27 เม.ย. 2022 เวลา 13:55 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📼ถอดเทป: BLACK SWAN วันมืดมิด ในชีวิตการลงทุน EP3. วีระพงษ์ ธัม📼
Published: 12 Mar 22
สวัสดีครับ วันนี้พบกันอีกครั้งกับ #ถอดเทปลงทุนลงดอย ซึ่งเป็นซีรีย์ที่แอดตั้งใจสรุปสาระสำคัญจาก Video หรือ Podcasts ต่างๆนะครับ ซึ่งการถอดเทปจะไม่ได้ถอดทุกคำพูด และลำดับจะไม่ได้ตรงตามต้นฉบับทั้งหมด โดยแอดจะรวบรวมไว้เป็นหัวข้อ
ครั้งนี้เป็นคิวของพี่หลิน วีระพงษ์ ซึ่งจะมาเล่าถึง Black Swan ว่าเป็นได้ทั้งโอกาสและวิกฤติในการลงทุนครับ
🚩 เข้าใจ Black Swan
▪️ Black Swan คือ เหตุการณ์ไม่คาดคิด มีผลต่อเนื่องในชีวิต และเป็นเหตุการณ์ที่ง่ายแต่เรามองไม่เห็น เหมือนตาบอด
▪️ Black Swan เป็นได้ทั้งโอกาสและวิกฤติในการลงทุน
🚩 ปี 2006
▪️ เกิดเหตุการณ์ค่าเงินบาทแข็งที่เงินต่างชาติเข้าไทยมาเยอะ ทำให้มีมาตรการหม่อมอุ๋ย 100 จุด ทำให้หุ้นลง 20% แต่อีกวันประกาศยกเลิกนโยบายหุ้นเด้งกลับทำให้รุ่นน้องของพี่หลินตัดสินใจออกจากตลาดหุ้นออกไปเลย
🚩 ปี 2007
▪️ พี่หลินไปเรียนจีน
▪️ ตรุษจีนประกาศนโยบาย Control FDI โดยตรุษจีนเปิดมาลงทั้งตลาด โดยหุ้นเกือบทุกตัว Floor
▪️ จากนั้นหุ้นก็ขึ้นจาก Floor ขึ้นไปเรื่อยๆ บางตัวขึ้นไปเป็น 10 เท่า
▪️ หุ้นจีนจาก 3040 ไป 2760 จุดจากการออกมาตรการควบคุมและการเก็งกำไรจากรัฐบาล และจากนั้นหุ้นวิ่งไปเรื่อยๆจนถึง 6120 จุด จากนั้นก็ลงมา 1120 จุด ซึ่งลดลงมากกว่า 70% ทำให้เพื่อนพี่หลินในจีนขาดทุนกันไปหลายคน
▪️ ณ ตอนนั้นหุ้น Old Economy เริ่ม Down ทั้งหมด และหุ้น New Economy ขึ้นมาแทนที่
🚩 ปี 2008
▪️ คราวนี้เจอกับตัวเองบ้างจาก วิกฤติ Subrime โดยที่หุ้นที่ถือลงทุกตัวลงและหลายตัวไม่มีสภาพคล่อง
▪️ ตอนนั้นเจอทุกคำพูดทุกคนที่เก่งๆตามข่าวต่างว่า “เป็นเหตุการณ์ที่วิกฤติที่สุดในมนุษยชาติ
▪️ โดยมีหลายคนบอกว่ากว่าดัชนี Down Jones จะกลับไปที่เดิมใช้เวลาถึง 10 ปี ดังนั้นเราควรจะเข้าใจ Macroeconomics มากขึ้น
▪️ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าหุ้นไม่แพง แต่ก็ไม่ได้หาโอกาสซื้อหุ้นใหม่ แต่ใช้วิธีถัวหุ้นตัวเดิม
▪️ ยกตัวอย่างซื้อตั้งแต่ CPN 6-7 บาท ก่อนปี 2008 แต่พอเกิด Subprime หุ้นลงมาเหลือเท่าทุนคราวที่แล้วจากราคา 30 บาท
▪️ ตอนนั้นโอกาสลามมาเมืองไทยก็มีเหมือนกัน แต่วิเคราะห์แล้วว่าหลักๆมาจากการดึง Capital กลับ
🚩 ปี 2009
▪️ หุ้นเด้งขึ้นกลับมา ท่ามกลางข่าวว่าปีนี้จะเผาจริง และมีหุ้นหลายตัวขึ้นมาเยอะมาก ในเวลานั้นมีหุ้น Super Stock หลายตัวมากๆ
▪️ ใช้กลยุทน์ หาหุ้นที่เก่งในช่วงวิกฤติ จนไม่ต้องทำอะไร แต่สุดท้ายการที่ไม่ทำไรอะไรเลยกลายเป็นไม่ได้ฝึกซ้อมจนการ์ดเริ่มตก
🚩 Black Swan ที่เกิดกับตัวเอง
▪️ เลือกหุ้นผิด และทำผิดซ้ำ โดยเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าโอเคแล้ว เราจะเริ่มอยากหาอะไรใหม่ๆ โดยตอนนั้นได้เข้าไปลงทุนหุ้นกลุ่มตู้เติมเงิน FSMART และ AJA
▪️ ตอนนั้นมองภาพว่าหุ้นกลุ่มตู้เติมเงินดียังมีโอกาสการเติบโตได้อีก แต่พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนโดยที่ไม่เอะใจ เช่น LINE Call มาแทนการโทรมือถือ
