ถอดรหัสตลาดกระบองเพชร : ทำไม Cactus Plant Flea Market ถึงเป็นแบรนด์สุดไฮป์ได้ทั้งที่อยู่ "เงียบๆ"
โดยทั่วไปแล้วการโฆษณาหรือการโปรโมตสินค้าออกใหม่ในแวดวงสตรีทแวร์มักจะเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและสามารถดึงความสนใจของเหล่าสตรีทแฟชั่นนิสต้าได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพราะการคอลแล็บกันระหว่างแบรนด์ เพราะศิลปินที่มีชื่อเสียงมาออกแบบให้ หรือเพราะตัวสินค้าที่มีความสนใจในด้านเทคโนโลยี ล้ำสมัย จนบางครั้งการโฆษณาและเน้นย้ำโปรโมตโดยเจ้าของหรือผู้ผลิตก็อาจมีส่วนทำให้สินค้ามีความต้องการมากยิ่งขึ้น จนมันกลายเป็นของสุดไฮป์ที่ใคร ๆ ก็อยากมีไว้ในครอบครองขึ้นมาได้
ทว่ายังมีสตรีทแบรนด์ท่าทางลึกลับอยู่เจ้าหนึ่งที่ชื่อ "Cactus Plant Flea Market" หรือ CPFM แบรนด์ที่โดดเด่นด้วยคาแร็กเตอร์ขี้เล่นและดีไซน์แบบสดใส แต่เจ้าของแบรนด์กลับเคลื่อนไหวอยู่ในวงการแบบเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีการโปรโมตเท่ากับแบรนด์อื่น ๆ สวนทางกับวงการสตรีทแฟชั่นที่เคลื่อนที่โดยต้องการให้มีสปอตไลท์ตกอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าการตลาดของ CPFM จะไม่หวือหวา แต่แบรนด์ดังกล่าวกลับเป็นหนึ่งในแบรนด์สุดฮอตที่ได้รับความสนใจทุกครั้งที่ออกเสื้อผ้าหรือคอลเล็กชั่นใหม่ แรปเปอร์ชื่อดังตั้งแต่ Pharrell Williams, Kanye West หรือ Kid Cudi ต่างก็พากันนำไปใส่จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา แม้กระทั่งคอลเล็กชั่นที่คอลแล็บกับแบรนด์ดังอย่าง Nike, Stüssy หรือ Comme des Garçons ก็แรงขนาดยังที่มีการซื้อขายแบบรีเซลล์ในหลักพันถึงหมื่นอยู่เสมอ
เบื้องหลังของแบรนด์ชื่อตลาดนัดต้นกระบองเพชรเป็นอย่างไร ? และเพราะเหตุใดแบรนด์ดังกล่าวถึงได้รับความนิยม มาร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand
[ต้นกระบองเพชรที่ "ยาก" ต่อการจับ]
"แค็กตัส แพลนต์ ฟลี มาร์เก็ต" (Cactus Plant Flea Market) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า CPFM ถือเป็นหนึ่งในสตรีทแบรนด์ร่วมสมัยที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องไม่แพ้เจ้าอื่น ๆ อย่าง Supreme, OFF-White, หรือ PALACE แต่แบรนด์ดังกล่าวกลับไม่ใช่แบรนด์น้องใหม่ไฟแรงที่โด่งดังขึ้นมาได้เพราะถูกประเคนด้วยการโปรโมต ในทางกลับกัน CPFM คือแบรนด์เสื้อผ้าที่เริ่มปูเส้นทางอาชีพให้กับตนเองอย่าง "เงียบ ๆ" มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว
