ทำไมแค่เพียงแก๊สธรรมชาติของรัสเซียเพียงอย่างเดียวก็สามารถเอาชนะประเทศในยุโรปตะวันตกได้ แล้ว
Credit: Fair Observer
ข่าวคราวที่เผยแพร่ออกมา เราต่างเห็นประเทศสหรัฐฯและประเทศในยุโรปตะวันตก รวมถึงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลียและแคนาดา ต่างก็ดาหน้าร่วมมือกันลงแขกรัสเซีย ด้วยการทยอยออกมาตรการในการคว่ำบาตรหรือ Sanction ทั้งแบบเบาๆและแบบหนัก จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถหยุดรัสเซียได้
ซ้ำร้ายกว่านั้นยังมีบางประเทศเริ่มฝ่าฝืนข้อตกลงร่วมกัน หันหน้ามาซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย โดยยอมทำตามเงื่อนไขด้วยการชำระค่าก๊าซเป็นเงินสกุลรูเบิ้ลส์ ที่เป็นของรัสเซีย ส่งผลให้ค่าเงินรัสเซียได้รับความเชื่อถือมากขึ้นไปอีก
ศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ (CREA) ได้ทำการประเมินสัดส่วนการสั่งซื้อก๊าซจากรัสเซียของประเทศในยุโรปตะวันตก ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วปรียบเทียบกับปีนี้ ก็พบว่ามีการนำเข้ามากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่มีการประกาศคว่ำบาตรรัสเซียแล้วก็ตาม ในระยะเวลาเพียง 2 เดือนที่ผ่านมานับจาก เดือน ก.พ.65 รัสเซีย มีรายได้จากการขายพลังงานน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน ให้กับสหภาพยุโรป (EU) กว่า 62,000 ล้านยูโร (2.24 ล้านล้านบาท)
ในปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันนี้เฉพาะก๊าซธรรมชาติ กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก ได้สั่งซื้อจากรัสเซีย มูลค่า 23,212 ยูโร (8.44 แสนล้านบาท) เมื่อเปรียบเทียบกับปีนี้พบว่า มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 44,000 ล้านยูโร (1.6 ล้านล้านบาท) หรือ 190% ทั้งๆที่มีการประกาศคว่ำบาตรจะไม่ซื้อพลังงานจากรัสเซีย
Credit: Daily Express
อาวุธทางพลังงานของรัสเซียจึงมีพลานุภาพสูงมาก ส่งผลให้ประเทศในยุโรปตะวันตกต้องยอมทำตามที่รัสเซียกำหนด นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือที่สามารถป้องกันไม่ให้รัสเซียถูกรุมกินโต๊ะ จากเหล่าพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปได้
สาเหตุมาจากราคาก๊าซของรัสเซียมีราคาเพียง 0.25 ดอลลาห์/ลูกบาศก์เมตร อีกทั้งยังมีการต่อท่อแก๊สไปถึงประเทศผู้สั่งซื้อที่ไม่ต้องเสียค่าขนส่งเพิ่ม แก๊สที่ส่งมานั้นเป็นรูปแบบแก๊สที่สามารถนำไปใช้ได้ในทันที เสมือนท่อน้ำประปาที่บ้านเรา ที่สามารถเปิดออกมาใช้ได้โดยตรงไม่ต้องนำน้ำไปกรองก่อน
ในขณะที่ราคาแก๊สเหลว LNG ของสหรัฐฯ ราคาประมาณ 1.1 ดอลลาห์/ลูกบาศก์เมตร เป็นราคาที่สูงกว่าก๊าซที่มาจากรัสเซียถึง 4.4 เท่าตัว ราคานี้ยังไม่รวมค่าขนส่งทางเรือ ที่ต้องมีค่าธรรมเนียมการผ่านคลองสุเอซอีก 1 ล้านดอลลาห์ต่อเที่ยว
นอกจากนี้ประเทศผู้ซื้อยังต้องจัดเตรียมสถานที่เก็บ ที่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ไว้ด้วย เนื่องจากLNG ถูกส่งมาในรูปแบบของเหลว จึงไม่สารมารถนำไปใช้ได้ในทันที จะต้องมีโรงแปรรูปจากของเหลวให้เป็นก๊าซเพื่อนำมาใช้งาน จากราคาวัตถุดิบที่แพงกว่า 4.4 เท่าแล้ว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกจากขบวนการแปรรูปและการขนส่ง
Credit: Lloyd's List - Informa
นี่ยังไม่รวมปริมาณที่ส่งมอบที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานของยุโรปตะวันตก ยังไงก็ต้องซื้อจากรัสเซียอยู่ดี เพราะหากขืนทำตามที่สหรัฐแนะนำมีหวังเงินเฟ้อพุ่งทะเลเพดานยุโรปอย่างแน่นอน คำนวณคร่าวๆหากนำก๊าซจากสหรัฐมาใช้ในครอบครัวขนาด 3-4 คน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้เท่าที่จำเป็นราคาค่าไฟจะสูงถึง 30,000 ดอลลาห์สหรัฐหรือประมาณ 1,000,000 บาท หรือเดือนละเกือบแสน จากเดิมที่จ่ายน้อยกว่านี้หลายเท่า
แม้ว่าแต่ละประเทศจะกำลังดำเนินการหาพลังงานทดแทน บางประเทศจะหันกลับมาใช้พลังงานนิวเคลียร์อีกครั้ง ทำการขุดเจาะแหล่งพลังงานมาใช้เอง และอีกหลากหลายวิธีที่จะมาทดแทนก๊าซจากรัสเซีย แม้จะทำได้จริงแต่คงไม่ใช่ในเร็วนี้ๆอย่างแน่แท้ แล้วหากถึงเวลาที่ทำได้จริง ถึงเวลานั้นจะเหลือคนที่มีกำลังซื้ออยู่จริงๆกี่คน
นี่ก็คือเหตุผลสำคัญที่ประเทศยุโรปตะวันตกต้องยอมรับเงื่อนไขของรัสเซียแบบที่ไม่มีทางเลือกอื่น แบบนี้จะเรียกว่าแพ้ได้หรือไม่
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Modernization Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
- 9
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
