2 พ.ค. 2022 เวลา 07:20 • การเมือง
ถ้าการเมืองดี
ภาพประกอบ จาก https://www.catdumb.tv/if-we-have-good-politic-290/?__cf_chl_tk=TA3A7VT60wSh9FeV8xWmcOUYXox9Pzd.YqUIYO7zTzg-1651478334-0-gaNycGzNB9E
“เรายืนนิ่งอยู่นานแล้วเธอก็รู้ ทั้งหดหู่แคบคับกลับเพิกเฉย
จิตวิญญาณสมัครใจเป็นเชลย ความเงียบงำสังเวยจนเคยชิน
เธอเห็นไหมใครล้าจนเกินลุก นั่นใครสุขเกินสุขมิสุดสิ้น
ฟังสิเสียงโหยร่ำน้ำตาริน
หรือเธอยินแต่เสียงเยาะอันเยียบเย็น
เราจะอยู่อย่างนี้จริงจริงหรือ บอดบื้อบ้าใบ้ไม่รู้เห็น
ไม่อาทรร้อนใจใครตายเป็น
ไม่อาลัยใครลำเค็ญกับอาธรรม”
จากบทกวีนิพนธ์เรื่อง “เราอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว” ของ “ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์” ที่ได้กล่าวมาในย่อหน้าข้างต้นนั้น เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงสภาพปัญหา ความเป็นอยู่ของสังคมมนุษย์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมไทยที่มีการเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียมกันมากขึ้นจากเมื่อก่อน ทั้งนี้เป็นเพราะมนุษย์ได้ศึกษาเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพื่อนำมาพัฒนาสังคมของตนเองให้มีความเจริญมากขึ้น จากแต่ก่อนที่ไทยมีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน โดยเห็นได้จากการปกครองสมมติเทพ โดยสมมติให้ผู้ปกครองเป็นเทพ มีสิทธิและอำนาจเหนือผู้ใต้ปกครองทุกประการ ซึ่งระบอบการปกครองข้างต้นนั้น เป็นระบอบที่มีกฎเกณฑ์ มีความเด็ดขาด โดยที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถกระทำสิ่งใดด้วยความอิสระอย่างเต็มที่ แม้แต่เสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การวิจารณ์ การเรียกร้องต่างๆนานา ทำให้พลาดสิทธิบางอย่างที่ควรจะได้รับ
เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันของสังคมมนุษย์ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะสังคมใดก็ตาม และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องพบเจอ ยิ่งในสังคมทุกวันนี้เป็นสังคมแห่งดิจิตอล เป็นสังคมที่มีความทันสมัยด้านเทตโนโลยี ทำให้สะดวกต่อการติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยเฉพาะเด็กสมัยใหม่ที่เริ่มมีการวิจารณ์เกี่ยวกับข่าวสารเรื่องการเมือง การศึกษา เศรษฐกิจ และสวัสดิการต่างๆที่พึงได้รับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปากท้องของประชาชน เป็นเรื่องใกล้ตัวที่พลเมืองทุกคนควรจะให้ความสำคัญและความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกจากการใช้บริการสาธารณูปโภค การได้รับสวัสดิภาพความปลอดภัยในการใช้ชีวิต หรือการได้รับสิทธิในการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันทุกคน เป็นต้น
สังคมประเทศไทยในยุคปัจจุบันนี้ได้มีการเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพให้กับตนเองมากขึ้น ตั้งแต่สมัยที่เริ่มเข้าสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย เริ่มมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองการปกครองกันอย่างแพร่หลาย บ้างก็มีการตั้งพรรคชุมนุม ประท้วง เพื่อเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้อยู่ดีกินดี รวมไปถึงความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมในกฎหมาย ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง หน่วยงานผู้บริหารภาครัฐเป็นสำคัญ เพราะการดูแลประชาชนทั้งประเทศคืองานของรัฐบาล ถ้าหากรัฐไม่ใส่ใจ ไม่ดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และไม่สนับสนุนการพัฒนาให้ดีขึ้น ก็จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านต่างๆดำเนินไปด้วยความยากลำบาก
ยกตัวอย่างเช่นการศึกษา สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญของมนุษย์ เพราะการศึกษานั้นเป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพของมนุษย์ทุกคน โดยในส่วนของการศึกษาไทยนั้นกำลังถูกตีแผ่เป็นประเด็นสดๆร้อนๆผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งจัดว่ายังมีความเหลื่อมล้ำอยู่มาก หากย้อนไปในสมัยก่อนที่ประเทศไทยยังให้สิทธิด้านการศึกษาให้เฉพาะชนชั้นสูงและชนชั้นผู้มีฐานะเท่านั้น ส่วนชนชั้นกลางจนถึงชนชั้นล่างนั้นไม่มีสิทธิแม้แต่จะได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ในปัจจุบันการศึกษาก็เริ่มขยับขยายเข้าสู่พื้นที่ต่างๆมากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพราะยังมีบางแห่งที่ผู้คนยังไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง เช่น พื้นที่บนดอย พื้นที่ในแหล่งทุรกันดารที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
ไม่เพียงแม้แต่สิทธิที่จะได้รับการศึกษา คุณภาพชีวิตที่ดีก็แทบจะไม่มีโอกาสเหมือนคนเมืองทั่วไป ทำให้บ่อยครั้งที่ต้องสรรหาครูบนดอย ทำให้ก่อเกิดโครงการ ค่ายอาสาต่างๆเพื่อขึ้นไปพัฒนาคุณภาพชีวิตคนบนดอย แต่ก็ได้เพียงระยะสั้นๆ คุณภาพชีวิตของผู้คนก็ยังคงดำเนินเป็นวนลูปเดิมๆอยู่เรื่อยๆ ไร้ซึ่งการพัฒนาที่ดีขึ้น ในพื้นที่บางแห่งที่ไม่มีโรงเรียน หรืออยู่ใกล้โรงเรียนไม่มีคุณภาพ ผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องส่งบุตรไปเรียนที่โรงเรียนต่างแดนไกล บ้างก็ไปเรียนในตัวเมืองที่ไกลจากบ้านเพราะอยากให้บุตรหลานได้รับการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ
ทั้งนี้เป็นเพราะสวัสดิการของรัฐบาลที่มาจากประชาชนในประเทศนั้นถูกใช้จ่ายไปกับสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ และสิ้นเปลืองภาษีอย่างมาก ซึ่งถ้าหากนำค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นมาเป็นค่าบำรุงการศึกษา ก็จะทำให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันทุกพื้นที่โดยไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ
อีกปัญหาหนึ่งที่พบ และเป็นกระแสที่ถูกกล่าวถึงในโลกโซเชียลอย่างมาก นั่นคือ ปัญหาเรื่องสวัสดิการการรักษาพยาบาล เป็นสิ่งที่รัฐควรให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้ามปัญหา เพราะเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์ทุกคน ทุกชนชั้น ทุกพื้นที่ล้วนมีสิทธิที่จะได้รับการรักษา การคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน เพราะมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าชาติใดก็ล้วนมีการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทว่าการรักษาก็ต้องแลกมาด้วยเงินทุน ภาษีต่างๆ ซึ่งแต่ละคนก็มีต้นทุนที่ต่างกัน กลุ่มคนที่มีฐานะก็จะสามารถใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ง่าย เพราะมีทุน ส่วนกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีฐานะก็จะลำบากในการใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล​ เพราะไม่มีทุนเข้าแลก จึงไม่ได้รับสิทธิในการคุ้มครองที่เท่าเทียมกับผู้อื่น
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว​ จึงทำให้เกิดการจัดตั้งมูลนิธิต่างๆขึ้นมาเพื่อบริจาคค่ารักษาพยาบาลให้กับกลุ่มคนที่ไม่มีฐานะขึ้น เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นในไทยอย่างชัดเจน
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่นอกจากการทำงานของภาครัฐในประเทศแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่สำคัญไปกว่าการร่วมมือร่วมใจต่อสู้ปัญหาของประชาชนในประเทศ เพราะประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอาชีพใด ชนชั้นใด ก็คือพลเมืองของประเทศ คือคนที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในประเทศ ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีโดยปราศจากความเหลื่อมล้ำ ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองอย่างไม่ถูกจำกัด ไม่ถูกปิดกั้นจากข่าวสาร เพราะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นระดับประเทศนั้น ล้วนเป็นปัญหาทุกคนควรมีส่วนร่วมในการแก้ไขและควรให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเมืองไม่ใช่เรื่องของรัฐหรือไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดกั้นการแสดงออก แต่เป็นเรื่องของประชาชนทุกคนที่จะต้องช่วยกันเพื่อหาหนทางพัฒนาให้ยั่งยืนที่สุด
อยากให้ทุกท่านได้ลองจินตนาการดูว่า ถ้าหากประเทศไทยได้มีการเมืองที่ดี ทุกคนได้รับสวัสดิการต่างๆอย่างทั่วถึง ประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเพียงใด รวมไปถึงเศรษฐกิจ การทำมาค้าขายภายในประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการนำมาซึ่งสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของประชาชน
โฆษณา