CPFM ก่อตั้งขึ้นโดยดีไซน์เนอร์ชื่อ "ซินเทีย ลู" (Cynthia Lu) ดีไซน์เนอร์หญิงลึกลับที่ไม่เคยปรากฏตัวให้การสัมภาษณ์กับสื่อเจ้าไหน เพราะเหตุนี้จึงแทบไม่มีใครทราบว่าเธอคนนี้เป็นใคร เคยทำอะไร หรือมีแรงบันดาลใจอะไรในการผลิตสินค้า มีเพียงคำบอกเล่าจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการที่บอกต่อกันมาเหมือนตำนานพื้นบ้านเสียอย่างงั้น
จากประวัติคร่าว ๆ ของเธอที่ถูกบอกเล่าในเว็บไซต์แฟชั่นในอินเทอร์เน็ต ซินเทีย ลู เป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์หญิงจากแถบมิดเวสต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้หลงใหลในแฟชั่นที่เริ่มจากการเป็นเด็กฝึกงานของ Complex สื่อออนไลน์เจ้าดังที่เกี่ยวข้องกับดนตรี สนีกเกอร์ แฟชั่น และป๊อปคัลเจอร์ หลังจากนั้นจึงได้เริ่มทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับแบรนด์ Billionaire Boys Club แบรนด์สตรีทแวร์ของ "ฟาร์เรล วิลเลียมส์" (Pharrell Williams) ศิลปินฮิปฮอปและแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกัน ในปี 2012
ฟาร์เรลล์เคยเปิดเผยกับ GQ ครั้งหนึ่งในปี 2020 ถึงตอนที่เจอกับลูครั้งแรกว่า เขาประทับใจเธอทันทีเนื่องจากเซนส์ทางด้านแฟชั่นที่คล้ายกันระหว่างเขาและเธอ จากการที่ทั้งคู่ใส่รองเท้ายี่ห้อ Celine รุ่น Slip-on มาชนกัน ก่อนที่จะวิลเลียมส์จะจ้างเธอให้มาเป็นผู้ช่วยและสไตล์ลิสต์ส่วนตัวในเวลาต่อมาไม่นานหลังจากเหตุการณ์นั้น
เพื่อเป็นการผลักดันให้เธอทำในสิ่งที่รักโดยฟาร์เรลล์ เขายังเสนอเพิ่มเติมให้ลูสร้างผลงานภายใต้ชื่อใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและแสดงตัวตนของเธอออกมาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
"ซินเทียเป็นชื่อที่งดงามมากนะ แต่เวลาที่เราทำงานด้วยกัน ผมแบบ 'น้องเอ๊ย ชื่อนี้มันดูไม่เข้ากับน้องเลยนะ มันเหมือนฝาหม้อที่ไปบังพลังงานอะไรของเราเอาไว้น่ะ'"
เดิมทีแล้วซินเทียมีชื่อเล่นที่เพื่อนของเธอมักจะเรียกอยู่เสมอนั่นก็คือ "แคกตัส" (Cactus) หรือที่แปลว่าต้นกระบองเพชร เป็นชื่อเล่นที่เอาไว้เรียกเธอแบบน่ารักเพราะว่าเธอตัวเล็ก ซึ่งหลังจากที่เธอได้เล่าเรื่องนี้ให้วิลเลียมส์ฟัง เขาก็รู้สึกว่ามันลงตัวอย่างกับถูกลิขิตมาแล้ว ฟาร์เรลล์ส์จึงเสนอให้เธอสร้างผลงานภายใต้ชื่อนี้แทนชื่อจริงของตัวเองเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพื่อขยายออร่าของความคิดสร้างสรรค์ของตนเองออกไปแบบยากที่ใครจะมาเทียบเคียง
หาร์เรลล์เผยกับ GQ เพิ่มเติมว่า
"มันแบบใช่เลย น้องคือต้นกระบองเพชร น้องตัวเล็ก น้องแหลมคม และน้องก็ยังจับตัวได้ยากด้วย (หมายถึงกระบองเพชรที่มีหนามที่อาจเป็นอันตรายได้) ในช่วงเวลาที่แห้งแล้งที่สุด น้องเป็นคนเดียวที่ยังเก็บน้ำเอาไว้ได้"
[การตลาด "ไร้แบบแผน"]
