30 เม.ย. 2022 เวลา 06:13 • กีฬา
ผมเชื่อว่าคนที่รักฟุตบอล เราก็คงอยากไปดูบอลที่อังกฤษกับตาตัวเองสักครั้ง และสิ่งที่ผมยืนยันได้แน่นอน คือฟีลลิ่งการอยู่ในสนาม มันสุดยอดกว่าหน้าจอทีวี 100 เท่า วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังว่า ถ้าเราอยากเดินทางด้วยตัวเองแบบง่ายๆ มาแอนฟิลด์ จะทำอย่างไรได้บ้าง
1
จริงๆ ก็เหมือนทุกๆ กิจกรรมล่ะครับ คอนเสิร์ต Live สดๆ ก็ย่อมเร้าใจกว่าดูผ่านยูทูบ ฟุตบอลก็เหมือนกัน มันจะสนุกมากกว่าจริงๆ ถ้าได้อยู่ในสนาม
สำหรับสนามแข่งของลิเวอร์พูล หรือแอนฟิลด์นั้น ถูกยกย่องว่าเป็น Cathedral หรือมหาวิหารในโลกฟุตบอล มันสวยงาม มีเสน่ห์ และที่สำคัญบรรยากาศของกองเชียร์ ที่เชียร์กันมันส์มากๆ คือมันเป็นสถานที่ ที่ควรจะมาสักครั้งจริงๆ
การมาดูบอลที่แอนฟิลด์น้ั้น มี 2 วิธีครับ วิธีแรกคือ ซื้อทัวร์ โดยปัจจุบันมีทัวร์มากมายเลยครับ ที่มีแพ็คเกจครบ ตั๋วบอล-โรงแรม-ตั๋วเครื่องบิน พร้อมมีโปรแกรมนำเที่ยวเสร็จสรรพ และบางที่ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ ไปดูบอลพร้อมกันด้วยนะ
แบบนี้ก็สะดวกดี ในแง่ที่เราไม่ต้องเตรียมอะไรเลย จ่ายตังค์โป้งเดียวจบ แล้วก็ไปตามทริปที่มืออาชีพวางเอาไว้ครับ ซึ่งหลายๆ ทัวร์ ผมก็บอกได้เลยว่าราคาเหมาะสม อยู่ที่เรนจ์ แสนกว่าบาท
นั่นคือวิธีแรกครับ ส่วนวิธีที่สองคือ จัดการด้วยตัวเองทุกอย่าง
ผมไม่ได้ตัดสินว่าวิธีไหนดีกว่านะครับ แต่ผมชอบการจัดการเองมากกว่า เพราะมันยืดหยุ่นตามใจเราได้เลย เราอยากเที่ยวตรงไหนนานๆ ก็ทำได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร อยากเข้าร้านอาหารแบบไหนก็ไปได้เลย
การไปเที่ยวเองก็เหมาะกับคนที่ชอบความเป็น Personal อยู่กันเองแค่ครอบครัวครับ ไม่ต้องร่วมทริปกับคนหมู่มากอะไรทำนองนั้น
วันนี้ผมจะเล่าวิธีการไปดูบอลที่แอนฟิลด์ของผมละกันนะครับ รวมถึงประสบการณ์การนั่งใน VIP BOX ด้วย ว่ามันแตกต่างกับที่นั่งจุดอื่นอย่างไร
ก่อนอื่นเลย การเข้าประเทศอังกฤษได้นั้น คุณต้องมีวีซ่าครับ พ่อ-แม่-ลูก ต้องมีวีซ่าครบทุกคน เราสามารถเตรียมเอกสารเองได้เพื่อยื่นขอสถานทูต แต่ถ้าใครขี้เกียจเตรียมเอง ก็เข้า google แล้วพิมพ์ว่า รับทำวีซ่า อังกฤษ ก็จะมีบริษัทเอกชนเพียบเลย ที่เขารับจ้างทำให้เรา แบบนี้ก็จะช่วยประหยัดเวลาเราไปได้ครับ
