Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Moddy Mas
•
ติดตาม
6 พ.ค. 2022 เวลา 09:15 • ธุรกิจ
ถามมาตอบไป...กล้าถาม ก็กล้าตอบ #จงอ่าน
ดีลควบรวม "ทรูดีแทค" และ “กสทช.”
สิ่งแรกที่ต้องนำมาพิจารณาคงไม่ใช่ความคิดเห็นในกระแสในโซเชียล แต่ควรเป็นการอิงตามกฎ กติกา และหลักกฏหมาย คำถามที่สำคัญคือ การควบรวมกิจการนั้น มีขั้นตอนเป็นไปตามกฏหมายหรือไม่ ซึ่งมีคำตอบเป็นที่ปรากฏชัดเจนคือ การควบรวมนี้เป็นไปตามกฏหมาย ประกาศ กสทช. ปี 61
ล่าสุด “กนกนัย ถาวรพานิช” อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. ตั้งคำถาม 7 ประเด็น TRUE ควบ DTAC พร้อมถาม “กสทช.” อยากถูกจดจำแบบไหน? หวังดึงให้ช้า รอพิจารณาให้รอบคอบ ขณะเดียวกัน กรณีนี้เป็นที่กังขาในวงการนักลงทุน จึงได้ออกมาตอบคำถาม เพื่อเป็นมุมมองอีกด้านหนึ่งแก่สังคม ท่ามกลางการขับเคลื่อนของโลกที่ก้าวไปไกลถึงยุคเมตาเวิร์ส
ประเด็นที่ 1 : การกำหนดขอบเขตตลาดที่ต้องอยู่บนฐานข้อเท็จจริง
ตอบ : ตลาดโทรคมนาคมใหม่ในยุคปัจจุบัน เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ไม่ใช่เรื่องการแข่งขันของผู้ให้บริการโทรคมนาคมเดิม ๆ แค่เอไอเอส ดีแทค หรือทรู เท่านั้น แต่มีผู้เล่นเข้ามาใหม่มากมาย โดยเฉพาะผู้เล่น OTT อย่างไลน์ เฟสบุ้ค ซูม ทวิตเตอร์ ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานของโทรคมนาคมอย่างเต็มที่ในการให้บริการ และเก็บรายได้ไปเต็ม ๆ จากการให้บริการผ่านระบบแอปพลิเคชัน โดยผู้ให้บริการจากต่างชาติเหล่านี้ สร้างรายได้มหาศาล แล้วนำกลับประเทศต้นทางไปโดยไม่ต้องจ่ายภาษี บนภาระของผู้ประกอบการไทยที่ต้องแข่งขันกันบนกฎหมายที่ถูกควบคุม และมีต้นทุนทางภาษีที่สูงกว่า
หากนักวิชาการยังดึงดันจะอ้างค่าดัชนี HHI มาวัด ก็ต้องนับรวมผู้เล่นใหม่ ๆ ในตลาดพวกนี้เข้าไปด้วย มองตลาดต้องมองให้ครบ ต้องมีความรู้ในอุตสาหกรรมเพียงพอ
ประเด็นที่ 2 : การพิจารณาการควบรวมไม่ควรรีบร้อน ต้องโปร่งใส และรับฟังข้อเท็จจริงให้รอบด้าน
ตอบ : ผู้ตั้งคำถามน่าจะไม่ถนัดกฎหมายโทรคมนาคม เพราะมีเนื้อหากำหนดไว้สรุปได้ว่า หลังจากได้รับแจ้งการควบรวมต้องสรุปการพิจารณาภายใน 90 วัน หรือเพราะจะสุ่มเสี่ยงว่า ต้องการเอื้อผู้ประกอบการรายใดหรือไม่ จึงดึงการควบรวมให้ล่าช้า ซึ่งหากเปรียบการควบรวม เป็นการปรับตัวของผีเสื้อจากดักแด้ ช่วงที่อ่อนแอที่สุดคือช่วงที่ดักแด้เปลี่ยนเป็นผีเสื้อ บินก็ไม่ได้ คลานหนีก็ไม่ได้ ไปหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ จังหวะนี้หากมีการขับเคลื่อนดึงเกมให้ดำเนินการได้ช้าที่สุด ยิ่งดึงได้นาน เอไอเอสก็ยิ่งเร่งการลงทุน ล่าสุด คุณสมขัยออกมาประกาศเร่งการลงทุน เพื่อเตรียมแข่งขันกับบริษัทใหม่หลังการควบรวม เพราะหากควบรวมสำเร็จ ทั้งสองรายจะหายใจรดต้นคอกันทันที จะเห็นได้ว่าการแข่งขันสูงขึ้นทันที สรรพกำลังในการดึงเกมจึงต้องมา
ประเด็นที่ 3 : การให้เหตุผลว่าด้วยความจำเป็นและประโยชน์ของการควบรวม และข้ออ้างเรื่องชาตินิยมทางเศรษฐกิจหรือไม่
ตอบ : เป็นเรื่องตลกร้ายของไทย ที่เอกชนเป็นหนี้ รัฐบาลได้เงิน ทุกคนต้องแข่งขัน แต่นักวิชาการมาโดดขวาง ในส่วนของประเด็นชาตินิยมทางเศรษฐกิจที่กล่าวอ้าง ซึ่งมองว่าไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายการแข่งขันทางการค้า เช่นนั้นก็เท่ากับกฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่บอนไซการทำธุรกิจ จึงควรจะปรับเปลี่ยนกฎหมายแข่งขันทางการค้าให้เท่าทันต่อธรรมชาติของการดำเนินธุรกิจ ที่ต้องขยายตัวและปรับเปลี่ยนไปตามสภาพ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคำว่า S-Curve หรือ New S-Curve ให้ธุรกิจและเศรษฐกิจได้เดินต่อ ทั้งนี้ ไม่ว่ากฎหมายใด ๆ ก็ไม่ควรจำกัดเสรีภาพในการดำเนินธุรกิจ
