29 เม.ย. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
STARK กำลังสร้างการเติบโตผ่านยานยนต์ไฟฟ้า ต่อยอดสู่ผู้ผลิตสายไฟและเคเบิ้ล TOP10 ของโลก
ปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบไปทั่วโลกทั้งในด้านของเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้พลังงานทางเลือกเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV CAR ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อยานยนต์ไฟฟ้าได้รับผลดี ก็ทำให้ซัพพลายเชนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้ประโยชน์ไปด้วย
STARK หรือ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หนึ่งในหุ้นขวัญใจของใครหลายคน ด้วยการเติบโตของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกันบริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็น TOP10 ของผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลของโลก กำลังจะได้รับผลดีจากกระแสของยานยนต์ไฟฟ้า เมื่อองค์ประกอบที่สำคัญคือสถานีอัดประจุ (EV Charger Station) ของรถยนต์ EV ที่ต้องใช้ “สายไฟ” ที่เหมือนกับเส้นเลือดของรถยนต์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อน ก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ให้กับ STARK เติบโตได้มากขึ้น
ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นธุรกิจแห่งอนาคต
รายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก (รวมถึงรถยนต์ PHEV และรถยนต์ BEV) ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2563 มาอยู่ที่ 6.6 ล้านคัน โดยยอดขายในประเทศจีนคิดเป็น 53% ของยอดขายทั่วโลก (ประมาณ 3.4 ล้านคัน) ตามมาด้วยตลาดยุโรป คิดเป็น 33% และตลาดสหรัฐฯ คิดเป็น 11%
โดย ในปี 2564 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 8.6% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจาก 0.9% ในปี 2559 โดยปัจจุบันคาดว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการใช้งานทั่วโลกราว 16 ล้านคัน
เช่นเดียวกับในประเทศไทยที่ความสนใจในยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยสำนักวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ‘ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะเริ่มมาถึงในช่วง 1-2 ปีนี้หลังจากนี้ โดยช่วงแรกความต้องการส่วนใหญ่จะเป็นรถที่มีราคาระดับปานกลางและสูง’ หลังจากนั้นความต้องการจะเร่งตัวสูงขึ้นมากโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท
STARK อยู่ในจุดที่เติบโตระดับสูง
เทรนด์ของโลกมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น ทั้งสายไฟฟ้าจากการเติบโตของเมืองที่ขยายออกไป หรือ แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงแหล่งเชื้อเพลิงจากน้ำมันมาเป็นไฟฟ้าของหลายอุตสาหกรรม ทำให้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้ามีการเติบโตสูงอย่างมาก จึงเป็นผลบวกให้กับ STARK
‘STARK’ เป็นผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีประสบการณ์ในธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลยาวนานกว่า 50 ปี
โดยปี 2564 มีการเติบโตที่ดีมาก มีรายได้อยู่ที่ 27,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 60.7% การเติบโตที่ดีมาจากยอดขายของโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างนั้นเป็นไปตามแผนงานการส่งมอบ
นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการจับกลุ่มสินค้าในกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง (High margin product) โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางจนถึงระดับสูงพิเศษ (Medium – Extra High Voltage) มีการเติบโตสูงเพื่อรองรับโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐและเอกชน ซึ่ง รายได้หลักจากการขายสายไฟและเคเบิ้ลในปี 2564 เท่ากับ 16,846 ล้านบาท และปี 2563 เท่ากับ 9,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมูลค่า 6,868 ล้านบาท คิดเป็น 68.8%
ขณะเดียวกันในตลาดต่างประเทศมีการเติบโตที่ดีเช่นกัน มีการส่งออกสินค้าไปยัง 42 ประเทศและสร้างสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 16% ของรายได้รวมทั้งหมด นอกจากการเติบโตของรายได้ที่ดีแล้ว บริษัทยังมีการควบคุมต้นทุนที่ดี และปรับกลยุทธ์เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางจนถึงระดับสูงพิเศษ (Medium – Extra High Voltage) ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2564 ที่ 2,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.6% จากปี 2563 เลยทีเดียว
เดินหน้าสู่เป้าหมาย 30,000 ล้านบาท !!
แม้การเติบโตของ STARK ในปี 2564 นั้นจะอยู่ในระดับที่สูงมาก การเติบโตในปี 2565 ก็ยังเป็นขาขึ้นอยู่ โดยทาง STARK วางเป้าหมายของรายได้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาทนับเป็นสถิติใหม่ของบริษัท ทำให้การเติบโตของ STARK ยังสดใสมาก สอดคล้องไปกับการเติบโตจากยานยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV ที่เป็นกระแสของโลกในอนาคต ซึ่งรถยนต์ EV มีสายไฟเป็นส่วนประกอบที่สำคัญและจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงชุดสายไฟตามเทคโนโลยีจำนวนมาก นับเป็นโอกาสสำคัญของ STARK ตั้งแต่วันนี้ไปอีกหลายปีข้างหน้า
ขณะเดียวกันปัจจุบัน บริษัทยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) 12,000-13,000 ล้านบาท โดยเป็นงานทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดที่มีการเติบโตสูง (High-growth markets) โดยได้รับประโยชน์ในการพึ่งพาข้อตกลงระหว่างประเทศจาก FTA (Free Trade Area) ของบริษัทย่อย Thipha Cables ที่จะเอื้อต่อการส่งออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในระดับโลกและภูมิภาค เพื่อขยายการเติบโตในต่างประเทศให้บริษัทสามารถส่งออกสินค้าได้เป็น 50 ประเทศ จากปีที่ผ่านมาส่งออกไปยัง 42 ประเทศอีกด้วย
รวมถึงการสร้างการเติบโตผ่าน การควบรวม การซื้อกิจการ และการลงทุน โดยเน้นการส่งเสริมการเสนอขายผลิตภัณฑ์ การขยายและเพิ่มฐานตลาด ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และต่างประเทศ
STARK ออกหุ้นกู้เพื่อสร้างการเติบโต
อีกความน่าสนใจที่ผู้ลงทุนจะสามารถร่วมเติบโตไปกับ STARK ผ่านการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ยื่นร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทครั้งที่ 1/2565 โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 3 ชุด หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.90 – 3.10]% หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.60 – 3.80]% และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.00 – 4.20]% มีกำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะมีการประกาศอีกครั้ง
ทั้งนี้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยหุ้นกู้ในครั้งนี้จะเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ เท่านั้น และคาดว่าจะเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อในวันที่ 9 - 11 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนสินเชื่อธนาคารและหุ้นกู้ของผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัทในกลุ่ม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ
ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 6 ราย ได้แก่
1) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest
(ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)
2) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)1428 กด#4
3) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) (เสนอขายเฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น)
4) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร 02-658-5050
5) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร 02-009-8352-56
6) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด โทร 02-207-2124
รายงานประกอบงบการเงินปี 2564 STARK
ติดตามอัพเดตความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
.
Facebook : Wealthy Thai
โฆษณา