8 พ.ค. 2022 เวลา 06:47 • ประวัติศาสตร์
เมื่อทีมงาน ฤๅ ได้ลองตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลของหนังสือ The King Never Smiles ในหลายๆ ส่วน กลับยิ่งพบว่า เนื้อหาในหนังสือนอกจากจะมีปัญหาในการใช้หลักฐานอ้างอิงแล้ว ยังเต็มไปด้วยการตีความเอาเองของ Paul Handley ตามธงที่เขาได้ปักไว้ในใจ เพื่อชี้นำให้เกิดการรับรู้ที่ผิดเพี้ยนทางประวัติศาสตร์
และความเลวร้ายเรื่องหนึ่งที่ทางทีมงานพบเห็นในข้อมูลของหนังสือเล่มนี้คือ การกล่าวหาว่า ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงกุมอำนาจวงการสงฆ์ และใช้พุทธศาสนาเป็นเครื่องมือในการเชิดชูราชวงศ์จักรี
Paul Handley บิดเบือนเรื่องนี้ไว้อย่างไร อ่านได้จากบทความนี้ครับ https://bit.ly/3MT7ssy
แต่เมื่อทีมงาน ฤๅ ได้สอบทานเอกสารชั้นต้นแล้ว พบว่า คำกล่าวหาดังกล่าวในหนังสือ The King Never Smiles นั้น เป็นการตีความที่ตื้นเขินของ Paul Handley เอง
ในความเป็นจริงนั้น การปฏิรูปบ้านเมืองในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นการยกระดับและนำพาประเทศให้ก้าวไปสู่ความเป็นสมัยใหม่แทบทุกด้าน แม้แต่ในด้านพระพุทธศาสนาและด้านการปกครองสงฆ์ ที่พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพัฒนาพระพุทธศาสนาไปสู่ความทันสมัย
จากบันทึกของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตอนที่สร้างวัดเบญจมบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริที่จะรวบรวมพระพุทธรูปโบราณซึ่งสร้างขึ้นในยุคสมัยต่างๆ ของสยาม ให้ประดิษฐานที่วัด เป็นเสมือนมิวเซียมรวบรวมพระพุทธรูปอันเป็นศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่นของประเทศไว้ แสดงให้เห็นถึงแนวคิดสมัยใหม่ของพระองค์ ในการรวบรวมและพัฒนาองค์ความรู้ด้าน “โบราณคดีสยาม” ในขณะนั้น
รวมไปถึงการก่อตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูงทางศาสนาขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ นั่นคือ “มหามกุฎราชวิทยาลัย” และ “มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย” เพื่อส่งเสริมให้พระภิกษุได้ศึกษาและเคร่งครัดในพระธรรมวินัย
ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความตั้งพระราชหฤทัยในการส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาของในหลวงรัชกาลที่ 5 อย่างแท้จริง
แต่ Paul Handley กลับเอาแต่นำเสนอข้อมูลในลักษณะที่ว่า ไม่ว่าพระมหากษัตริย์ไทยจะทำอะไร ก็ล้วนแต่เป็นการรักษาพระราชอำนาจของพระองค์แทบทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการตีความเอาเองแบบตื้นๆ ของ Paul Handley ที่กลับยิ่งทำให้หนังสือ The King Never Smiles หมดความน่าเชื่อถือในทางวิชาการไปเลย
โฆษณา