พอได้วีซ่าแล้ว จากนั้นก็ซื้อตัวเครื่องบินครับ ราคาปัจจุบันตั๋วไม่ได้แพงมากนะ อย่าง Scoot มีบินตรงจากสุวรรณภูมิ ไปลอนดอน แกตวิค ราคา 21,000 บาทเอง หรือ การบินไทยก็อยู่ที่ราวๆ 30,000 บาท ถ้าเลือกเวลาถูก หรือช่วงมีโปรโมชั่น เผลอๆ หมื่นปลายๆ ก็ซื้อได้ละครับ
1
ถ้าหากไม่บินตรง ก็มีหลายสายการบิน ที่ต้องต่อเครื่อง แบบ Qatar, Emirates, Etihad หรือ Finnair ครับ (2 หมื่นต้นๆ) แต่ก็ไม่ได้ลำบาก และไม่ได้เสียเวลาอะไรนะครับ จะใช้เวลามากกว่าบินตรงแค่ 2-3 ชั่วโมงเอง ผมดาวน์โหลดหนัง Netflix มาลงเครื่องตัวเองไว้ ตอนพักเครื่องก็เปิดดู แป้บเดียวเขาก็เรียกขึ้นเครื่องละครับ
การไปอังกฤษ มีแบบพื้นฐานคือ กรุงเทพ-ลอนดอน แต่ก็มีอีกวิธีคือ กรุงเทพ-แมนเชสเตอร์ ซึ่งก็จะใกล้กับลิเวอร์พูลมากยิ่งขึ้นครับ แต่ราคาตั๋วจะแพงกว่าลอนดอนนิดหน่อย
หลังจากบินมาถึงอังกฤษแล้ว วิธีต่อมาคือการเดินทางไปเมืองลิเวอร์พูล มีหลายแบบ แท็กซี่นั่งยาวเลยก็ได้ หรือรถบัสก็มี แต่วิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด คือรถไฟครับ (National Rail)
ที่อังกฤษนั้น องค์กรส่วนกลางที่รับผิดชอบรถไฟทั้งหมดคือ National Rail (การรถไฟแห่งชาติ) อย่างไรก็ตาม แต่ละภูมิภาคก็จะมีบริษัทรถไฟที่ดูแล รับผิดชอบ ใน Area ของตัวเองย่อยลงไปอีก ถ้าคุณจะไปภาคใต้ไปเที่ยวเมืองอย่างไบรท์ตัน, ปอร์ทสมัธ, เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ต้องใช้บริการบริษัทรถไฟชื่อ Southern Railway
ส่วนภาคตะวันตก เขตเมอร์ซีย์ไซด์ หรือ แมนเชสเตอร์ บริษัทหลักในการเดินรถไฟ มีชื่อว่า Avanti West Coast
ดังนั้นการซื้อตั๋วไปลิเวอร์พูล เราสามารถ Register เป็นสมาชิกของ Avanti West Coast ได้หน้าเว็บเลย (มีแอพในมือถือด้วย) จากนั้นเลือกเวลา แล้วซื้อตั๋วให้เสร็จสรรพที่ไทยไปเลย พอซื้อเสร็จเขาจะให้ E-Ticket มา เราก็แค่สกรีนหน้าจอเก็บไว้ที่มือถือ พอนั่งรถไฟ ก็จะมีพนักงานตรวจตั๋วเดินมา เราก็ชู QR Code ในมือถือเรา ให้เขาสแกนครับ แค่นี้เอง จบเลย ง่ายมากๆ
1
สถานีรถไฟหลักของลิเวอร์พูลชื่อว่า Liverpool Lime Street ครับ ถ้าจะมาจากลอนดอน ก็เสิร์ชว่าขึ้นจาก Euston (EUS) ลง Lime Street (LIV) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงนิดๆ ครับ
