25 เม.ย. 2022 เวลา 18:57 • ประวัติศาสตร์
"วิธีการหาตาน้ำของชาวอีสานในอดีตก่อนขุดส่าง"
ในอดีตการขุดส่างเพื่อทำบ่อน้ำนั้นใช่ว่าจะขุดลงไปแล้วน้ำจะผุดขึ้นมาเลย โดยเฉพาะการขุดส่างไว้บนโคก ซึ่งเป็นพื้นที่แห้งแล้งจากน้ำ โอกาสที่จะขุดลงไปแล้วเจอน้ำนั้นน้อยมาก ดังนั้น เราอาจจะเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านปู่ย่าตายายเล่าให้ฟังถึงเรื่องการเดินหาบคุขี้ซีไปตักน้ำมาใช้ในแต่ละวันตามโคกต่างๆที่มีการขุดส่างเอาไว้ บางโคกอาจจะใกล้จากเฮือนหลายกิโลเมตร บางโคกอาจจะอยู่ใกล้หมู่บ้าน เช่น ส่างแส่งโคกป่ากุง ส่างแส่งโคกป่าแก ส่างแส่งโคกขี้เหล็ก ฯลฯ (คนอีสานจะตั้งชื่อสถานที่ตามลักษณะของภูมิประเทศและต้นไม้ที่มีมากหรือเป็นจุดเด่นในบริเวณ แม้การตั้งชื่อหมู่บ้านก็ด้วย)
3
ส่างเก็บน้ำก็เป็นสิ่งที่ชาวบ้านร่วมแรงรวมใจขุดช่วยกัน จนมีวลีที่พูดกันเล่นว่า "ไผบ่ขุดบ่ให้ตักนำ" เมื่อขุดเสร็จแล้วส่างจะมีชื่อเรียกตามลักษณะการตกแต่ง เช่น ส่างที่การใส่ไม้กั้นทั้งสี่ด้านทำเป็นผนังลงไปและโผล่พ้นดินขึ้นมา เรียกว่า ส่างแส่ง คำว่าแส่งในภาษาอีสาน คือ ไม้ที่นำมากั้นดินทรุด หรือเป็นสิ่งกำบังไม่ให้สิ่งอื่นรุกล้ำเข้าไปในสิ่งที่อยู่ในแส่ง เช่น แส่งฮ้านผัก กันไก่ไม่ให้เข้าไปเขี่ยผัก การใส่แส่งให้ส่างน้ำก็เพื่อไม่ให้ดินผนังส่างตกลงไปในบ่อ บ่อจะตื่นและไปอุดตาน้ำ ส่วนแส่งที่โผล่พ้นดินขึ้นมานั้นก็เพื่อไม่ให้สัตว์ หมู หมา วัว ควาย เดินตกส่าง บางส่างอาจจะใส่แส่งด้วยการปั้นดินขึ้น เรียกว่า ส่างแส่งดิน แต่ประเด็นที่น่าสนใจและอยากนำเสนอผู้อ่านคือ
คนอีสานในอดีตนั้นรู้ได้อย่างไรว่า ตรงไหนมีตาน้ำ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดดินแบบสุ่มเอา แบบมั่วๆขุดลึกตั้ง 3- 7 เมตร บางที่ 9 เมตรก็ยังมี แสดงว่าต้องมีวิธีในการดูและเสาะหาแหล่งตาน้ำในพื้นที่อันแห้งแล้งอย่างเช่นโคก เป็นต้น
คนอีสานในอดีตมีภูมิปัญญาที่สั่งสมและตกทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ นั้นคือวิธีการหาตาน้ำเพื่อขุดส่าง
1.ดูจากต้นไม้
1.1 ดูจากต้นไม้เล็ก ต้นตองหมอง หรือ กระโดนจาน ต้นพังคี ต้นไม้เหล่านี้เกิดบนโคกแต่จะอาศัยเกิดขึ้นตรงที่มีตาน้ำ หากขุดบริเวณที่ต้นไม้ชนิดนี้เกิด ขุดลงไปตามรากจะพบตาน้ำ