หลังจากที่ได้รู้จักกับฟาร์เรลล์และได้รับการว่าจ้างเป็นสไตล์ลิสต์ส่วนตัวของเขา ซินเทียก็มักจะออกแบบเสื้อผ้าให้กับฟาร์เรลล์โดยการสรรหาเสื้อผ้ามือสองมาจากตลาดนัดในปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาทำชุดให้กับเขาอยู่บ่อย ๆ จนฟาเรลล์ก็เริ่มมองเห็นศักยภาพและทนไม่ไหวจนต้องไปบิลด์ให้ซินเทียเริ่มทำแบรนด์เสื้อผ้าของตนเองขึ้นมาสักที
ช่วงเวลาหลังจากนั้นในปี 2015 หนึ่งในแบรนด์สตรีทแวร์ที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดที่ชื่อ Cactus Plant Flea Market จึงถือกำเนิดขึ้น แบรนด์นี้โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์แบบงานตัดแปะคล้ายงาน DIY มีสีสันที่สดใสและการพรินต์ลายกราฟิกแบบ Puff Print ตัวนูน พร้อมเดินสวนทางกับแบรนด์อื่น โดยการที่ซินเทียไม่ปรากฏตัวไปให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
ซินเทียได้เริ่มวางขายสินค้าของตนเองในเว็บไซต์ที่ชื่อ Big Cartel เว็บไซต์สำหรับการซื้อขายผลงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ รวมถึงลงขายสินค้าผ่านอินสตาแกรมแบบแรนดอม กล่าวคือเป็นการลงแบบไม่มีการบอกล่วงหน้า ไม่มีโฟโต้ชูต นึกอยากจะลงขายก็ลงไปเฉย ๆ ในขณะเดียวกันยังรับหน้าที่เป็นสไตลลิสต์และผู้ช่วยของฟาร์เรลล์อยู่เหมือนเดิม CPFM จึงเริ่มเป็นที่รู้จักทั้งจากความขวนขวายของเธอเอง และผ่านทางเสื้อผ้าที่เธอทำให้ลูกพี่ฟาร์เรลล์ใส่ไปพร้อมกัน
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ซินเทียก็ยังไม่เคยเปิดเผยตัวตนออกมาให้สื่อได้เห็นหน้า แม้กระทั่งครั้งหนึ่งที่ฟาร์เรลล์เคยกล่าวถึงผู้ช่วยคนดังกล่าวในขณะที่ขึ้นไปรับรางวัล "แฟชั่นไอคอน" จาก CFDA Fashion Awards ในปี 2015 ความว่า
"ถึงผู้ช่วยอัจฉริยะของผม แค็กตัส จงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองและคนที่เห็นคุณค่าในความแตกต่างของน้อง เพราะว่าน้องเองก็อาจจะสร้างความแตกต่างได้เหมือนกัน"
สุนทรพจน์ของฟาร์เรลล์ยิ่งสร้างความฉงนให้กับสื่อและแฟน ๆ กันต่อไปว่า แค็กตัสคนดังกล่าวนี้คือใคร และแม้ว่าจะไม่มีการโปรโมตอย่างเป็นทางการแต่ฟาร์เรลล์ก็มักจะใส่เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่ซินเทียทำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการใส่หมวกบีนนี่ CPFM ขึ้นปก L’Officiel Hommes Italia ในปี 2015, ใส่หมวก CPFM ทำเพลงในสตูดิโอกับ Tyler, the Creator หรือใส่เสื้อ CPFM ไปงานแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่น Fall/Winter ของ Chanel ในปี 2016 จนในที่สุดคนก็เริ่มสนใจแบรนด์ดังกล่าวกันมากขึ้นโดยที่ซินเทียไม่ต้องแสดงตัวออกมาแม้แต่น้อย และฟาร์เรลล์เองก็ไม่เคยออกมาเชิญชวนให้ทุกคนไปสนใจแบรนด์ของผู้ช่วยตัวเองแต่อย่างใด