หรือถ้าจะมาจากสนามบินแมนเชสเตอร์ เสิร์ช Manchester Airport (MIA) ลง Lime Street (LIV) จะใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ
ได้ตั๋วรถไฟเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมจองโรงแรมครับ มีมากมายหลาย Range ให้เราเลือก ถ้าจะเอาง่าย ก็จองใกล้ๆ กับ City Centre ใกล้กับ Albert Dock ก็จะเดินทางสะดวกที่สุดครับ
ทีนี้ มาที่วิธีการซื้อตั๋วฟุตบอลบ้าง ผมอยากบอกว่า จุดเด่นของแอนฟิลด์คือ เป็นสนามที่ดีไซน์มาเป็นอย่างดีแล้ว นั่งมุมไหน ก็เห็นเกมชัด ดังนั้นขอแค่มีตั๋วได้ คือโอเคแล้ว จะเยื้องหน่อย จะสูงหน่อย ไม่มีปัญหากับการดูครับ
1
ตั๋วฟุตบอลที่ลิเวอร์พูลขาย มีหลักๆ 3 แบบ คือ
1) ตั๋วปกติ
2) ตั๋ว Hospitality
3) ตั๋ว VIP BOX
ตั๋วแบบปกติ คือตั๋วราคาถูกที่สุด ราคาที่นั่งละไม่เกิน 70 ปอนด์ แต่การจะซื้อตั๋วแบบนี้ คุณต้องสมัครเป็นสมาชิกรายปีของสโมสร ที่เรียกว่า LFC Official Membership จ่ายค่าสมัครรายปี เมื่อสมัครปั๊บ จะได้สิทธิ์ซื้อตั๋วได้ แต่ก็ต้องไปแย่งชิงกับคนอื่นเหมือนกัน (กรณีที่ตั๋วขายให้สมาชิกรายปีของสโมสรไม่หมด ก็จะถูกปล่อยขายต่อให้คนทั่วไป แต่ยากมากที่จะเหลือ)
แต่ถ้าคุณจะดูบอลเป็นวาระ ปีละ 1 แมตช์ วิธีการที่หาตั๋วได้ง่ายกว่า คือการซื้อแบบที่ 2 หรือ Hospitality
Hospitality คือตั๋วที่อยู่ในเรนจ์ราคา 380 - 500 ปอนด์ต่อ 1 ใบ เป็นตั๋วที่หาง่ายมาก อย่างเกมลิเวอร์พูลเจอบียาร์เรอัล เกมใหญ่ขนาดนี้ ยังมีขายอยู่เลย ราคาคิดเป็นเงินไทย ก็ใบละ 20,000 กว่าบาท
ตั๋ว Hospitality จะเป็นตั๋วที่สโมสรจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับโรงแรมต่างๆ เช่น Crowne Plaza หรือ Hilton มีบริการรับส่งไป-กลับ สนามแอนฟิลด์กับใจกลางเมือง แถมมีอาหารให้กินอีก 1 มื้อด้วย ส่วนที่นั่งในสนาม จะนั่งบนสแตนด์ปกติ
1
วิธีการซื้อ ให้เราเข้าไปที่เว็บไซต์ ticketing.liverpoolfc.com ไป Register ให้เรียบร้อยก่อน พอสมัครเสร็จแล้ว มีเลข Supporter ID เราก็เข้าไปที่ ticketing.liverpoolfc.com/hospitality เลือกแมตช์ที่ต้องการแล้วคลิก View Packages