1.2 ดูจากต้นไม้ใหญ่ ต้นจิก ต้นฮัง ที่เกิดเองตามธรรมชาติและมักเกิดขึ้นอยู่ตามโคก เพราะต้นไม้เหล่านี้ เป็นต้นไม้ทนแล้ง รากลึกหยั่งถึงตาน้ำ แผ่นดินแล้ง ไฟใหม้ก็ไม่ตาย ดังนั้นจึงมีการขุดส่างใต้ต้นจิกต้นฮัง เพราะด้านล่างอาจมีตาน้ำ
2
2. ด้วยภาชนะ คือ คุขี้ซี คุขี้ซีนอกจากจะเป็นภาชนะที่คู่กันกับส่างเพื่อใช้ตักและหาบน้ำแล้วยังสามารถหาตาน้ำได้ คู่ขี้ซีคือ ตะกร้าไม้ไผ่สานแล้วทาด้วยยางไม้ที่แห้งแล้วน้ำมาบดเป็นผงผสมน้ำมันจากต้นยางหรือผสมน้ำมันก๊าซ น้ำมันมะพร้าวก็ได้ เรียกว่า ขี้ซี นำมาทาตะกร้าไม่ไผ่สานเพื่ออุดรอยรั่วก็จะสามารถกับเก็บน้ำได้ เรียกว่า คุขี้ซี แล้วคุขี้ซีที่ว่านี้หาตาน้ำได้อย่างไร วิธีคือ เอาคุขี้ซีมาตัดฮวงจับ หรือหูหิ้วออก คุจะต้องไม่รั่วจากนั้นนำคุขี้ซีไปวางคว่ำไว้ในพื้นที่ที่คิดว่าจะมีตาน้ำ ถางหญ้าออกก่อนวาง เมื่อวางคว่ำไว้แล้วให้นำดินถมขอบคุเอาไว้ไม่ให้อากาศเข้าไป น้ำกิงไม้มาปกคลุมคุเอาไว้ จากนั้นวันสองวันมาเปิดดู หากเห็นว่ามีไอน้ำหรือความชื้นขึ้นที่คุด้านในก็แสดงว่าตรงนั้นมีตาน้ำ ก็จะลงมือขุด
1
3.จากจอมปลวก เพราะปลวกจะก่อรังขึ้นได้ต้องอาศัยน้ำเป็นส่วนผสมในการทำรัง ที่ใดมีจอมปลวกก็แสดงว่าด้านล่างนั้นมีตาน้ำ จึงพังจอมปลวกแล้วขุดตามรูของปลวกลงไปก็จะพบตาน้ำ ผู้คนในแถบทุ่งกุลามักจะใช้วิธีการนี้
วัฒนธรรมการตักน้ำของคนอีสานในอดีตทำให้เกิดเรื่องราวมากมายแตกแขนงออกไป เช่น การจีบพลอดรักกันของหนุ่มสาว การไปตักน้ำส่างเป็นโอกาสให้หนุ่มได้พบรัก หนุ่มบางคนไปดักรอพบสาวที่น้ำส่าง บางคู่นัดกันที่ส่าง ต้องตื่นแต่เช้า หรือตื่นแต่ดึกเพื่อไปนั่งรอน้ำออกส่าง บางครั้งน้ำไม่ออกส่าง ผู้ชายก็จะลงไปขุดตาน้ำ เพราะดินอาจจะไปอุดตาน้ำเอาไว้ เมื่อน้ำออกบ่อพอที่จะตักได้แล้ว ฝ่ายผู้หญิงก็จะต้องตักน้ำให้ผู้ชายไว้อาบก่อน มันเป็นธรรมเนียบ ถึงสาวจะไม่ชอบผู้ชายคนนั้นก็ตาม เมื่อเขามาจีบ จะต้องตักน้ำให้เขาอาบก่อน เป็นมารยาททางสังคม เกิดเป็นเนินสาวเซา หมายถึง เนินที่สาวๆหาบน้ำมาแล้วเมื่อยก็จะหยุดพักกลางทาง สถานที่หยุดพักน้ำนั้น เรียกว่า เนินสาวเซา เซา แปลว่า หยุด หนุ่มๆก็จะไปรอจีบสาวที่เนินสาวเซา บางคนก็อาสาหาบน้ำให้สาวที่ตนชอบจนถึงบ้าน
สิ่งต่างๆเหล่านี้ผมได้ถ่ายทอดลงไว้ในภาพยนตร์ นายฮ้อยเลือดอีสาน ที่กำลังถ่ายทำอยู่
1
สุภิวัฒน์ ชุมยางสิม เขียน
โฆษณา