ประเด็นที่ 4 : การใช้อำนาจห้ามควบรวมในฐานะผู้กำกับดูแล
ตอบ : กสทช. มีอำนาจในการควบคุม กำหนดเงื่อนไข ไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบอยู่แล้ว สอดคล้องกับกฎหมายแม่บท ก่อนหน้าที่จะมีการควบรวมทรูดีแทค ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมก็มีการควบรวมของ ALT Telecom กับ อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์, ALT Telecom กับ สมาร์ท อินฟราเนท, CAT และ TOT, ทริปเปิลที อินเทอร์เน็ตกับทริปเปิลที บรอดแบนด์ และยังมีกรณีที่กัลฟ์กับเอไอเอส ไม่มีใครคัดค้าน หรือขัดขวาง แต่ครั้งนี้ ทั้งนักวิชาการ นักการเมือง ดาหน้ากันออกมา เกิดข้อสังเกตว่า “เป็นเครื่องมือให้ใครหรือไม่ ห้ามควบรวมเฉพาะทรู แต่ CAT และ TOT ทำได้ เพราะอะไร” ทั้ง ๆ ที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ใช้กฎหมายตัวเดียวกัน ผู้ได้ประโยชน์ตัวจริงคือใคร นักวิชาการควรไปวิเคราะห์ และเปิดโลกทัศน์ให้เท่าทันโลกยุคเมตาเวิร์ส
ประเด็นที่ 5 : การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นความลับทางธุรกิจก่อนการควบรวมจะเสร็จสิ้น
ตอบ : การกล่าวหาเช่นนี้อาจเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องได้ การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นความลับทางธุรกิจ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย บริษัทที่อยู่ระหว่างการควบรวมทั้งสองราย ล้วนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกฎ กติกา และมีจริยธรรมธุรกิจที่ต้องเคารพ การมองโลกในแง่ร้าย บางครั้งไม่เกิดผลดีต่อสังคมและประเทศชาติ แต่หากเกิดเป็นกรณีดังที่วิตกกังวลจริง ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้
ประเด็นที่ 6 : การเผยแพร่คำวินิจฉัยต่อสาธารณะ
ตอบ : ประเด็นนี้ อาจารย์กนกนัยน่าจะสับสน การเผยแพร่คำวินิจฉัยฉบับเต็ม กรณีการควบรวมระหว่างเทสโก้และซีพี เป็นเรื่องของสำนักงาน “กขค.” ไม่ใช่ “กสทช.” และตามที่ปรากฎ สังคมก็ได้เห็นและรับทราบคำวินิจฉัยของกขค. ต่อกรณีการควบรวมเทสโก้และซีพีในธุรกิจค้าปลีกกันแล้ว โดยเป็นการอนุญาตแบบมีเงื่อนไข ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกรณีทรูดีแทคที่เป็นบทบาทและความรับผิดชอบของกสทช.
ประเด็นที 7 บทส่งท้าย: ประวัติศาสตร์อันด่างพร้อยของระบบกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของไทย
ตอบ : ในทางตรงกันข้าม หากนักวิชาการขับเคลื่อนให้กสทช. ฝืนการปฏิบัติตามกฏหมายได้ จะเป็นความด่างพร้อยอย่างแท้จริง เพราะกฎหมายต้องเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะราย และกระบวนการออกกฎหมาย กสทช. ก็ดำเนินการอย่างถูกต้อง การบิดเบือนว่ากฎหมายหมายปี 61 ไม่ชอบธรรมนั้นเป็นการบิดเบือนอย่างร้ายแรง
ดังนั้น การสร้างความเชื่อมั่นว่า กฎหมายและหน่วยงานกำกับของไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ถูกแทรกแซง เป็นเรื่องสำคัญ เพราะบนโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ประเทศไทย การที่บริษัทไทยมีศักยภาพถือเป็นเรื่องดีที่ควรส่งเสริม ให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันกับต่างชาติได้ แต่การณ์ครั้งนี้ดูเหมือนเราเก่งแต่กับคนไทยด้วยกัน ข้าศึกดิจิทัลบุกจนคนไทยไม่รอด กลับมาขัดแข้งขัดขากันเอง ในที่สุดเราจะตายกันหมด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจากต่างประเทศเข้ามาเติบโตในเมืองไทย เก็บเงินเข้ากระเป๋าออกจากประเทศ กลับไม่เคยมีใครช่วยหาทางออก มีแต่นักวิจารณ์ที่ไม่เคยต้องรับผิดชอบกับความเห็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการบิดเบือน และทำให้สังคมเข้าใจผิด
ที่มา: MGR
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย