9 พ.ค. 2022 เวลา 08:14 • หนังสือ
อยากเป็น “นักแปล” ต้องทำยังไง? ตอน 1
Photo by Aaron Burden on Unsplash
ในฐานะคนแปลหนังสือชุด “เซเปียนส์” ก็มีคนถามอยู่เรื่อยว่า อยากเริ่มต้นเป็นนักแปล จะต้องทำยังไง?
ขอตอบซะทีเดียวตรงนี้นะครับ
จะเรื่องข้ามจากมีฝีมือลายไม้หรือความรู้ด้านภาษาแค่ไหนยังไงไปก่อนนะครับ เอาเป็นว่าคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นนักแปลได้
ก่อนอื่นเลย ต้องดูว่าหนังสือที่สนใจจะแปล เป็นหนังสือแบบไหน จำพวกสารคดี (non-fiction) หรือพวกนิยาย (fiction) เป็นไซไฟ โรมานซ์ สืบสวนสอบสวน ฯลฯ
พอแยกแยะได้
คราวนี้ ลองดูในท้องตลาดว่า มีสำนักพิมพ์ไหนที่ตีพิมพ์หนังสือใกล้เคียงกับที่คุณอยากแปล ถ้าไปเจอสำนักพิมพ์ไหน แปลงานของคนนั้นอยู่ก็น่าจะดี (แต่อาจแย่เหมือนกัน คือ เค้าอาจมีนักแปลประจำอยู่แล้ว—โอย ตี้บ!)
คราวนี้ก็ร่างจดหมาย (หรือที่จริงก็อีเมลนั่นแหละ แต่ควรเขียนให้เป็นทางการแบบจดหมาย) ระบุว่า คุณคือใคร ชื่อนามสกุล ทำอะไรยังไงอยู่ เรียนหรือทำงานอะไร
มีความอยากแปลหนังสือชื่ออะไร จะให้ดีก็ส่งหน้าปกหนังสือแนบไปด้วย เล่มที่อยู่ในมือ
เรื่องสำคัญอีกอย่างที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งคือ บรรยายสรรพคุณของหนังสือเล่มที่ว่าไปด้วย—เบสต์เซลเลอร์, มี influencer ระดับโลกอย่างบิล เกตส์, อีลอน มัสก์, สตีเฟน คิง, บารัก โอบามา ฯลฯ แนะนำอะไรอย่างนี้
หนังสือในโลกมันมีมากจริงๆ ครับ
ถึงคุณไม่ทำส่วนนี้ ทางสำนักพิมพ์ก็ต้องทำอยู่ดี เพื่อประเมินความคุ้มค่า ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะปกติสำนักพิมพ์จะเป็นคน “ซื้อลิขสิทธิ์” การพิมพ์มาจากสำนักพิมพ์เมืองนอกครับ สำนักพิมพ์จะเป็นคนจ่ายเงินตรงนี้
ด้วยเหตุนี้แหละ สำนักพิมพ์ก็จะต้องประเมินอย่างรอบคอบว่า หนังสือที่คุณอยากแปล จะมีคนอยากอ่านไหม น่าจะขายยากง่ายขนาดไหน มีโอกาสพิมพ์และขายได้สักเท่าไหร่
และการที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน เค้าก็อาจจะประเมินด้วยว่า คุณจะแปลงานได้จนเสร็จหรือเปล่า เพราะนักแปลมือใหม่ที่จบงานไม่ได้ ก็มีครับ หรือจบงานแบบกะพร่องกะพร่อง ส่งงานช้ามาก หรืองานที่ได้ต้องแก้ไขเยอะก็มี
ฉะนั้น คำแนะนำต่อมา ที่แม้ไม่ต้องทำก็ได้ แต่ทำแล้วจะดีกว่ามาก ก็คือ ลองแปลหนังสือส่วนหนึ่งแนบไปด้วยครับ “ส่วนหนึ่ง” ในที่นี้ก็อาจจะสัก 1 บท หรืออาจจะสัก 4-5 หน้า
เพียงเท่านี้ แล้วก็ส่งอีเมลไปตาม contact ของสำนักพิมพ์ เดี๋ยวนี้ใช้กูเกิลหา ง่ายดายมาก
อ้อ ต้องไม่ลืมระบุข้อมูลการติดต่อคุณทางอื่น นอกเหนือจากอีเมลด้วยนะครับ เช่น ที่อยู่ไปรษณีย์ และเบอร์มือถือ
ควรให้เวลาสำนักพิมพ์อย่างน้อยสัก 1–2 เดือนนะครับ ถ้าสำนักพิมพ์น่ารักหน่อย ถึงไม่สนใจ เค้าก็จะตอบคุณมาว่า ขอบคุณที่เสนอมา แต่ไม่พิมพ์เล่มนี้ เพราะบลาๆๆๆ
ถ้าแบบนี้ ก็ move on ได้ หรือไม่ตอบอะไรสัก 2 เดือน ก็อาจไม่สนและลืมไปแล้ว ก็ถือว่าเริ่มกระบวนการแบบเดิมกับสำนักพิมพ์ต่อไปได้
ระวังอย่า copy and paste แม้แต่หัวจดหมายที่...ใช้ชื่ออีกสำนักพิมพ์หนึ่งนะครับ เค้าจะว่าเราเสียมารยาทได้ หรือเห็นเค้าเป็นมือรอง เลยส่งเป็นอันดับหลังๆ
ลองทำกันดูนะครับ ขอให้ได้เป็นนักแปลสมใจนะครับ
ไว้มีโอกาสจะมาเล่าต่อว่า ต้องเตรียมตัวหรือเพิ่มศักยภาพการเป็นนักแปลยังไงได้บ้าง กดติดตามรอไว้ได้เลยครับ ^^
โฆษณา