เป็นลูกของพ่อแม่ เป็นครอบครัว มีพ่อแม่ พี่น้อง เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่มีสาเหตุอะไรทั้งสิ้น ความผูกพันที่เกิด บางครอบครัวก็รักกันมาก บางครอบครัวก็ทะเลาะกันเป็นประจำเป็นเรื่องบังเอิญ หรือดวง
- ขายหญิง ที่ได้มาเจอกันและมีความรักให้แก่กัน เป็นเรื่องบังเอิญ พรหมลิขิตไม่มีจริง
- คนทําดี แล้วได้ดี ทําขั่วได้ชั่ว ก็ไม่จริง เพราะผลของกรรมไม่มีอยู่จริง
- การดุด่าว่ากล่าวผู้อื่นที่ไม่รู้จัก หรือเดินไปเขกหัวผู้อื่น แล้วโดนต่อยกลับมา ก็เป็นเรื่องบังเอิญ เพราะกรรมไม่มีจริง
- การที่เรามีความรู้สึกดีๆ ให้กับบุคคลอื่นๆ โดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็เป็นเรื่องบังเอิญ
- คนรวย อยู่ๆ กลับมาจน หรือคนจน อยู่ๆถูกลอตเตอรี่เป็นเรื่องบังเอิญ
- การทำบุญ บริจาคทาน ไม่มีผลอันใด การทําดีต่อผู้อื่น ก็ไม่มีผลอันใด
- ความรักความเมตตา ก็ไม่มีอยู่จริง เพราะทําไปก็ไม่มีผลอะไรกลับมา จะทําไปไปทำไม
- กรรมไม่มีอยู่จริง ดังนั้นตายแล้วสูญ ไม่มีการเกิดใหม่ หรือถ้ามีการเกิดใหม่ ก็เป็นการรีเซ็ตระบบใหม่ เพราะไม่มีผลของกรรมส่งผล ทุกคนจะเกิดมาเหมือนกันหมด จะรวย จะจนก็เหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่าง คําว่ากรรมจําแนก สัตว์ ให้มีความแตกต่างกัน ก็ไม่จริง เพราะฉะนั้นทุกสิ่งในจักรวาลจะเหมือนกันหมด จะมีสมช. รูปแบบเดียวในจักรวาล ที่ทําอะไรก็ได้ เพราะกรรมไม่มีผลอันใด จะดีจะขั่วตายไปก็จะถูกรีเซ็ตใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่
จะเห็นได้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นไปตามตัวอย่างที่ยกขึ้นมา เพราะกรรมทําหน้าที่จําแนกสัตว์เสมอ และผลของกรรมกว้างใหญ่ไพศาล เกินกว่าจินตนาการได้ กรรม เกิดจากเจตนา ที่มาจากความคิด ก่อให้เกิดเป็นคําพูด เป็นการกระทำ การคิดไม่ดี คิดขั่วร้ายถึงจะไม่ลงมือกระทำ ก็ถือว่าได้สร้างกรรมแล้ว
เรื่องนี้เป็นคําถามที่วนไปวนมาใน BD และวนไปวนมาตามกระทู้ทั่วโลก จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องมีเหตุให้เชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ไม่เชื่อลูกเดียว และค้านแบบหัวชนฝา จึงจะถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
