28 เม.ย. 2022 เวลา 01:17 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 28.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวเล็กน้อย โดยดัชนี Dow Jones และ S&P 500 ปิดบวก ขณะที่ ดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย
- รัสเซียสั่งห้ามส่งก๊าซธรรมชาติต่อประเทศที่ไม่สนับสนุนรัสเซียในสงครามยูเครน หากไม่ชำระค่าก๊าซเป็นเงินสกุลรูเบิล
- ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย (Pending Home Sales) ในสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน
- Meta รายงานผลกำไรดีกว่าคาด ดันราคาหุ้นช่วง After-Hours บวกกว่า 10%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันพุธที่ 27.04.2022 ดัชนี Dow Jones +61.75 จุด +0.19% S&P 500 +8.76 จุด +0.21% และ Nasdaq 100 -6.36 จุด -0.05% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. เมื่อช่วงเย็นวานที่ผ่านมา (27.04.2022) รัสเซียสั่งปิดวาล์วท่อส่งก๊าซธรรมชาติและมีคำสั่งไม่ให้ส่งก๊าซธรรมชาติให้ประเทศโปแลนด์และบัลแกเรีย เนื่องจากไม่ยอมชำระเงินค่าก๊าซธรรมชาติด้วยสกุลเงินรูเบิล ตามเงื่อนไขที่ประธานาธิบดีปูตินได้ให้ไว้ เพื่อเป็นการตอบโต้กับทางสหภาพยุโรปและประเทศที่ไม่สนับสนุนรัสเซีย
โดยการกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศในสหภาพยุโรปเป็นอย่างมาก เนื่องจากรัสเซียผู้ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ก๊าซธรรมชาติหลัก ได้นำก๊าซธรรมชาติมาเป็นตัวประกันทางการสงคราม
อย่างไรก็ตามรัสเซียพร้อมเปิดโอกาสที่จะส่งก๊าซธรรมชาติให้ประเทศในสหภาพยุโรปอีกครั้งหากยอมที่จะชำระเงินเป็นสกุลรูเบิล
ฝั่งยุโรปนักลงทุนยังคงจับตาประเด็นเรื่องการหยุดส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียและการประกาศงบการเงินของกลุ่มธนาคารในยุโรป
ตลาดหุ้นยุโรปผันผวนในช่วงเช้าก่อนฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงท้ายตลาด โดย Stoxx 600 ปิดที่ 444.31 (+3.21%)
2. ทางด้านสหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขยอดขายบ้านที่รอการปิดการขายหรือ Pending Home Sales ประจำเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หดตัวต่อเนื่องที่ -1.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) แต่เป็นการหดตัวที่น้อยกว่าคาดที่ -1.6% และเริ่มชะลอการหดตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -4.0%
3. สืบเนื่องจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Microsoft และ Alphabet ในวันก่อนหน้า
แม้ว่าผลประกอบการของ Microsoft ดีกว่าคาดเพียงเล็กน้อยแต่นักวิเคราะห์หลายรายได้ประเมินถึงโอกาสเติบโตในธุรกิจ Cloud business หรือการให้บริการข้อมูลบนคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ ของ Microsoft ปัจจัยดังกล่าวส่งผลเชิงบวกให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นกว่า 4.81%
ในด้านของ Alphabet นักวิเคราะห์ได้ปรับลดประมาณการรายได้ลงหลังจากที่มีรายงานผลประกอบการต่ำกว่าคาด แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามที
โดยเป็นการปรับประมาณการรายได้ในส่วนของ YouTube ลดลง เนื่องจากรายได้จากช่องทาง YouTube ต่ำกว่าคาดการณ์ติดต่อกันถึง 2 ไตรมาส ส่งผลกดดันราคาหุ้น Alphabet -3.67%
4. ค่ำวานที่ผ่านมาด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเพิ่มเติม
ผลประกอบการของ Boeing ประกาศมาต่ำกว่าคาดและยังคงติดลบ รวมทั้งตลาดยังมีความกังวลจากสายการผลิตเครื่องบินรุ่น 777 ที่ถูกสั่งพักการผลิต ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า -7%
Spotify ประกาศรายได้รวม 2.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดีกว่าคาดเล็กน้อยที่ 2.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงประสบผลขาดทุนโดยมี กำไรต่อหุ้นที่ -0.21 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่คาดไว้ที่ -0.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาหุ้น Spotify ปรับตัวลดลงแรงกว่า -12%
ภายหลังตลาดปิด Meta Platform หรือ Facebook ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 โดยมีกำไรที่น่าประทับใจและดีกว่าคาดแม้ว่ารายได้รวมจะต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
รายได้รวม 2.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 2.83 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรต่อหุ้นที่ 2.72 ดอลลาร์สหรัฐฯ ดีกว่าคาดที่ 2.56 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาหุ้น Meta ในช่วง After-hours พุ่งกว่า +10%
5. หุ้นที่ Outperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงาน +1.48% กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม +1.48% และกลุ่มเทคโนโลยี +1.36%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นวันที่ 2
Exxon +2.86% Chevron -0.19% ConocoPhillips +1.91% Occidental +1.40% EOG Resources +1.09% APA +3.50% Baker Hughes -0.22% Schlumberger +1.04%
Linde Plc +1.16% Sherwin-Williams +2.95% Air Products +1.11% Freeport-McMoran +3.76%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสื่อสาร -2.62% หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -0.66% และกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภค -0.46%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสื่อสารยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์
Twitter -2.09% Pinterest -2.86% Snapchat -5.58% Charter Communication -1.01% Walt Disney -0.48% Warner Bros Discovery -5.04%
American Tower -0.77% Prologis +1.23% Crown Castle +0.06% Equinix -2.89% Public Storage -0.72% Simon Property -1.61%
Duke Energy -0.36% Southern -0.35% Dominion Energy -0.23%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวผสมผสาน
Apple -0.15% Alphabet -3.67% Microsoft +4.81% Amazon -0.88% Meta -3.32% Netflix -4.97% Adobe -0.31% Salesforce +2.70% Visa +6.47% Mastercard +5.07%
หุ้น Innovation ปรับตัวลดลง
Tesla +0.58% Roku -7.63% Teladoc Health -3.08% Block (Square) -0.54% Zoom -0.75% Spotify -12.44% Twilio -1.39% Coinbase -3.62% Robinhood -4.90% Affirm Holdings -2.72% Unity Software -7.55% Shopify -2.78%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวลดลง
Nvidia -1.99% AMD -0.29% Intel -0.66% Micron -0.91% Qualcomm +1.20% Broadcom -0.09%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า
ARK Innovation (ARKK) -2.21% ARK Fintech (ARKF) -0.99% Power Shares Wilder Hill Clean Energy (PBW) +0.29% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) -0.55% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) -0.19% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) -0.54% Global X Cybersecurity (BUG) -0.71% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) +5.19%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น
Alibaba +5.16% Baidu +5.89% Coupang -0.53% iQIYI +3.42% JD +7.91% Didi Global +2.89% KE holdings +3.52% Luckin Coffee +1.46% NetEase +1.81% Pinduoduo +7.41% SEA -0.95% TAL Education +10.86% TSMC -2.71% Nio +2.44% Xpeng +4.45%
10. S&P500 VIX Index ผันผวนระหว่างวันในกรอบ 30-33 จุด โดยปิดที่ 31.60 จุด (-5.73%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ปรับตัวลดลง โดยปิดที่ 36.91 จุด (-5.19%)
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง 5 วันทำการ โดยล่าสุดอยู่ที่ 103 จุด
ราคาทองคำร่วงหลุดระดับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,885 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 34.375 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัว โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 102 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา