11 พ.ค. 2022 เวลา 10:30 • ประวัติศาสตร์
รวม “ศาสนา” สุดแปลกที่มีอยู่จริงในโลก
นอกจากศาสนาหลักอย่าง พุทธ คริสต์ อิสลาม แล้วในโลกของเรายังมีศาสนาที่เราอาจจะไม่รู้จักหรือได้ยินมาก่อน ซึ่งบางศาสนาใหม่ ๆ อาจมีชื่อแปลกจนคาดไม่ถึง หรือแม้กระทั่ง "เบคอน" ก็ยังเป็นศาสนาได้!
รวม “ศาสนา” สุดแปลกที่มีอยู่จริงในโลก
จากกรณีตำรวจจับเจ้าลัทธิสุดแปลกอ้างตัวเป็น #พระบิดา ในจ.ชัยภูมิ และพบศพอีก 11 รายในสำนักนั้น ถือเป็นข่าวสั่นสะเทือนสังคมไทยอีกครั้ง กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จะพาไปสำรวจและทำความรู้จักกับ “ศาสนาสุดแปลก” ที่มีอยู่จริงทั่วโลก ที่แม้แต่ #เบคอน กับ #เจได ก็สามารถเป็นศาสนาได้เช่นกัน
1
*ศาสนา มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ในบทความเรื่อง ศาสนาโลก ของพุทธรักษ์ ปราบนอก สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อธิบายไว้ว่า การที่จะเป็นศาสนาที่ถูกต้องสมบูรณ์นั้นจะต้องมีองค์ประกอบรวมกันทั้งหมด 5 อย่าง ดังนี้
1. ศาสดา คือ ผู้ก่อตั้งศาสนา ซึ่งต้องมีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์
2. ศาสนธรรม หรือ คำสอนซึ่งเป็นหลักของศาสนา มีคัมภีร์รวบรวมคำสอน
3. ศาสนทายาท คือ บุคคลที่เป็นผู้สืบทอดคำสอนของหลักศาสนา และปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา
4. ศาสนพิธี คือ พิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องมาจากคำสอนของศาสนา
5. ศาสนสถาน คือ สถานที่สำหรับประกอบศาสนกิจและศาสนพิธีต่าง ๆ
1
*ศาสนาสุดแปลก ที่มีอยู่จริงในโลก
1. ศาสนาเบคอน (The United Church of Bacon) หรือ ลัทธิเบคอน
ก่อตั้งปี 2553 โดย จอห์น ไวท์ไซด์ ที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจดทะเบียนเป็นโบสถ์จริง และมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 25,000 ทั่วโลก หลักการของศาสนาเบคอนคือ “เชื่อในความไม่เชื่อ”
ประโยคเด็ดของศาสนาเบคอนที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นก็คือ “Bacon is our god because bacon is real.” แปลว่า “เบคอนคือพระเจ้าของเรา เพราะเบคอนมีอยู่จริง” เรียกได้ว่าเป็นการเสียดสีศาสนาอื่น ๆ ที่เชื่อในพระเจ้าและเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่อาจไม่มีอยู่จริงก็ว่าได้
1
2. ลัทธิไซแอนโทโลจี (Scientology)
ก่อตั้งในปี 2495 โดยนายแอล รอน ฮับบาร์ท นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งมีสำนักอยู่หลายพันแห่งในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก โดยมีความเชื่อว่า ร่างกายมนุษย์ทุกคนล้วนมีวิญญาณของมนุษย์ต่างดาวสิงสถิตอยู่ภายใน ผู้ที่ได้รับการศึกษาแบบไซแอนโทโลจีนั้น จึงสามารถจะปลดแอกร่างวิญญาณนี้ได้ และจะทำให้มนุษย์สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมาใช้ได้
3. ศาสนาก็อปปิมิซึม (Missionary Church of Kopimism)
1
ถือเป็นลัทธิผู้ยึดถือการคัดลอกข้อมูลแล้วส่งต่อหรือการแชร์ไฟล์เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนายกุสตาฟ นิเป ผู้นำทางจิตวิญญาณของศาสนา เปิดเผยว่า เขาและสมาชิกต้องยื่นเรื่องขอคำรับรองเป็นศาสนาถึง 3 ครั้ง กว่าจะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสวีเดน โดยศาสนานี้ยกย่องให้ CTRL+C และ CTRL+V เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์
สำหรับก็อปปิมิซึมแล้ว ข้อมูลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการคัดลอกข้อมูลก็เป็นสิ่งที่น่าเลื่อมใส เพราะข้อมูลมีคุณค่าในตัวมันเอง แลจะยิ่งทรงคุณค่ามากขึ้นผ่านการส่งต่อข้อมูล การก็อปปี้จึ้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของศาสนาและก็อปปี้มิสต์ (ผู้นับถือศาสนา) ทุกคน
4. ลัทธิวิหารซาตาน (Satanic Temple)
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 ในสหรัฐอเมริกา เป้าหมายหลักเพื่อการรณรงค์ของลัทธิวิหารซาตาน มีประเด็นว่าเป็นภารกิจมุ่งสกัดกั้นอิทธิพลทางการเมืองของคริสต์ศาสนาในสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยกำลังคืบคลานเข้าแทรกแซงก้าวก่ายชีวิตของชาวอเมริกัน
ลูเซียน กรีเวซ หนึ่งในผู้ก่อตั้งและโฆษกของลัทธิวิหารซาตานที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน กล่าวว่า การเมืองการปกครองแบบรัฐศาสนากำลังเข้าครอบงำสหรัฐฯ ซึ่งลัทธิวิหารซาตานนั้น ไม่มีการดื่มเลือด ไม่มีพิธีบูชายัญมนุษย์ แต่มีพิธี "มิสซาดำ" ที่จัดขึ้นในรูปแบบคอนเสิร์ตและงานศิลปะ
5. ศาสนาเจได (Jediism) หรือ ลัทธิเจได
อันที่จริงนั้น ศาสนาเจไดมีแก่นกลางความเชื่อคือพลัง และไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เชื่อในศรัทธาแห่งพลัง และธรรมชาติของทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในจักรวาล นอกจากนี้ยังเชื่อในเรื่องของการมีชีวิตเป็นนิรันดร์ เพราะแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยแล้วแต่พลังจะยังคงอยู่ตลอดไป
เมื่อปี 2544 ศาสนาเจได ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดเมื่อมีผู้นับถือในประเทศอังกฤษถึง 390,000 คน
1
กราฟิก ฐนิช อิสรเสรีธรรม
โฆษณา