นอกจากเรื่องการวางขายสินค้าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยและการออกแบบเสื้อผ้าให้บอสของเธอใส่ CPFM ของซินเทียยังเริ่มเป็นที่รู้จักผ่านการถูกหยิบไปใส่โดยเหล่า "แรปเปอร์" จำนวนมาก จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ได้อานิสงส์มาจากวงการแรปเต็ม ๆ ทั้งแบบที่หยิบไปใส่เป็นชุดแคชชวลเล่น ๆ ของฟาร์เรลล์และแบบที่เป็นสินค้า Merchandise เช่น เสื้อผ้าเพื่อการโปรโมตอัลบั้ม KIDS SEE GHOST โปรเจ็กต์พิเศษที่ Kanye West และ Kid Cudi สองแร็ปเปอร์รุ่นน้องของฟาร์เรลล์ทำร่วมกันในปี 2018 ที่ได้กลายมาเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นที่ "เดือด" ที่สุดของแบรนด์ CPFM เพราะตอนนี้เสื้อผ้าคอลเล็กชั่นดังกล่าวมีราคารีเซลล์ขึ้นไปถึงหลักหมื่น ราว ๆ 50,000 - 60,000 บาทแล้ว
อย่างไรก็ตามถึงจะฟังดูเดือดขนาดไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีใครได้พบเห็นหรือได้ยินเสียงของ ซินเทีย ลู แม้แต่คนเดียว เธอยังคงเคลื่อนไหวภายใต้ชื่อเสียงอันโด่งดังแบบเงียบ ๆ ต่อไป
[ของจริงไม่พูดเยอะ]
เสื้อผ้าของ KIDS SEE GHOST ที่ออกแบบโดย CPFM เปรียบเสมือน "ตัวเปิด" ให้เส้นทางอาชีพของซินเทียสดใสขึ้นกว่าเดิม เพราะหลังจากที่เสื้อผ้าคอลเล็กชั่นดังกล่าววางขายไป ในปีต่อ ๆ มา CPFM ก็มีการคอลแล็บกับแบรนด์และศิลปินคนอื่น ๆ อีกมากมาย จนได้กลายมาเป็นหนึ่งในสตรีทแบรนด์แถวหน้าของยุค
เริ่มต้นตั้งแต่การคอลแล็บกับสตรีทแบรนด์สุดเก๋าอย่าง Stüssy, เสื้อยืดลายไทโปกับ Comme des Garçons, เสื้อผ้ากับ KAWS ศิลปินชาวอเมริกัน เท่านั้นยังไม่พอซินเทียยังได้ขยายไลน์เสื้อผ้าของตัวเองที่เน้นเฉพาะเสื้อผ้าแบบ ready-to-wear ภายใต้ชื่อ CPFM.XYZ ที่ผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งผู้ควบคุมการผลิตก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นแฟชั่นไอคอนตัวพ่ออย่าง "นิโก" (Nigo) นั่นเอง
นอกจากนี้ CPFM ยังได้จับมือร่วมคอลแล็บกับสปอร์ตแบรนด์เครื่องหมายถูกอย่าง Nike อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไฮไลท์ที่สำคัญไปตกอยู่ที่ Nike Vapormax ที่ออกมาในปี 2019 ที่เหมือนกับเป็นการเปลี่ยนโฉมรองเท้าวิ่งให้กลายเป็นสตรีทแวร์ที่สามารถใส่แบบแคชชวลได้ ตัวรองเท้ายังคงโดดเด่นด้วยดีเทลแบบ DIY ตัดแปะที่ดึงเอกลักษณ์ของ CPFM ออกมาได้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันก็เป็นรองเท้าจากสปอร์ตแบรนด์ที่ดูใส่ได้ทุกโอกาสนอกเหนือจากการออกกำลังกาย
ปัจจุบันรองเท้าวิ่งภายใต้การออกแบบของ CPFM คู่นี้ยังคงมีการซื้อขายแบบรีเซลล์ในราคาสูงสุดที่ราคา 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 61,000 บาท
