27 เม.ย. 2022 เวลา 01:08 • ไลฟ์สไตล์
5 สถานที่มากมายในเมือง Palm Springs กับ Coachella
MILLI Effect : จากการที่ มิลลิ กิน ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’ บนเวที Coachella แค่ 1 คำ ทำให้ยอดสั่งซื้อบนเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า!
วันนี้ Bnomics จะพามารู้จักกับเทศกาลดนตรีและศิลปะโคเชลลาแวลลีย์ หรือเรียกสั่นๆว่า เทศกาลโคเชลลา (Coachella) เป็นเทศกาลดนตรีและศิลปะประจำปีที่จัดขึ้นที่เอมไพร์โปโลคลับ ในเมืองอินดิโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย
จัดขึ้นครั้งแรกในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 เป็นเทศกาลสองวันโดยมี Beck กับ Rage Against the Machine เป็นนักร้องนำของงานเพื่อดึงดูดความสนใจของคนดู ซึ่งผลตอบรับทำให้มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 25,000 คน แต่อย่างไรก็ตามเทศกาลนี้กลับล้มเหลวและไม่ได้ทำเงินให้กับผู้จัดเลย
เนื่องจากงานนั้นจัดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากงานเทศกาลอีกอันที่มีชื่อว่า Woodstock '99 ผู้จัดงานของ Coachella จึงหยุดจัดงานไปหนึ่งปีแล้วจึงนำเทศกาลกลับมาเป็นงานวันเดียวในเดือนเมษายน 2544 Coachella กลับมาใช้รูปแบบสองวัน ในเดือนเมษายนของปีต่อไป และขยายเป็นสามในปี 2553 ปัจจุบันงานจัดขึ้นในวันสุดสัปดาห์ 3 วันในช่วงเดือนเมษายน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูงในทะเลทรายอันร้อนระอุ
แม้ว่าหลาย ๆ คนจะมองว่างาน Coachella เป็นงานของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแนวโน้มที่ไปได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับงานเทศกาลอื่น ๆ แต่รายชื่อของนักร้องเพลงในหมวดของร็อคป๊อปและฮิปฮอปก็มาเป็นอันดับต้นๆ ของวงการเช่นกัน ด้วยการผสมผสานของศิลปินหน้าใหม่และนักแสดงที่มีชื่อเสียง ผู้จัดงานยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้เทศกาลนั้นดูสดใหม่อยู่เสมอ และมีการแสดงเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่จะเกิดการซ้ำ ศิลปินชั้นนำที่เคยถูกเชิญให้มาร่วมแสดงคือ Madonna, Jay-Z, Portishead และ Paul McCartney ที่ขึ้นแสดงบนเวทีเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
เครดิตภาพ : Wikipedia
นอกจากจะได้สัมผัสประสบการณ์การแสดงดนตรีแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถชมงานศิลปะ (โดยเฉพาะงานประติมากรรม) และเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่ม ในปี 2010 ผู้จัดงานได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้เข้าร่วมบางคนด้วยการงดการขายตั๋ววันเดียวแทนแต่ขายบัตรเทศกาลสามวันเต็มเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมงานยังคงพร้อมที่จะเดิมทางมาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ที่ต้องคอยลุ้นทุกปี Coachella ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุด และยังได้สร้างสถิติด้วยการดึงดูดผู้คนประมาณ 75,000 คนในแต่ละวัน ทำรายได้สูงถึง 114.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาน 3,911,298,000 บาท
นอกจากเทศกาลโคเชลลาแล้ว ปาล์มสปริงส์ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดของชาวซานดิเอโกและเมืองลอสแอนเจลิส ด้วยความที่ห่างกันเพียง 2-3 ชั่วโมง บวกกับสภาพอากาศที่อบอุ่น กลิ่นอายชองความสนุกสนาน และรีสอร์ทกอล์ฟที่มีให้เลือกมากมาย ปาล์มสปริงส์ยังมีสิ่งต่างๆ ให้เลือกทำอีกมากเช่น การช็อปปิ้งการรับประทานอาหารและการท่องเที่ยวไปจนถึงการเดินสำรวจภูเขาและหุบเขาที่ล้อมรอบเมือง หากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแล้วไม่ได้ไปถือว่าพลาด
