1 พ.ค. 2022 เวลา 13:15 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Money Management
อาวุธสำคัญที่นักลงทุนต้องมี
หากคิดจะเป็นนักลงทุนที่ดีและประสบความสำเร็จ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือการบริหารการเงิน ซึ่งนับเป็นอาวุธสำคัญที่นักลงทุนต้องมีเลยค่ะ
เพราะการที่จะอยู่รอดปลอดภัยในตลาดทุนหรือตลาดหุ้นนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปหากเรารู้จักทำ Money Management
Money Management หรือที่เรียกกันว่า MM เป็นการบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างเป็นระบบ เพื่อจำกัดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน
โดยส่วนใหญ่จะแบ่งเงินออกเป็นเงินสำรองและเงินหมุนเวียนในการรักษาขนาดของพอร์ตลงทุน และใช้เงินซื้อหุ้นแต่ละตัวอย่างมีระบบแบบแผนเพื่อจำกัดโอกาสในการขาดทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนของแต่ละคนนั่นเอง
นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น คงมีประสบการณ์และอาจได้บทเรียนจากเหตุการณ์การลงทุนมาแล้ว อย่างเช่น ลงทุน 10 ครั้ง ได้กำไร 7 ครั้ง ขาดทุน 3 ครั้ง แต่พอมาดูพอร์ตลงทุนโดยรวมกลับขาดทุน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ก็อาจเป็นเพราะ กำไรที่ได้ในจำนวนหลายครั้ง แต่เป็นครั้งละจำนวนเงินน้อย ๆ ตรงกันข้ามกับการขาดทุนในจำนวนน้อยครั้งแต่เป็นจำนวนเงินที่มาก
ด้วยประสบการณ์นี้ จะทำให้นักลงทุน ต้องมีความรู้ในการทำ MM ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญและเป็นอาวุธที่นักลงทุนทุกคนต้องมีติดตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่ ถ้ามีอาวุธนี้ติดตัวมาก่อน ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า และลดโอกาสการขาดทุนได้น้อยกว่า
โดยการทำ MM มีปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ คือ เรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทน ซึ่งสรุปออกมาเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. การควบคุมความเสี่ยง
เพราะไม่มีใครล่วงรู้อนาคตได้ว่าตลาดหรือหุ้นที่ดูไว้จะเป็นอย่างไร นักลงทุนจึงควรวางแผนในการซื้อขายทุกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ต้องปฏิบัติในการควบคุมความเสี่ยง ก็คือ การประเมินตัดขาดทุนและโอกาสได้ผลตอบแทน หรือที่เรียกว่าการวาง Risk & Reward
โดย Risk คือ วางจุดที่จะตัดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตลงทุนหรือถ้าเกิดความเสียหายก็ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด
และต้องรักษาเงินต้นไว้เพื่อรอโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมในอนาคตต่อไปได้ เปรียบเสมือนหากบ้านถูกไฟไหม้ ก็ยังคงเหลือไว้ซึ่งที่ดิน ที่เป็นทุนให้เราสามารถใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินต่อไปนั่นเองค่ะ
ส่วน Reward คือ โอกาสที่นักลงทุนได้รับผลตอบแทน ซึ่งโอกาสจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
2. การจัดสรรเงินลงทุน
ควรให้เหมาะสมกับขนาดพอร์ตลงทุนของตัวเอง (โดยเฉพาะหากมีเงินทุนที่จำกัด) ไม่ควรทุ่มเงินลงทุนไปกับหุ้นเพียงตัวเดียว แต่ควรจัดสรรให้พอเหมาะ เช่น แบ่งลงทุนในหุ้น 1 ตัว ด้วยอัตราส่วน 10 – 20% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ซึ่งการจัดสรรเช่นนี้ นอกจากเป็นการกระจายความเสี่ยงแล้วก็ยังมีเงินเหลือรอโอกาสการลงทุนในหุ้นตัวอื่น ๆ หรืออาจจะซื้อหุ้นตัวเดิมในกรณีที่หุ้นตัวนั้นมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
3. การวางแผนการลงทุน
หากนักลงทุนมีการวางแผนไว้แล้วก่อนลงทุนทุกครั้ง จะเป็นตัวช่วยให้สามารถจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ
เช่น ช่วงตลาดหุ้นไทยผันผวนและปรับฐานลงจากผลกระทบของสงครามต่างประเทศ นักลงทุนที่มีการวางแผนไว้แล้วก็จะเข้าซื้อสะสม เพราะประเมินว่าตลาดได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก
และหลังจากเหตุการณ์ Panic Sell ผ่านไป ราคาหุ้นก็จะปรับขึ้นได้ แต่หากไม่มีการวางแผนไว้เลย ก็อาจตกใจและเทขายตามตลาดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ปัจจัยลบที่เกิดจากตัวหุ้นเอง
Money Management ยังมีส่วนช่วยระบุปริมาณความเสี่ยงที่ได้รับในการซื้อขาย หรือเรียกว่า Position Sizing คือการกำหนดแผนการขาดทุนหรือความเสียหายล่วงหน้าว่าหุ้นตัวนี้จะยอมขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน
ดังนั้น Money Management จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การลงทุนซื้อขายเกิดความคุ้มค่า และช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการลงทุนได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การทำ Money Management เลยนั่นก็คือ การมีวินัยในการลงทุน โดย Money Management จะเป็นตัวกำหนดว่าควรเพิ่มหรือลดขนาดการลงทุน แต่ตัวที่จะทำให้การลงทุนทำงานได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ ก็คือตัววินัยนั่นเองค่ะ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านค่ะ
Cr.SETinvestnow
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา