5 พ.ค. 2022 เวลา 10:00 • ไอที & แก็ดเจ็ต
===รายงานเผย 51% ของผู้นำ Supply Chain เตรียมสละผลกำไร เพื่อปรับผลลัพธ์ให้ยั่งยืนขึ้น===
ตามผลลัพธ์จากการศึกษาใหม่ในเรื่องความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Resiliency) ซึ่งดำเนินการโดย IBM และ Celonis บริษัทเหมืองกระบวนการ (Process Mining) พบว่า 51% ของผู้นำในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) นั้นมีความประสงค์ที่จะเสียสละผลกำไรเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ความยั่งยืน ซึ่งจะมีมูลค่าถึง 22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับบริษัท Fortune 500 ในปีเดียว
โดยบริษัทเหล่านี้ที่เข้าร่วมการสำรวจนั้นได้ตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Hybrid Cloud, AI, Process Mining และ Execution Management นั้นสามารถช่วยให้พวกเขาเอาชนะสิ่งที่มา Disruption แบบคาดไม่ถึงที่พบเจอในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ ซึ่งในความจริงแล้ว 87% ของ Chief Supply Chain Officers (CSCOs) ที่ทำแบบสำรวจนั้นกำลังพัฒนาใช้งาน Execution Management และ 77% ก็กำลังใช้ Process and Task Mining ที่จะช่วยปรับปรุงกระบวนงานให้ทันสมัยยิ่งขึ้นได้
72% คาดว่า Process และ Workflow จะทำให้เป็น Automation ได้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้านี้ และคาดว่า 27% ของ Workflow จะเป็นระบบ AI ในช่วงเวลาเดียวกันภายใน 2030
จนถึงปี 2025 ผลจากรายงานเผยว่า 83% ของ CSCOs วางแผนที่จะใช้ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (Inventory Management) แบบ Real-Time ที่มีระบบ AI และอีก 83% ก็คาดหวังว่าจะเริ่มใช้สินทรัพย์ที่ Self-Monitoring, Self-Correcting ได้ และ 81% ยังมองหา Process และ Workflow ที่เป็นระบบ AI สำหรับการทำระบบรับรู้ความต้องการ (Demand Sensing) ได้แบบ Real-Time อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามที่จะทำให้กระบวนการใน Supply Chain มีความทันสมัยยิ่งขึ้น จึงทำให้ 87% ของ CSCOs วางแผนที่จะใช้ Execution Management ใน Workflow การทำงานวันต่อวัน (Day-to-Day) เช่นกัน
การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรต่าง ๆ กำลังเริ่มมองหาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อที่จะปรับปรุงให้ Supply Chain ของตัวเองนั้นมีความทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยการปรับใช้ข้อมูลร่วมกับกลยุทธ์ Hybrid Cloud ซึ่งพิจารณาไปถึงเรื่องความยั่งยื่นเป็นสำคัญด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะต้องเสียผลกำไรไปในช่วงหนึ่งก็ตาม
โดยรายงานการศึกษานี้ดำเนินการโดย IBM Institute for Business Value (IBV) ร่วมกับ Celonis และ Oxford Economics ซึ่งได้สำรวจ CSCO กว่า 500 ท่านในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น Banking, Healthcare, Manufacturing, Electronics, Telecommunications เป็นต้น เพื่อทำให้เข้าใจเชิงลึกขึ้น ว่าการที่เกิด Disruption ในซัพพลายเชนขึ้นทั่วโลกนั้นได้ส่งผลกระทบอะไรในกลยุทธ์ระยะสั้นหรือระยะยาว และ Performance ของธุรกิจอะไรหรือไม่ ซึ่ง CSCO นั้นอยู่ในบริษัทที่มีรายได้ระดับ 500 ล้านถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับผู้ที่สนใจรายงานฉบับเต็มสามารถอ่านได้ที่นี่
#CHIEF SUPPLY CHAIN OFFICER #CSCO #REPORT #SUPPLY CHAIN #SUSTAINABILITY
โฆษณา