▪️ จุดเปลี่ยนใหญ่ๆ คือ SCB ออกบริการโอนเงินฟรีจากแต่เดิมมีค่าธรรมเนียม แต่ตอนนั้นพี่หลินก็ยังเชื่อว่าคนกลุ่มใช้บริการตู้เติมเงินเป็นคนละกลุ่มกับลูกค้าธนาคาร เพราะคนส่วนมากเข้าถึงธนาคารไมไ่ด้
▪️ สุดท้ายวันประกาศงบ งบโตตามคาด แต่หุ้นลงเละเทะมาตลอด และพี่หลินซื้อเพิ่มตลอด
▪️ สุดท้ายกลับมานั่งทบทวนตัวเอง แล้วกล้ายอมรับความจริงว่าไม่ดีจริง จึงเริ่มขายไม้แรกออกไป จากนั้นก็ขายเปลี่ยนตัว (คาดว่าขาดทุนมากกว่า 50%)
▪️ เลยเป็นข้อคิดได้ว่า ระวังธุรกิจที่โตเร็วเกินไป ทำให้หลังบ้านตามไม่ทันจนมีปัญหาเยอะให้ต้องคืนตู้ และหุ้นที่ซื้อตอนนั้นโดน SP
▪️ สุดท้ายเป็นบทเรียนที่เราต้องประเมินการเปลี่ยนแปลงให้ได้ว่ามีผลต่อธุรกิจมากแค่ไหน และทบทวน Assumption ของเราอยู่เสมอ อย่าไปหวังลมๆแล้งๆ โดยยอมรับความจริงและเรียนรู้ไปกับข้อผิดพลาดหรือ Case Study ที่เราเจอ
▪️ แยกประเภทของหุ้นให้ออก ว่าเป็นหุ้น Growth ไหม และรู้จักการมาของ Disruption
🚩 Black Swan หุ้นต่างประเทศ
▪️ กลับมาขยายขอบเขตความรู้ของตัวเองอีกรอบนึง โดยเราไปเป็น Distrupter แทนซึ่งได้เวลาเอาคืน
▪️ หาธุรกิจ New Economy ที่ Scale ได้, เป็น Winner Take All, เป็นธุรกิจ Platform โดยหุ้นหลายๆตัวเทรดด้วย P/S แทน P/E เพราะหลายๆตัวไม่มีกำไร
▪️ เวลานั้นโลภที่สุด กลับมาย่ามใจ โดยหุ้นที่ซื้อเคยเทรด P/S (Price to Sales) 30-40 เหลือประมาณ 10
▪️ ยกตัวอย่าง บ.Peloton ที่เป็นบริษัทขายเครื่องปั่นจักรยานแบบเข้าคลาสจากที่บ้านได้ โดยช่วงโควิดขายดีมากจนตอนนั้นคิดว่าจะไป Distrup พวก Fitness ต่างๆได้ แต่สุดท้ายพอเปิดเมืองคนก็ไป Fitness เหมือนเดิมเพราะมีคลาสกับเครื่องออกกำลังกายที่หลากหลายกว่า
🚩 ปี 2020
▪️ เรียนรู้ Macroeconomics จากในอดีต
▪️ ทำให้รู้ว่ารอบนี้ถ้ามีวิกฤติอย่าปิดจอ ต้องหาโอกาส
▪️ จากวิกฤติโควิด-19 ฝืนความกลัว โดยตอนนั้นขาย HMPRO แถวๆ 10 บาทจากที่ตกลงมาจาก 17 บาท แล้วไปหาหุ้นตัวใหม่ที่เป็นโอกาสมากกว่า
▪️ Feb’20 สวนซื้อหุ้นท่องเที่ยว ปรากฎว่าคิดผิด เลยขายหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวทิ้งแล้วซื้อหุ้นอื่นใน May’22
💡Key Takeaways & Ideas
▪️ สิ่งที่ต้องทำให้บ่อยคือ ทบทวนตัวเอง ทบทวนการตัดสินใจของเรา และอยู่กับใจเราให้ได้ ให้สติเท่าทันความคิดเรา
▪️ มองภาพให้ยาว ศึกษาCase Studyเก่าๆ และสุดท้ายมองเห็นโอกาส
▪️ ตกรถไฟไม่เจ็บหรอก แต่เราจะเจ็บเมื่อเรามองมัน
▪️ ซื้อในจุดอื่นที่คนคิดไม่ถึง (Black Swan ไม่ใช้สิ่งแย่ แต่เราต้องหาโอกาสกับมัน)
▪️ จังหวะหุ้นลง จะลงมากกว่าที่เราคิดเพราะคนมักกลัวเกินเหตุเสมอ
▪️ ให้ระวังความคิดที่หุ้นขึ้นและคิดว่าเราตัดสินใจถูก และหุ้นที่ Growth ตัว Multiple จะเพิ่มตาม กลับกันหุ้นที่ Growth ไม่เป็นไปตามคาดตัว Multiple ก็จะลดตามเช่นกัน
▪️ ดังนั้นให้ ถือหุ้นด้วยความมีเหตุมีผล
▪️ สิ่งที่จะเกิด Black Swan คือ ธุรกิจที่ Scale ได้อย่าง Massive มากๆ และอาจเป็นธุรกิจที่คาดว่าจะเป็น Winner Takes All (ธุรกิจที่เป็นกระแส หรือพูดถึงอยู่มากอาจจะมีโอกาส Black Swan ได้)
ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ 😄
ถ้าชอบ Content ของแอดก็ขอกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้แอดหน่อยนะครับ 😽
#ลงทุนลงดอย #ถอดเทปเทบลงทุนลงดอย #blackswan
โฆษณา