13 พ.ค. 2022 เวลา 04:11 • หนังสือ
ร่มไม้ใบบาง : ว.วินิจฉัยกุล
#เรื่องราวระหว่างบรรทัดจากหนังสือที่รัก
ความจริงฉันอ่านนวนิยายเรื่อง ร่มไม้ใบบางจบตั้งแต่ซื้อมาใหม่ๆเมื่อปีก่อน หลังจากไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่เมืองทองธานี อ่านรวดเดียวเพราะเพลิดเพลินกับเนื้อหาและการเดินเรื่องชีวิตหญิงสาวคนหนึ่งตั้งแต่วัยเด็กจนแต่งงานมีครอบครัว มีลูก
น้ำเย็น ลูกสาวชาวสวนผักแถวตลิ่งชัน ที่ชีวิตเปลี่ยนเพราะหลวงพ่อที่วัดทำนายทายทักและแนะนำให้พ่อแม่น้ำเย็น ยกลูกให้คนอื่นเลี้ยง จะแก้เคล็ดที่เจ็บออดๆแอดๆ ตั้งแต่เล็ก
แล้วน้ำเย็นจึงได้ไปเติบโตในบ้านริมคลองศรีมหาสวัสดิ์ ที่มีคุณหลวง และคุณนายสงวนเป็นผู้อุปการะเธอนับตั้งแต่น้ำเย็นอายุได้ 8 ขวบ
ชีวิตในบ้านคุณหลวง น้ำเย็นถูกเลี้ยงแบบบ่าวรับใช้ส่วนตัวของลูกสาวคนเล็กของคุณหลวง ที่เอาแต่ใจและกดขี่น้ำเย็นแบบคนใช้
ในบ้านมีคุณกลาง ลูกชายคุณหลวงที่ใจดีและทำให้น้ำเย็นชื่นชมเขา จนเมื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ก็เปลี่ยนมาเป็นความรัก
ชีวิตน้ำเย็นระหกระเหินเมื่อถึงวัยสาว เพราะคุณหลวงผู้อุปการะ แทนที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่กับร่องกับรอย กลับกลายเป็นบ้าตัณหา พยายามจะปล้ำน้ำเย็น สุดท้ายน้ำเย็นก็ต้องระหกระเหินหนีกลับมาอยู่บ้าน และเริ่มต้นชีวิตที่เป็นของตัวเอง
เรื่องนี้มีตัวละครหลักฝ่ายชายสองตัวละคร คือคุณกลาง และเรียว
คนหนึ่งเป็นรักแรก ตามความฝันของหญิงสาวในวัยที่ยังมองความรักแบบภาพที่สวยงาม
อีกคนเป็นรักครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ร่วมชีวิตจนแก่เฒ่า พบเจอกันในวัยที่เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุมีผล มากกว่าอารมณ์หลงใหลล้วนๆ
นวนิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ชอบ และอยากบันทึกการอ่าน และคัดลอกตอนสำคัญในเรื่องที่ชอบมาลงประกอบไว้
••••••••••••••••
#ตอนที่ประทับใจจากนวนิยายที่รัก
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง ในแบบที่หญิงสาวไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนด้วยซ้ำ วันนั้นเขาชวนหล่อนไปกินอาหารญี่ปุ่นกันสองคน เลือกห้องเป็นส่วนตัวไม่ปะปนกับแขกอื่นๆ เรียวกับหล่อนเคยไปกินอาหารค่ำกันทุกเดือน จนน้ำเย็นไม่นึกว่าเป็นโอกาสพิเศษ
หลังจากเล่าเรื่องอะไรเบาๆ ไปเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี เรียวก็เริ่มเล่าถึงตัวเอง
“ผมมีข้อเสียหลายอย่าง อย่างแรกคือผมชอบทำงาน”
“ชอบทำงาน มันเป็นข้อเสียตรงไหนคะ” น้ำเย็นท้วงขำๆ
“ชอบมากไง ทำงานทั้งวัน บางทีต่อทั้งคืน เขาเรียกอะไรนะ..บ้างาน ใช่แล้ว ผมบ้างาน บางทีก็ทำงานจนลืมเรื่องอื่นๆ แฟนเคยโกรธผมมาก เพราะเขาเตรียมฉลองวันเกิดให้ผม แล้วผมมัวอยู่ออฟฟิศ ลืมไปเลย”
“ก็น่าโกรธละค่ะ แล้วเรียวทำไงล่ะ”
“ก็รับผิด ฟังเขาบ่นไปจนหยุดไปเอง แล้วพาเขาไปเที่ยวที่เขาชอบ จบไปที อีกเรื่องคือผมเป็นคนใจร้อน ผมทนไม่ได้ถ้าเจอคนมาช้า ทำอะไรๆช้าไม่ทันใจ ผมมีระเบียบ ไม่ชอบห้องรก ไม่ชอบคนขี้เกียจแล้วอ้างว่าทำตัวสบายๆ”
น้ำเย็นอมยิ้ม มองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเหมือนมองคนสมัครเข้าทำงานใหม่อธิบายคุณสมบัติตัวเอง
“อีกเรื่องคือผมไม่ใช่คนโรแมนติก พูดหวานๆไม่เป็น คุกเข่าขอแต่งงานใครไม่เป็น แฟนเก่าผมบอกว่าผมเป็นผู้ชายน่าเบื่อ แต่เขาคบผมเพราะผมไม่กะล่อน จนกระทั่งเราเลิกกันไปเอง”
“เอาละ รู้ข้อเสียแล้ว เรียวมีข้อดีไหมคะ”
