27 เม.ย. 2022 เวลา 23:46 • กีฬา
- สองทีมจากเกาะอังกฤษ -
สถานการณ์ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้แน่นอนว่ามันยังบ่งบอกอะไรไม่ได้เลยกับทีมที่จะเข้าไปชิงชนะเลิศในปีนี้
แม้แต่ทีมที่ชนะในนัดแรกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล
ในกรณีของ ซิตี้ ผมได้เขียนไปแล้วเมื่อวานนี้ว่าพวกเขาพยายามตีงูแต่ตีไม่ตายเพราะ "ราชันชุดขาว" เล่นด้วยไม่ง่ายแน่ๆใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
ดังนั้น ซิตี้ มีสิทธิ์ที่จะแพ้ในนัดที่สองแต่ก็ใช่ว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์ชนะ
ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แข็งแกร่งแบบน่าเหลือเชื่อในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแม้จะไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้าก็ตาม
ขณะเดียวกันทีมที่เพิ่งขาข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปแล้วอย่าง ลิเวอร์พูล ก็ใช่ว่าจะไม่มีสิทธิ์พลิกล็อกอะไร
"หงส์แดง" บดเอาชนะ บียาร์เรอัล ไปได้และมันก็เป็นอีกนัดที่ทำให้ผมทึ่งกับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า
ห้องเครื่องชาวสแปนิชมีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลสำเร็จที่ทำให้ตาลุกวาวอย่างมากกับ 3 เกมหลังสุดของเขา
96% : พบ แมนฯ ยูไนเต็ด
98% : พบ เอฟเวอร์ตัน
96% : พบ บียาร์เรอัล
ยิ่งเล่นยิ่งดี ยิ่งเล่นยิ่งโดดเด่นครับสำหรับ ติอาโก้
ผมแอบเสียดายไม่น้องเหมือนกันที่เขาต้องเจ็บพักยาวไปก่อนหน้านี้เพราะว่าเขาก็ดูไม่ได้มีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับแท็คติกของ คล็อปป์ เลยแม้แต่น้อย
ดูจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมากกว่าและในตอนนี้ ติอาโก้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเมื่อมีเขาอยู่ในสนามมันกลมกล่อมขนาดไหน
เช่นเดียวกับ ซาดิโอ มาเน่ ครับ
ในตอนนี้หากใครสังเกตุ มาเน่ ถูกปรับให้เข้ามายืนตรงกลางแทนที่ของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ดิโอโก้ โชต้า
การเข้ามาของ หลุยส์ ดิอาซ ได้ทำให้ มาเน่ มีโอกาสที่จะเข้ามาเล่นตรงจุดนี้ซึ่งมันก็กลายเป็นว่าเขาทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมแทบจะไร้ที่ติ
"เขาคือนักเตะระดับโลกสำหรับเรา" คล็อปป์ พูดถึง มาเน่
"เขาโดดเด่นมากๆตรงนี้ ผมรักที่จะส่ง บ็อบบี้ (ฟีร์มิโน่) หรือ ดิโอโก้ (โชต้า) เล่นตรงกลางนะแต่ศักยภาพของ มาเน่ เหมือนมีเพื่อตำแหน่งนี้ไปแล้ว"
สกอร์ 2-0 มันอาจดูลอยลำแต่ด้วยศักยภาพมันสมองของ อูไน เอเมอรี่ พร้อมจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้ทุกเมื่อ
"เกมในบ้านของเรามันสำคัญมากที่จะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง" เอเมอรี่ กล่าวหลังจบเกมที่ แอนฟิลด์
"บางทีอาจเป็นเรื่องของแท็คติก และพวกเขาจะต้องเหนื่อยมากกว่าวันนี้แน่"
'เจ้าพ่อบอลถ้วย' ประกาศออกมาชัดเจนขนาดนี้มันไม่ธรรมดาล่ะครับ แถมมันยังเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้กับทั้งลูกทีมหรือแฟนๆได้เป็นอย่างดี
ฟอร์มของ บียาร์เรอัล ใน 'เอล มาดริกัล' ไม่ใช่เล่นๆนะครับ พวกเขาดีพอที่จะทำตาม เอเมอรี่ พูดออกมาได้
ผมลองไปเปิดย้อนดูมาว่า "เรือดำน้ำสีเหลือง" แข็งแกร่งแค่ไหนในบ้านก็เล่นเอาตกใจไม่น้อย
พวกเขาไม่แพ้ใครมา 12 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ครั้งสุดท้ายที่แพ้ก็ต้องย้อนไปปีที่แล้วในเกมพบ บาร์เซโลน่า เดือนพฤศจิกายน
หลังจากนั้น บียาร์เรอัล ชนะ 8 เสมอ 4 เก็บคลีนชีทได้ 7 นัด
ไม่ธรรมดาเลยครับ ลิเวอร์พูล ประมาทไม่ได้จริงๆและ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็น่าจะรู้ดีกว่าใคร
"มันยังเป็นสกอร์ที่อันตราย เรามีงานให้ทำเหลือแค่ไหนเหรอ ? เยอะมากเลยล่ะ !" คล็อปป์ กล่าวหลังจบเกม
"มันยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นนี่ มันก็เหมือนกับเรานำ 2-0 ในครึ่งแรกและคุณจะต้องทำให้มัน 100%"
"ผมคงไม่สามารถเคารพต่อทีม บียาร์เรอัล ไปมากกว่านี้ได้แล้วแต่เราเองก็มีดีในแบบของเรา"
"บรรยากาศที่สเปนมันจะแตกต่างกว่านี้แน่ๆซึ่งเราจะต้องไม่ไปสนใจอะไร คุณจะต้องมีสมาธิกับเกมที่คิดว่าสกอร์ยัง 0-0 และเราไปเพื่อคว้าชัยชนะที่นั่น"
คำพูดของ คล็อปป์ เต็มไปด้วยความไม่ประมาท และความเคารพต่อบียาร์เรอัลอย่างเต็มเปี่ยมนะครับ
มันไม่ใช่กรณีของ จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ที่ทำให้บรรดาแข้งของ "เรือดำน้ำสีเหลือง" มีลูกฮึดเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เชื่อว่าเกมที่สอง บียาร์เรอัล จะไม่เอาแต่ตั้งรับเหมือนเกมแรกแน่
พวกเขาจะสลัดคราบรถบัสสีเหลืองที่แอนฟิลด์เปลี่ยนเป็นเรือดำน้ำสีเหลืองที่บรรจุขีปนาวุธพร้อมยิงอยู่ตลอดเวลาแน่ๆ
ในตอนนี้ยังดูไม่ออกว่าจะเป็นสองทีมจากเกาะอังกฤษเข้าไปชิงถ้วยหูใหญ่กันเองแต่หากมองแค่ 'สกอร์' ในนัดแรกแน่นอนว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้มากกว่าสองทีมจากแดนกระทิงดุ
ออล อิงแลนด์ ไฟนั่ล อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งและเป็นการชิงกันเองของทีมจากเกาะอังกฤษ 3 จาก 4 ฤดูกาลหลังสุด
2018-19 : ลิเวอร์พูล - ท็อตแน่ม ฮ็อทเปอร์
2019-20 : บาเยิร์น มิวนิค - ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
2020-21 : เชลซี - แมนเชสเตอร์ ซิตี้
2021-22 : ?
ต้องยอม พรีเมียร์ลีก เขาจริงๆในช่วงนี้
โฆษณา