จากนั้นมันจะให้เราเลือกได้เลยว่า จะเอาแพ็คเกจแบบไหน จะนั่งแสตนด์ฝั่งไหน สามารถเลือกที่นั่งได้ครับ แล้วถ้าเราอยากรู้ว่า "มุมมอง" ของที่นั่งเราเป็นอย่างไร ก็คลิกไปได้ที่นี่ครับ 3ddigitalvenue.com/3dmap/clients/liverpool เป็นภาพสามมิติจำลองที่สโมสรทำไว้ให้คนที่คิดจะซื้อตั๋วครับ
3
และแบบที่ 3 คือ VIP BOX หรือศัพท์ทางการคือ Executive Box เป็นที่นั่งในมุมที่ดีที่สุด และได้รับบริการสูงสุด
VIP BOX ต่างจาก 2 แบบแรกอย่างไร ? ด้วยความที่ผมไปดูมาแล้ว จะขอลิสต์ข้อดีของมันให้นะครับ
- คุณเข้าสนามได้ก่อนแข่ง 3 ชั่วโมง และอยู่ต่อหลังจบเกมได้ 1 ชั่วโมง คือถ้านั่งสแตนด์ปกติ จะโดนการ์ดไล่ให้ออกจากสนามให้เร็วที่สุด แต่ถ้าอยู่บน BOX จะนั่งได้เรื่อยๆ เลย ได้เห็นนักเตะคูลดาวน์ ได้เห็นนักเตะมาสัมภาษณ์กับสื่อ แล้วก็ไม่ต้องรีบไปแย่งชิงรถเมล์กับใครด้วย
- นักเตะหลายๆ คน อย่างจอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะมีบ็อกซ์ของตัวเองในแอนฟิลด์ ดังนั้นหลังจบเกม มีโอกาสถึง 70-80% ที่จะได้เจอผู้เล่น และถ้าเจอคุณก็ขอถ่ายรูปได้เลย
- ก่อนเกม บางทีจะมีอดีตนักเตะเข้ามาแวะพูดคุย อย่างตอนที่ผมไปดู ฟิล บ๊าบ ฟูลแบ็กหงส์แดง ที่ตอนนี้ทำงานเป็นทูตของสโมสรก็เข้ามาคุย มาถ่ายรูปด้วยกันครับ
- มีอาหารครบเซ็ต Five-Course Meal ให้ มีสตาร์ตเตอร์ เมนคอร์ส ของหวาน พายเนื้อ ปิดท้ายด้วยคัพเค้ก
- จะมีห้องพักไว้ทานอาหาร และมี Balcony ส่วนตัวสำหรับดูบอล มีความส่วนตัวมาก (1 ห้องอยู่ได้ 10 คน สูงสุด 11 คน) อย่างตอนผมไปดู ลูกสาวของผมกลัวเสียงดัง คุณแม่ของน้อง ก็พาน้องมาหลบในห้องด้านในได้ครับ ถ้าตั๋วแบบปกติ คงไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้
- ทำเลของ VIP BOX จะอยู่มี 2 ฝั่งคือ Main Stand (ฝั่งประธาน) กับ Sir Kenny Dalglish Stand (ตรงข้ามประธาน) ดังนั้นเมื่อมันอยู่ฝั่งที่ไม่ใช่หลังโกล์ จึงดูบอลได้ง่ายขึ้นนะ
ด้วยความที่มันเป็นตำแหน่งที่ดี และได้รับบริการที่ยอดเยี่ยม แถมมีจำนวนแค่ไม่กี่ BOX เท่านั้น ทำให้ผู้คนทั่วโลกแย่งชิงจะซื้อ BOX มาครองให้ได้ คือลิสต์ต่อคิวยาวเป็นหางว่าว โดยห้องที่ถูกถือครองโดยคนไทย มีแค่ 1 ห้องเท่านั้นครับ เป็นห้องเบอร์ 27 ของสยามสปอร์ต
สยามสปอร์ต ถือครอง BOX มาเป็นสิบๆ ปีแล้วครับ ตั้งแต่สมัยผมทำงาน ก็ทราบกันว่า บริษัทจะใช้ BOX ที่แอนฟิลด์ในการรับรองลูกค้ากิตติมศักดิ์ขององค์กร ในเวลาต่อมา พอบริษัททำทัวร์ดูฟุตบอล ก็จะมีแพคเกจให้นั่งดูบน VIP BOX ได้ด้วย
