26 เม.ย. 2022 เวลา 03:36 • อสังหาริมทรัพย์
8 ธุรกิจ Wellness บิ๊กอสังหาฯ ร่วมกับพันธมิตร งบลงทุนรวม 1.5 แสนล้านบาท
ธุรกิจสุขภาพ หรือ Wellness Business เป็นเมกะเทรนด์ที่เติบโตได้ดีทั่วโลก สวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา โดยเฉพาะหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลง ทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ต้องเร่งปรับรูปแบบสินค้าและบริการ ผุดโครงการใหม่ ๆ และโมเดลธุรกิจใหม่จากการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล ศูนย์ดูแลสุขภาพ โครงการอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม หรือแพลตฟอร์ม เทคโนโลยีด้านสุขภาพ Telemedicine เป็นต้น
Wellness เค้กก้อนใหญ่ โอกาสของธุรกิจอสังหาฯ
แนวโน้มธุรกิจ Wellness ที่มาแรงทั่วโลกนั้นมีมูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 145 ล้านล้านบาท ในปี 2563 โดยแบ่งออกเป็นหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพความงาม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม (Wellness Real Estate) ซึ่งเติบโตได้ดี 22% ต่อปี ขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวมหดตัวลง -2.5% ต่อปีจากพิษโควิด-19 ในช่วงปี พ.ศ. 2562-2563 ตามรายงานของ Global Wellness Institute โดยปัจจุบันอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมมีมูลค่าสูงถึง 275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9 ล้านล้านบาท) ในปี พ.ศ.2563 จากเดิม 148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) ในปีพ.ศ. 2560
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่ไปจนถึงรายเล็ก เปิดตัวโครงการอสังหาฯ ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจใหม่ผ่านการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัททุ่มงบประมาณในการลงทุนโครงการสูง เนื่องจากเห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ตามมา ยิ่งในภาวะที่ตลาดอสังหาฯ หดตัว ธุรกิจอสังหาฯ จึงต้องปรับตัวให้พร้อมเพื่อเจาะกลุ่ม Real Demand หาตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ ส่งผลให้ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนเค้กก้อนใหญ่ที่ยังมีผู้เล่นไม่มากนัก
มูลค่าของธุรกิจ Wellness ในวงการอสังหาฯ ไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด หากนับเพียง 8 โครงการจากบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของประเทศก็มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.5 แสนล้านบาทแล้ว ยังไม่รวมโครงการอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่ผู้พัฒนาได้สอดแทรกการดูแลสุขภาพไว้ในรายละเอียดการออกแบบ หรือเพิ่มบริการ เทคโนโลยีด้านสุขภาพเข้ามาในโครงการ ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ โรงแรมทั่วไปที่เพิ่มบริการดูแลสุขภาพ และฮอสพิเทล ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ทั้งนี้หากนับรวมโครงการเหล่านี้มูลค่าของตลาด Wellness จะใหญ่กว่านี้มาก
ความร่วมมือนำไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่
ที่น่าสนใจคือ บริษัทอสังหาฯ หลายรายไม่ได้หันมาทำโครงการหรือสร้างโมเดลธุรกิจใหม่เพียงลำพัง แต่เกิดจากความร่วมมือกับธุรกิจสุขภาพ เช่น โรงพยาบาล คลินิก ศูนย์ดูแลผู้สุงอายุต่าง ๆ เพื่อพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เช่น
บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ผู้พัฒนาโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 125,000 ล้านบาท โดยมีพันธมิตร Baycrest Global Solutions ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสมองและการดูแลผู้สูงวัยชื่อดังระดับโลก ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 100 ปี จากประเทศแคนาดามาเป็นที่ปรึกษา และสร้างโปรแกรม Health and Wellness Activity ในลักษณะ Preventive Care หรือการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ทั้งการลดปัจจัยและความเสี่ยงการเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงวัย และอีกหลายองค์ความรู้ที่นำมาผนวกเข้ากับการแพทย์ในเมืองไทยและเอเชีย เพื่อสร้างสุขภาพกายและสมองที่แข็งแรง และใจที่เป็นสุขแก่ผู้สูงวัย” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในโครงการ ดิ แอสเพน ทรี The Aspen Tree ซึ่งให้บริการในรูปแบบคอนโดผู้สูงอายุอีกด้วย
นอกจากนี้ยังจับมือกับเมืองไทยประกันชีวิต ออกแบบประกันชีวิต "อีลิท เฮลท์" คุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่หลังเซ็นสัญญา และช่วงการก่อสร้างโครงการฯ และจะเพิ่มความคุ้มครองเป็น 40 ล้านบาทต่อปี เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จ และโอนสิทธิการเช่าสำเร็จ โดยมีความคุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปี สำหรับลูกบ้านโครงการ ดิ แอสเพน ทรี
บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หันมาจับธุรกิจสุขภาพ เปิดตัวโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2560 ด้วยงบประมาณ 5,000 ล้านบาท และเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2564 โดยเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการทำธุรกิจสุขภาพรับเมกะเทรนด์สุขภาพ และสังคมผู้สูงวัย เป็นแหล่งรายได้ประจำใหม่ (Recurring Income) ในพอร์ตของบริษัทที่แต่เดิมเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 100% โดยมีแนวคิดว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัย ด้วยบริการ Nursing Home และโครงการ ViMUT Health Center ที่โครงการ Pruksa Avenue ในย่านบางนา-วงแหวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพ ที่ครอบคลุมบริการที่หลากหลาย อาทิ คลินิก ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมถึงบริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565
โดยปัจจุบันโรงพยาบาลสามารถทำร้านได้ทะลุเปิดเดิม 375 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตราว 15-20% ในปีถัดไป
มนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจบริการด้านโรงแรมและที่พักระดับ Ultra Luxury เปิดตัวโครงการ “ตรีวนันดา” (Tri Vananda) ในจังหวัดภูเก็ต เป็นโครงการที่พักอาศัย Wellness Community ที่ดีแบบองค์รวม ผสานแนวคิด Integrative Wellness Community แห่งแรกของเอเชีย เดินหน้าขับเคลื่อน Phuket Medical Hub หนุนไทยก้าวสู่ “ศูนย์กลางด้านดูแลสุขภาพโลก”
โดยโครงการสร้างบนพื้นที่ 600 ไร่ ใช้งบลงทุนราว 6,600 ล้านบาทประกอบด้วย 3 โซนหลัก ได้แก่ โซนที่พักอาศัย รีสอร์ทเพื่อสุขภาพ และสวนพฤกษศาสตร์ โดยบริษัทใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการในส่วนของสิ่งปลูกสร้างเพียง 15% ส่วนพื้นที่ทั้งหมดยังคงเหลือพื้นที่ส่วนใหญ่ ไว้เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสร้างสมดุลของแก่ระบบนิเวศน์อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะทะเลสาบทั้ง 9 แห่งที่โอบล้อมรอบที่พักอาศัย มีระบบไฟฟ้าจากแสงแดดและการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบด้วยกลไกทางธรรมชาติ เพื่อให้สามารถนำน้ำมาใช้ในโครงการและเอื้อประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง
บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) เปิดตัวโครงการ “นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ท” ศูนย์การแพทย์และความงามระดับเวิลด์คลาสควบคู่รีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาวริมหาดส่วนตัว รับแนวโน้มธุรกิจสุขภาพที่มาแรงทั่วโลก สอดคล้องกับเป้าหมายที่ประเทศไทยจะเป็น เมดิคัลฮับ (Medical Hub) หรือ ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ โดยที่ดินแปลงนี้ถูกเทคโอเวอร์จากเจ้าของเดิม และซื้อที่ดินเพิ่มรวม 71 ไร่ ริมหาดนาใต้ จ.พังงา โดยประเมินงบลงทุนโครงการราว 4.6 พันล้านบาท แบ่งการพัฒนาเป็น 7 โซน ประกอบไปด้วย Life Clinic & Well-Being Resort ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพระดับพรีเมียม ควบคู่กับรีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาว ห้องพักและพูลวิลล่า รวมของเดิมทั้งสิ้น 177 ยูนิต นำร่องเปิดปลายปี 2564
เฟสถัดไป คือ "เมดิคัล เซ็นเตอร์" ศูนย์การแพทย์พร้อมบริการผ่าตัดทางการแพทย์ และการวินิจฉัยโรค ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เวชศาสตร์การกีฬาชะลอวัย บริการ IVF และ ศูนย์กัญชาบำบัด เป็นต้น คาดแล้วเสร็จทั้งโปรเจกต์ในปี 2568
บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ชูแผนธุรกิจใหม่สร้างอาณาจักร Medical and Wellness ด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โรงพยาบาล แฟรนไชส์ แพลตฟอร์มออนไลน์ และผลิตภัณฑ์ เพื่อหาตลาดกลุ่มใหม่ หลังขาดทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ณุศาศิริ มีประสบการณ์ในธุรกิจสุขภาพมาแล้วในจีน เมื่อปี พ.ศ. 2563 ที่ บริษัทเข้าซื้อแฟรนส์ไชส์โรงพยาบาลจากเยอรมนี เพื่อรุกทำตลาดสุขภาพในประเทศจีนสร้างรายได้และผลกำไรมากกว่า 4 ล้านหยวน ในระยะเวลาเพียง 5 เดือน จากนั้นจึงต่อยอดเป็นแพลตฟอร์มช่วยแปลภาษาต่างชาติเป็นภาษาจีนและช่วยเรคคอร์ดข้อมูลให้กับลูกค้าที่เข้ารักษาตัวสามารถสื่อสารกับแพทย์ต่างชาติได้ เมื่อธุรกิจโรงพยาบาลในจีนเริ่มอยู่ตัว ณุศาศิริขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อแบรนด์โรงพยาบาลพานาซีในเยอรมนีและประเทศไทย ซึ่งดำเนินการเข้าซื้อเป็นที่เรียบร้อยและคาดว่าจะสามารถรวมเข้ากลุ่มธุรกิจได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 โดยใช้งบรวมกันกว่า 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ณุศาศิริ ยังมุ่งไปทางด้านการรักษาผู้ป่วยด้วยสารแคนนาบินอยด์ โดยจับมือกับ บริษัท CSR จากประเทศจีน ทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท ปั้น Medical Technology ลุยธุรกิจ “กัญชา กัญชง” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกหมวด ทั้งสกินแคร์ เครื่องดื่ม และอาหารเสริม ฯลฯ ที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงผ่านทุกช่องทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ณุศาศิริ ยังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องสุขภาพ ในนาม “ณุศาเทค” โดยใช้ AI วิจัยและเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของคนไทย อาทิ “MORHELLO” ที่ดึงกลุ่มแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีความสนใจในการรักษาโดยใช้สารแคนนาบินอยด์
บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ร่วมพันธมิตร ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและชะลอวัยไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวโครงการ “รักษ” (รัก-ษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม บนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ บนคุ้งบางกะเจ้า สมุทรปราการ โดยตั้งเป้าให้เป็น “World Class medical wellness destination” มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาท โดยในพื้นที่เฟสแรก 60 ไร่ ประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (เปิดให้บริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆ แวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุน
ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาท เป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืน ส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไร เช่น โปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหาร โปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกัน โปรแกรมควบคุมน้ำหนัก โปรแกรมผ่อนคลายความเครียด ราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืน โครงการนี้เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของ บมจ. มั่นคงเคหะ ที่ต้องการพัฒนาธุรกิจรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 50/50 และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆ ที่ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจสุขภาพอย่างเต็มตัว
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาโครงการ ศุภวัฒนาลัย (Supalai Wellness Valley) หมู่บ้านสำหรับ “สังคมผู้สูงวัย 50+” โดยมีเนื้อที่ขยายจากโรงแรมป่าสัก สระบุรี ที่มีอยู่ 189 ไร่ บนโค้งแม่น้ำป่าสัก โครงการนี้เกิดจากแนวคิดของ คุณประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บมจ. ศุภาลัย เพื่อตอบรับสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย เพื่อสร้างต้นแบบของการใช้ชีวิตของสังคมผู้สูงวัยยุคใหม่ที่มีการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์สังคม โดยเริ่มต้นยังไม่ได้มองถึงผลทางธุรกิจ
โครงการศุภวัฒนาลัย ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีดั้งเดิมในรีสอร์ท ได้แก่ ร้านอาหาร พื้นที่ออกกำลังกาย สวน และสปา รวมทั้งเพิ่มบริการพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่ มีพยาบาลดูแลรักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงวัย เช่น ประตูห้องนอนและห้องน้ำบานเลื่อนมีราวจับ แพทย์หรือพยาบาลประจำรองรับเหตุฉุกเฉินพร้อมนำส่งโรงพยาบาล มีกิจกรรมสันทนาการ มีการเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีติดตามตัวคอยเรียกได้ตลอด 24ชม ในโครงการมีบ้านพักรวม 144 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท เบื้องต้นจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 4 เฟส โดยเฟสแรก 65 ยูนิต พร้อมเข้าอยู่ในปี พ.ศ. 2563
บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญในด้านอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกับ เดอะ แคร์ แอนด์ เฮลธ์ กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกอบรมบุคลากรทางด้านสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐาน พัฒนาโครงการ “ศิริอรุณแคร์” ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาท โดยมี 2 สาขาในกรุงเทพฯและ 1 สาขาในอุบลราชธานี โดยให้บริการดูแลผู้อยู่ในระยะพักฟื้นและผู้สูงอายุ เน้นให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยการวางแผนการดูแลให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการ และสถานะสุขภาพเฉพาะราย
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปสู่ “Wellness Residences” สร้างความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม (Well-being) ผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยีการบริการ และการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการมีสุขภาพที่ดี โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้เครือพาร์ค ลักชัวรี่ (Park Luxury) อาทิ