“ถ้าผมแต่งงาน ผมมี 2 คำ คือเชื่อใจกับรับผิดชอบ” อีกฝ่ายตอบโดยไม่เสียเวลาคิด
“เมียผมเชื่อใจผมได้ ผมไม่เจ้าชู้ เพราะผมเกลียดเรื่องยุ่งยากที่จะตามมา ถ้าอยู่กันไม่ได้ จะด้วยอะไรก็ตาม ผมจะขอหย่าก่อน”
หญิงสาวก้มศีรษะนิดหนึ่งเป็นเชิงรับรู้
“มีอะไรอีกไหมคะ”
“ผู้หญิงที่อยู่กับผม ผมขออย่างเดียวคือซื่อสัตย์ ถ้าเห็นคนอื่นสำคัญกว่าผม เราก็อยู่กันไม่ได้”
น้ำเย็นเสียวปลาบในใจ เมื่อได้ยินคำว่า “เห็นคนอื่นสำคัญกว่า” ก็มิใช่เพราะคุณกลางเห็นแม่และพี่น้องสำคัญกว่าหล่อนหรอกหรือ สายใยรักจึงต้องขาดสะบั้นด้วยมือของเขาเอง
อารมณ์สะเทือนใจวูบขึ้นมา ทำให้จับความไม่ได้ว่าเรียวพูดอะไรต่อจากนั้น จนเห็นสายตาเขาจ้องมาแน่วแน่ เหมือนจะขอคำตอบ หญิงสาวจึงถามงงๆ
“ว่าไงนะคะ”
“ตกใจหรือแปลกใจ” เรียวย้อนถาม หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ก็เขินๆ
“ถามอีกทีก็ได้ อย่างผม…เย็นคิดว่าผมดีพอหรือเปล่า”
น้ำเย็นไม่ใช่ผู้หญิงที่ฝันหวานล่วงหน้าถึงฉากขอแต่งงานแสนโรแมนติกก็จริง แต่หล่อนก็ไม่เคยนึกว่าเรียวจะใช้คำสั้นๆว่า “ดีพอ” เขาคงไม่รู้ว่าคำนี้กระแทกใจหล่อนเต็มแรง เป็นคำแรงกล้าพอจะทำให้ขอบตาร้อนผ่าว หยาดน้ำออกมาคลอเต็มตาอย่างไม่ทันรู้ตัว ก่อนจะร่วงลงมา
“อ้าว!” เรียวอุทาน น้ำเสียงทั้งขำและยุ่งยากใจ “ผมพูดอะไรผิด หรือเย็นฟังผิด”
น้ำเย็นกระพริบตาถี่ๆ กล้ำกลืนน้ำตา นึกโมโหตัวเองที่อ่อนไหวเกินไปจนไม่ได้เรื่อง หล่อนยิ้มให้เขา เต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ถ้าเรียวคิดว่าเย็นดีพอ เย็นก็เห็นคุณ…ดีเกินพอเสียอีกสำหรับเย็น”
………
ฉันประทับใจฉากขอแต่งงานฉากนี้มาก มันเป็นบทสนทนาง่ายๆ ที่ธรรมดาเหมือนทุกบทสนทนาของผู้คนในชีวิตจริง ในความเรียบง่ายในตัวตนของตัวละคร และผู้เขียนก็บรรยายได้ประทับใจจนฉันคิดว่า
ในชีวิตจริงๆของคนเรา นอกจากความรักความชอบที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกความสัมพันธ์แล้ว ความเข้าใจในตัวตนของกันและกันนั้นเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เส้นทางที่ตัดสินใจเดินร่วมกันต่อไปนั้นไปได้ยาวนานเท่านาน
เพราะทั้งคู่ต่างยอมรับตัวตนที่แท้ของกันและกัน พร้อมจะเป็นร่มไม้ใบบังให้กันและกันไปจนสุดทาง
เป็นนวนิยายแนวรักในชีวิตจริงที่คุ้มค่าในการอ่านค่ะ
••••••••••••••
โปรยปกหลัง
เขามองหล่อนยิ้มๆ อีกครั้ง
“แล้วคิโยะล่ะครับ ถ้าเป็นคุณ คุณจะตัดสินใจยังไง”
น้ำเย็นนิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง
“เมื่อก่อนฉันนึกว่ามันมีแต่คำว่ารักกับไม่รัก
รักคือ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่รักก็ 0 เปอร์เซ็นต์
เอาเข้าจริงไม่ใช่ รักจริง แต่รักมากหรือรักน้อย ถ้ารักไม่มากพอ
เจออุปสรรคก็ผ่านไม่ได้ ถ้าฉันเป็นคิโยะ ฉันจะถือว่าอินจินรักฉันไม่มากพอ
ฉันก็ไม่ไปตามเขาละ ฉันยังมีพ่อแม่ที่ต้องดูแล มีงานในโรงเตี๊ยมต้องทำ
ชีวิตยังมีอะไรดีๆให้ทำอีกมาก ฉันคงจะไม่ยอมตายอย่างคิโยะหรอกค่ะ”
สายตาอีกฝ่ายบอกความพอใจมากขึ้นอีก เขายิ้ม พยักหน้ารับเป็นเชิงเห็นด้วย
“คิโยะน่าจะได้ฟังคุณนะ”
“แหม! ไม่ดีหรอกค่ะ คิดแบบฉันก็อดเป็นตำนานซีคะ”
••••••••••••••
ร่มไม้ใบบาง : ว.วินิจฉัยกุล
พิมพ์ครั้งแรกเดือนตุลาคม 2562
ปกภาพประกอบคือฉบับพิมพ์รวมเล่มครั้งแรก
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อรุณ
ภาพปก : ฟารุต สมัครไทย
ออกแบบ : ดวงหทัย มิตตอุทิศชัยกุล
ราคาปก 395 บาท
จำนวนหน้า 348 หน้า
โฆษณา