1
ใน 10 ที่นั่ง ของห้อง 27 ปัจจุบันจะแบ่งการครอบครองเป็น 2 ส่วน คือ "6 ที่นั่ง" เป็นของสยามสปอร์ต และอีก "4 ที่นั่ง" จะเป็นของคุณป้อม แฟนตัวยงของลิเวอร์พูล เจ้าของร้านอาหารลามองเต้ แถวสามเสน
1
ดังนั้น ถ้าคุณอยากดูบน VIP BOX ก็ต้องไปติดต่อสยามสปอร์ต หรือ คุณป้อม เพื่อสอบถามว่ามีตั๋วว่างหรือเปล่าในเกมนั้นๆ และถ้าว่างจะขายเท่าไหร่ ซึ่งอย่างผมในเกม ลิเวอร์พูลเจอเอฟเวอร์ตัน ก็ซื้อมาในราคาใบละ 1,000 ปอนด์ (44,000 บาท) ครับ
1
สำหรับการซื้อตั๋วใน BOX นั้น เราอาจมีตัวช่วยได้ คือบริษัททัวร์ที่เป็น Professional ด้านการจัดหาตั๋ว ซึ่งมีหลายแห่งครับ อย่างผมใช้บริการของ Yoso Travel ให้ช่วยดูให้หน่อยว่าใน VIP BOX มีว่างวันไหนบ้าง เขาก็จะไปช่วยดีลกับสยามสปอร์ตและคุณป้อมให้ จนผมได้ตั๋วมาครับ
ครั้งนี้ผมเลือก VIP BOX เพราะคาดการณ์ไว้แล้วว่า ลูกสาว (2 ขวบครึ่ง) อาจจะทนหนาวไม่ไหว หรือ กลัวเสียงดัง ก็เลยตัดใจซื้อใน BOX ครับ จริงๆ ถ้าไม่มีปัจจัยเรื่องลูก ผมว่าตั๋ว Hospitality ที่ถูกกว่าครึ่งหนึ่งก็น่าสนใจเช่นกันครับ
ข้อควรระวังเล็กๆ ในการเข้าแอนฟิลด์ คือห้ามเอากระเป๋าใบใหญ่เกินไปเข้าสนาม ควรไปตัวเปล่าจะดีที่สุด นอกจากนั้นถ้าดูใน BOX จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ของ Apple เพื่อโหลดตั๋วออนไลน์ลง Apple Wallet นะครับ คือคนใช้แอนดรอยด์บางรุ่นก็ไม่สามารถเข้าได้นะ พิลึกดีเหมือนกัน หวังว่าในซีซั่นหน้าอาจจะแก้ไขแล้วนะ
2
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากดูบอลจบ ผมก็อยู่ในสนามต่อราวๆ 40 นาทีครับ จากนั้นก็เดินออกจากสนามแล้วมาขึ้นรถเมล์ เพื่อมาลงกลางเมือง ทุกอย่างสะดวก รวดเร็วมากๆ คือปริมาณคนดูในแอนฟิลด์ เยอะเท่าราชมังฯ ตอนทีมชาติเตะ แต่การระบายคนของเขาทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
นี่ล่ะครับ ทริปมาดูบอลด้วยตัวเองของผม สรุปขั้นตอนคือ
1- ทำวีซ่า
2- ซื้อตั๋วเครื่องบิน
3- ซื้อตั๋วรถไฟ
4- จองโรงแรม
5- ซื้อตั๋วบอล
ทำไปเรื่อยๆ 1 2 3 4 5 แป้บเดียวก็เรียบร้อยครับ ไม่ยากๆ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้น ผมว่าถ้ารวมค่ากิน ค่าจิปาถะ ผมว่าก็ราคาใกล้ๆ กับบริษัททัวร์ที่เขาขายกันล่ะครับ
ดังนั้นผมว่าไม่ได้อยู่ที่เรื่องของราคา แต่มันอยู่ที่ว่าคุณเป็นคนชอบเที่ยวสไตล์ไหนมากกว่า บางคนรู้สึกว่าทำงานก็หนักอยู่แล้ว ต้องมาคิดจองโน่นจองนี่อีกหลายสเต็ปอีกหรือ มาพักผ่อนทั้งทีนะเฟ้ย หามืออาชีพจัดการให้เสร็จไปเลยง่ายกับชีวิตขึ้นเยอะ แบบนี้ก็เหมาะกับการซื้อทัวร์ครับ
แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบการผจญภัย และลองทำนี่นั่นด้วยตัวเอง สนุกกับการเลือกโรงแรม กำหนด Route ใหม่ๆ ขึ้นมา รวมถึงเลือกซื้อตั๋วบอลเองว่าจะนั่งฝั่งไหน การจัดการเองก็สนุกกว่าครับ และเอาจริงๆ ไม่มีอะไรยากเลย
อย่างผมทริปนี้ ผมมาดูบอลที่ลิเวอร์พูล จากนั้นมาเอดินเบอระ เมืองหลวงสกอตแลนด์ แล้วเช่ารถขับไป Highland ไปสนามกอล์ฟเซนต์แอนดรูว์ แล้วลงมาลอนดอน พาลูกไปดูอะควาเรี่ยม พาภรรยาไปเดินเล่นที่โคเวนต์การ์เดน
เราค่อยๆ สร้าง Route แสนสนุกของตัวเองขึ้นมา อยู่กันแค่ครอบครัวตัวเอง พ่อแม่ลูกสามคนทั้งทริป และ สามารถ Flexible ได้ทุกอย่างที่ต้องการ ส่วนตัวแล้ว การเที่ยวแบบนี้มันตอบโจทย์กับตัวผมเองมากกว่าครับ
แต่ไม่ว่าจะมาแบบไหนก็ตาม ผมบอกได้เลยว่า ลิเวอร์พูล เป็นเมืองที่ควรมาเยือนอย่างยิ่งครับ ใช้เวลาสัก 3 วันเพลินๆ
วันที่ 1- ซื้อ Stadium Tour + Museum ในแอนฟิลด์ (ซื้อออนไลน์จากไทยได้เลย แล้วปรินท์ตั๋วไป) + ซื้อของฝากในช็อปสโมสร อย่าไปซื้อในแมตช์เดย์ล่ะ เพราะคนจะเยอะมากๆ รวมถึงตามล่า Mural หรือ Street Art ที่เป็นหงส์แดง ที่แอบซ่อนอยู่ทั่วเมือง
ข้อควรระวังนิดๆ คือ ถ้าซื้อ Stadium Tour ก่อนวันเตะแมตช์เดย์ เราจะไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปในห้องแต่งตัวของทีมเหย้าได้นะครับ เพราะเขาต้องทำความสะอาดเตรียมห้องให้พร้อม ก่อนแข่งวันรุ่งขึ้น
วันที่ 2- ดูบอล + ช็อปเสื้อทำมือ หรือผ้าพันคอ Fanmade ไปสัมผัสบรรยากาศก่อนเกม
วันที่ 3 - ไปเที่ยว Tourist Attraction เช่น Albert Dock, Cavern Club หรือ The Beatles Story เป็นพิพิธภัณฑ์บีทเทิลส์ ที่มีมุมถ่ายรูปเพียบเลย
และจริงๆ ผมคิดว่าลิเวอร์พูลเป็นเมืองที่ควรค่ากับการท่องเที่ยวครับ ยิ่งถ้าเป็นแฟนฟุตบอล เมื่อได้มาเยือน 1 ครั้ง ก็อยากจะมาอีก คือมันจะรู้สึกเติมเต็มอย่างอธิบายไม่ถูกทีเดียวล่ะครับ
โฆษณา