1. Palm Springs Aerial Tramway
เครดิตภาพ : Los Angeles Times
รถรางหมุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้ระยะการเดินทางกว่าสองไมล์ครึ่งไปตามหน้าผาอันสวยงามของ Chino Canyon ซึ่งจะพาผู้โดยสารไปยัง Mt. San Jacinto State Park ในช่วงระหว่างการเดินทางประมาน 10 นาทีของคุณ
รถรางจะหมุนช้าๆ ให้ทุกคนได้ดื่มดำไปกับทัศนียภาพอันงดงามและตระการตาของพื้นหุบเขาเบื้องล่าง และเมื่อคุณไปถึงสถานี Mountain Station ที่ความสูงระดับ 8,516 ฟุต คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับร้านอาหาร 2 แห่ง จุดชมวิว พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับธรรมชาติ โรงภาพยนตร์สารคดี 2 แห่ง ร้านกิฟต์ชอป และเส้นทางเดินป่ากว่า 50 ไมล์
2. Living Desert Zoo & Gardens
เครดิตภาพ : News 3 Channel
ตามชื่อเลยครับสวนสัตว์แห่งนี้เป็นที่ของสิ่งมีชีวิตมากมายที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายโซโนรัน ซึ่งห่างออกไปสองสามไมล์นอกปาล์มสปริงส์ พื้นที่กลางแจ้งส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นสภาพแวดล้อมในแบบของอเมริกาเหนือและแอฟริกา นักท่องเที่ยวสามารถที่จะสำรวจพื้นที่ เพื่อค้นหาแมวป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลากหลายประเภท รวมถึงการให้อาหารยีราฟ ในราคา ($8) หรือประมาน 280 บาท
3. Palm Springs Air Museum
เครดิตภาพ : Springs Air Museum
พิพิธภัณฑ์ทางอากาศแห่งนี้จัดแสดงอุปกรณ์ที่ใช้รบในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงเครื่องบินรบยุคเกาหลีและเวียดนามเป็นหลัก คุณจะพบเครื่องบินที่บินได้และอยู่นิ่งมานานมากกว่า 40 ลำในโกดัง 3 แห่ง ตั้งแต่เครื่องบินรบ B-17 ไปจนถึงเครื่องบินขับไล่ F-4 รวมถึงเครื่องบินอีกสองสามลำบนลานบิน เช่น C-47 และ เรือบิน PBY Catalina พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีเที่ยวบินพิเศษราคาแพงไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวสายเปย์ที่อยากได้ประสบการณ์ในเครื่องบินรบแบบ C-47 Skytrain และ P-51 Mustang อีกด้วย
4. Cabot's Pueblo Museum
เครดิตภาพ : Riverside County Office of Education Palm
พิพิธภัณฑ์บ้านที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของอเมริกัน สร้างโดย Cabot Yerxa ผู้บุกเบิกทะเลทรายโคโลราโดในยุคแรก สร้างขึ้นในสไตล์แบบ Pueblo Revival ภายในมีงานศิลปะ สิ่งประดิษฐ์จากวัฒนธรรมพื้นเมืองอเมริกันอินเดียนและอะแลสกา และของที่ระลึกเกี่ยวกับชีวิตเจ้าของบ้านในทะเลทรายตอนต้น พิพิธภัณฑ์นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ Cabot’s Old Indian Pueblo, Cabot's Trading Post หรือ Yerxa's Discovery
5. Cabazon Dinosaurs - World's Biggest Dinosaurs
เครดิตภาพ : Cabazon Dinosaurs Facebook Page
ไดโนเสาร์คาบาซอนได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมถนนที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งมาช้านานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 สร้างขึ้นโดย Claude Bell ประติมากรและศิลปินสำหรับสวนสนุก และมีเป้าหมายคือเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาที่ร้านอาหารใกล้เคียงของเขาที่มีชื่อว่า The Wheel Inn มากขึ้น
ผู้เขียน : กุลเชษฐ์ เสงี่ยมพงษ์ Tech & Innovation Analyst, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Reference :
  • Coachella Valley Festival | music festival, Indio, California, United States | Britannica
  • Palm Springs Visitors Guide - PalmSprings.com
โฆษณา