CPFM ยังตอกย้ำการคอลแล็บสุดเดือดกับสปอร์ตแบรนด์เครื่องหมายถูกเจ้านี้ด้วยการส่งคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าออกมาอีกครั้งในปี 2021 ที่ผ่านมา ในคอลเล็กชั่นที่ชื่อว่า "Go Flea Collection" ที่มีคอนเซ็ปต์เบื้องหลังคือการนำงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาเป็นโครงสร้างหลักในการทำเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นนี้ การคอลแล็บครั้งนี้ประกอบไปด้วยสปอร์ตไอเท็มในแบบของ CPFM มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อเจอร์ซีย์ ทั้งแบบแขนสั้นและแขนยาว โปโล และเสื้อแจ็คเก็ตเวิร์กแวร์
แน่นอนว่าคอลเล็กชั่น "Go Flea Collection" ยังคงมีการซื้อขายรีเซลล์เช่นเดียวกัน และมีไฮไลท์เป็นเสื้อโปโลแขนยาวที่มีการซื้อขายสูงสุดในราคาราว 15,000 บาท
เมื่อเดินทางเข้าสู่ปี 2022 CPFM ก็จ่อเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวรองเท้ากับ Nike ในรุ่น Dunk Low อีกครั้งและภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างไม่เป็นทางการก็ได้รับความสนใจจากสนีกเกอร์เฮดจำนวนมากเป็นที่เรียบร้อย และเตรียมขึ้นแท่นเป็นรองเท้าราคารีเซลล์พุ่งอีกคู่อย่างไม่ต้องสงสัย
นับตั้งแต่ที่ CPFM ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 7 ปีแล้วที่แบรนด์ได้โลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่น ทั้งหมดที่กล่าวมาเกิดขึ้นโดยที่ซินเทียไม่เคยเผยตัวเลย เธอไม่เคยปรากฏตัวไปให้สัมภาษณ์กับสื่อเจ้าไหนในโลก ความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ และวิธีการทำงานของเธอจึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป
บางทีความลึกลับที่ว่านี้ก็อาจกลายมาเป็นเสน่ห์ของแบรนด์อย่างยากที่จะปฏิเสธ การคาดเดาอะไรไม่ได้เลยก็อาจเป็นจุดแข็งของแบรนด์ที่สามารถดึงความสนใจได้จากคนหมู่มาก อีกทั้งแอตติจูดของแบรนด์ที่ไม่ได้เน้นหาสปอตไลท์เพื่อเป็นที่รู้จัก เพื่อการยอมรับ แต่เน้นสร้างผลงานเพื่อให้เห็นกับตาเสียมากกว่า
สำหรับบางคนการทำงานเช่นนี้ก็ถูกมองว่าเป็นวิธีการของศิลปินอย่างแท้จริง ดังที่ เวอร์จิล อาโบลห์ (Virgil Abloh) แฟชั่นดีไซน์เนอร์ผู้ล่วงลับ เคยกล่าวถึงแบรนด์เพื่อนผู้ร่วมวงการเจ้านี้เอาไว้ว่า
"การไม่เปิดเผยตัวตนของซินเทียไม่ใช่อุปสรรคที่จะรั้งวงการแฟชั่นเอาไว้ เธอเป็นศิลปินอย่างแท้จริงที่ให้ดีไซน์พูดแทนทุกอย่างโดยไม่ต้องมีการโปรโมตแต่อย่างใด เธอทำงานอยู่ในรูปแบบของตัวเอง
"ผมเคยพูดไปเมื่อประมาณ 6 เดือนก่อนทำนองว่าเดี๋ยวสตรีทแวร์ก็ตายแล้ว แต่ผมเชื่อว่าซินเทียคืออนาคต เธอคือต้นแบบของแหล่งรวมไอเดีย เธอแค่ทำงานและแสดงให้ทุกคนได้เห็น ไม่คิดนาน และไม่ต้องเกาะกระแสใด ๆ"
แหล่งอ้างอิง
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