โครงการ ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4 โครงการ โซโห แบงค็อก รัชดา รวมถึงโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ นอกจากนี้ ลูกบ้านทุกโครงการในเครือพาร์ค ลักชัวรี่ จะได้รับบัตร ORIGIN Samitivej Club รับส่วนลดพิเศษเมื่อเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และศรีนครินทร์ และสามารถเข้าถึงบริการ Samitivej Virtual Hospital ผ่านแอป Origin Connect ร่วมกับนวัตกรรมชุดตรวจสุขภาพเบื้องต้น TytoCare และมีการจัดคอร์สดูแลสุขภาพที่สามารถใช้บริการได้ภายในโครงการโดยวิทยากรจากสมิติเวชอีกด้วย
ขณะเดียวกัน จะมีการอำนวยความสะดวกและมอบสิทธิพิเศษให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการสุขภาพต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย เช่น บ้านจัดสรรเครือบริทาเนีย (Britania) บริการ FitLAB บริการสำหรับลูกบ้านที่รักการออกกำลังกาย รวมถึงผู้สูงอายุที่อยากจะออกกำลังกายด้วย เป็นตัวที่จะเข้ามาช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้ดีขึ้น ถูกต้องถามสรรถภาพของร่างกาย รวมถึงยังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายอีกด้วย โดยจะเริ่มในโครงการเบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9 โครงการบ้านจัดสรรแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Wellness Technology ในวงการอสังหาฯ
นอกจากการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยต่าง ๆ แล้วยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในยุคนี้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม หรือ เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล (TeleMedicine) ที่จะทำให้คนสะดวกต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล สอดรับกับแนวโน้มธุรกิจสุขภาพ และสังคมผู้สูงวัย ซึ่งมีบริษัทรายใหญ่หลายรายก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้ ได้แก่
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จับมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช พัฒนาแพลตฟอร์ม WHAbit ล่าสุดได้ประกาศลงนามในบันทึกความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาดิจิทัลเฮลธ์แคร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการและโซลูชันการดูแลสุขภาพสำหรับพนักงานและลูกค้าทั้งหมดในนิคมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์เซ็นเตอร์ และอาคารสำนักงานของดับบลิวเอชเอ ผ่านแพลตฟอร์ม WHAbit ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพได้ โดยปรึกษาแพทย์ผ่านทางวิดีโอคอลกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรค การรักษา และการจ่ายยา ได้อย่างสะดวกสบาย โดยดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปมีแผนที่จะนำแอปพลิเคชัน WHAbit นี้ มาให้บริการแก่กลุ่มลูกค้า หรือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ภายในไตรมาส 3 ปี 2565
เป็นที่น่าจับตามองว่าแนวโน้มธุรกิจสุขภาพ Wellness ในวงการอสังหาฯ ของประเทศไทยจะเติบโตไปในทิศทางใด จากที่ได้เห็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง Startup ต่างพากันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เข้ามามากมาย ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาเปลีี่ยนวิถีชีวิต การดูแลสุขภาพของเรา ในอนาคตที่อยู่อาศัยทุกแห่งอาจเชื่อมกับโรงพยาบาลด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล ทุกคนจะสามารถติดต่อ ตรวจสุขภาพ สั่งยา จากบ้านโดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่ สามารถดูแลรักษาตัวเองจากที่บ้าน หรือมีบริการทางการแพทย์เดินทางมาหาเราเองได้ง่าย ๆ รวมไปถึงอสังหาฯ อื่น ๆ ก็อาจให้บริการได้มากกว่าเดิม บ้านอาจไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย โรงแรมไม่ได้เป็นแค่สถานที่พักผ่อน แต่สามารถให้บริการด้านสุขภาพ และบริการทางการแพทย์เบื้องต้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวเลย แต่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยของเรานี้เอง
หากคุณสนใจเทรนด์สุขภาพในวงการอสังหาฯ
สัมมนาออนไลน์: The Future of Wellness Real Estate
เจาะแนวคิดการพัฒนาของวิทยากรชั้นนำในประเทศไทย
6 พฤษภาคมนี้ 8.30 - 18.00 น.
Online ผ่าน Facebook Group
เพียง 1200 บาท/ท่าน
ดูรายละเอียด >> https://bit.ly/34d1n9P
สิ่งที่คุณจะได้รับจากงานสัมมนานี้ ซึ่งหาไม่ได้จากที่ไหน
  • TRENDS แสวงหาโอกาสของธุรกิจคุณ ในวันที่เทรนด์สุขภาพมาแรงในวงการอสังหาฯ และธุรกิจสุขภาพ
  • INSIGHT เจาะแนวคิดธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจสุขภาพจากวิทยากรชั้นนำในประเทศไทย
  • SMART SOLUTIONS อัพเดทนวัตกรรม เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง
โอกาสใหม่ของธุรกิจคุณ อยู่ที่นี่แล้ว
คุณพร้อมจะปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไปแล้วหรือยัง?
Writer
คุณน้ำทิพย์ พรโชคชัย
นักประเมินค่าทรัพย์สินระดับชั้นสามัญ MD, Area Research ผู้พัฒนา Feasy โปรแกรมวิเคราะห์การลงทุนอสังหาฯ
โฆษณา