10 พ.ค. 2022 เวลา 08:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ถุงมือยาง STGT กรณีศึกษาหุ้นวัฐจักรขาลง
หุ้นถุงมือยาง STGT เป็นกรณีศึกษาชั้นดีของ "หุ้นวัฐจักร" ที่ใครเข้าถูกจังหวะก็พลิกชีวิตทำผลตอบแทนมหาศาล แต่หากเข้าผิดจังหวะก็ส่งเราไปอยู่บนดอยได้อย่างรวดเร็ว
STGT เป็นหุ้นที่มาพร้อมกับโควิด-19 โดยเข้าเสนอขายไอพีโอในช่วงกลางปี 2563 ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างหนัก แต่กลับเป็นเพียงไม่กี่ธุรกิจที่เติบโตได้โดดเด่น
เนื่องจาก STGT เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ในการแพทย์ มีโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในไทย กำลังการผลิตกว่า 30,000 ล้านชิ้นต่อปี และยังส่งออกไปทั่วโลก
แถมยังมีความความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนวัตถุดิบและคุณภาพน้ำยาง เพราะเป็นบริษัทในกลุ่มศรีตรังฯ (STA) ผู้ประกอบธุรกิจยางธรรมชาติแบบครบวงจรในไทย
ปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาหุ้น STGT แรลลี่ขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาด และขึ้นไปพีคสุดๆ ในช่วงต.ค. 2563 ด้วย Market Cap. ทะลุ 1 แสนล้านบาท
จากนั้นในเดือนม.ค. 2564 บริษัทตัดสินใจแตกพาร์จากหุ้นละ 1 บาท เป็น 0.50 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและสร้างความสนใจแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ซึ่งก็กลายเป็นแรงส่งให้ราคาหุ้นขึ้นไปยืนระดับสูงอีกครั้งในช่วงพ.ค. 2564
..
- STGT เข้าสู่วัฐจักรขาลง -
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่กลางปีที่แล้วเป็นต้นมา ราคาหุ้น STGT อยู่ในช่วงขาลงมาโดยตลาด
ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ณ พ.ค. 2565 ปรับลดลงถึง -57.35%
จนหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าธุรกิจถุงมือยางที่เคยเป็น "ดาวเด่น" เวลานี้ได้เข้าสู่ ‘วัฐจักรขาลง’ แล้ว
STGT อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีลักษณะเป็นวัฎจักรธุรกิจ (Business Cycle) ผกผันขึ้นลงตามปัจจัยภาพนอก กรณีของธุรกิจถุงมือยางก็คือสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นเอง
ฉะนั้น พอทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ถุงมือยางจึงไม่ได้เป็นสินค้าขาดแคลนเหมือนเมื่อก่อน รวมทั้งการมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นในประเทศจีนและมาเลเซีย ทำให้ราคาถุงมือยางปรับลดลงมากทีเดียว
..
- จากกำไรหลักหมื่นล้าน เหลือหลักพันล้าน -
ปริมาณการขายและราคาของถุงมือยางที่ปรับตัวลดลง กระทบต่อทั้งรายได้และอัตรากำไรของบริษัท
คาดว่าผลการดำเนินงานของ STGT น่าจะดิ่งลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับตอนขาขึ้นช่วงปี 2563 - 2564
ปี 2563 รายได้รวม 30,692 ล้านบาท กำไรสุทธิ 14,400 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 46.92%
ปี 2564 รายได้รวม 48,019 ล้านบาท กำไรสุทธิ 23,704 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 49.36%
ล่าสุด STGT รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2565 รายได้รวม 7,110 ล้านบาท ปรับลดลง 53.90% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,052 ล้านบาท ปรับลดลง 84.70% จากปีก่อน
บล.เคทีบีเอสที ประเมินว่าภาพรวมปี 2565 บริษัทจะมีกำไรสุทธิเพียง 2,724 ล้านบาท ปรับลดลงกว่า 89% จากปี 2564
เพราะว่าราคาถุงมือยางยังคงลดลงต่อเนื่อง จากภาวะการแข่งขันของตลาดที่รุนแรงขึ้น อีกทั้ง Demand ก็จะลดลงด้วย ตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่น้อยลง
ส่วนใครที่ยังเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจของ STGT ก็ต้องบอกตามตรงว่าคงเป็นปีที่ไม่ง่ายนัก
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำหรือแนะนำให้ซื้อ ถือหรือขายหุ้นแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
1
โฆษณา