10 พ.ค. 2022 เวลา 16:59 • ท่องเที่ยว
ทัชมาฮาล

ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย

ประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่มีประชากรเยอะมากๆ ดังนั้นทำให้การไปเที่ยวเราอาจจะเจอคนอินเดียเองเยอะกันหน่อย หลายๆคนอาจจะไม่ชอบความวุ่นวาย แต่จริงๆ แล้วอินเดียมีสถานที่น่าไปเที่ยวมากมายเลยทีเดียว วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักสถานที่ที่เชื่อว่าไม่มีใครคงไม่รู้จักนั่นก็คือ ทัชมาฮาล นั่นเอง
ทัชมาฮาล เป็นอาคารฝังศพสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวงาช้าง ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำทางใต้ของแม่น้ำยมุนา ในเมืองอัคระ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย
ทัชมาฮาลเริ่มสร้างขึ้นในปี 1632 โดยจักรพรรดิโมกุล จักรพรรดิชาห์ชะฮัน (ครองราชย์ 1628 ถึง 1658) เพื่อตั้งศพของพระสนมเอก มุมตาช มหัล และเป็นที่ตั้งพระศพของจักรพรรดิชาห์ชะฮันเอง ทัชมาฮาลประกอบด้วยตัวอาคารสุสาน, มัสยิด และเกสต์เฮาส์ รายล้อมด้วยสวน การก่อสร้างทัชมาฮาลสำเร็จสมบูรณ์ในปี 1643 แต่มีการก่อสร้างในเฟสอื่น ๆ ของโครงการที่ดำเนินต่อไปอีกกว่า 10 ปี
ทัชมาฮาลได้รับสถานะเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1983 ในฐานะ "เพชรน้ำเอกของศิลปะมุสลิมในอินเดีย และเป็นหนึ่งในงานชิ้นเอกที่ได้รับการชื่นชมในระดับสากล" และได้รับการยกย่องโดยหลายบุคคลให้เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมโมกุล และสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์อินเดียอันร่ำรวย ทัชมาฮาลมีผู้เดินทาวมาเยี่ยมเยียนราว 7–8 ล้านคนต่อปีในปี 2007
"ทัชมาฮาล" 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แห่งประเทศอินเดีย สถานที่นี้คนทั่วไปต่างรู้กันว่าเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ เกิดจากความรักที่ไม่ลืมหูลืมตาและความเศร้าที่สุดแสนจะคณานาของจักรพรรดิชาห์ ชหาน กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์โมกุล(Mughal Empire India) ที่ปกครองอินเดียในช่วงศตวรรษที่ 16 จนถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 19
พระเจ้าชาห์ ชหาน ได้พบกับบุตรสาว อรชุมันท์ พานุ เพคุม บุตรสาวของรัฐมนตรีเมื่ออายุ 14 พรรษา และหลงรักนางตั้งแต่แรกเจอต่อมาในอีก 5 ปี พระองค์และอรชุมันท์ พานุ เพคุมก็ได้อภิเษกสมรสกันในปี พ.ศ.2155 นับตั้งแต่นั้นมาทั้ง 2 ก็ไม่เคยอยู่ห่างกันอีกเลย
ตลอดระยะที่อยู่ร่วมกันกับพระมเหสี หรือนามที่พระเจ้าชาห์ ชหาน ตั้งให้ว่า "มุมตัช มาฮาล" อันแปลว่าอัญมณีแห่งราชวัง เป็นภรรยาที่สุดแสนประเสริฐ ทั้งติดตามพระเจ้าชาห์ ชหานไปออกรบ ช่วยงานราชการ คอยให้คำปรึกษาและให้กำลังใจ อีกทั้งยังมีความเมตตาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเสมอ ทั้งหมดนั้นทำให้กษัตริย์ชาห์ ชหานทรงประทับใจและรักพระมเหสีอย่างที่สุด
แต่เมื่อครองคู่กันมาเป็นเวลา 18 ปี มุมตัช มาฮาลก็ได้ให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 แต่หลังจากให้กำเนิดพระธิดาพระนางตกเลือดมาก อยู่ได้เพียงไม่นานพระนางก็สิ้นพระชนม์ในอ้อมกอดของพระเจ้าชาห์ ชหาน ซึ่งการสิ้นพระชนม์นี้นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจแก่พระเจ้าชาห์ ชหานอย่างมากมายมหาศาล
พระองค์ทรงหมกมุ่นอยู่ในความทุกข์เศร้าโศกเสียใจตลอดเวลาไม่ทรงยิ้มไม่ทรงหัวเราะใดๆ ปล่อยพระวรกายจนผมที่ดำกลายเป็นสีขาวทั้งศีรษะ ในทุกวันพระองค์จะทรงนุ่งขาวห่มขาวไปนั่งรำพันถึงพระมเหสีของพระองค์ข้างหลุมศพอย่างกับคนเสียสติ
ด้วยความเศร้าโศกอย่างหาที่สุดไม่ได้พระองค์จึงทรงสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์กับพระมเหสี โดยทรงเลือกทำเลที่ดีที่สุดบริเวณริมโค้งแม่น้ำยมุนาเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์แห่งรักนี้ และพระองค์ก็ทรงทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการวางแผนเขียนแปลนก่อสร้างด้วยพระองค์เอง และก็ได้ทรงจ้างสถาปนิกและช่างชาวอาหรับที่มีฝีมือมากมายเพื่อระดมสติปัญญาและกำลังในการก่อสร้างอนุสรณ์แห่งนี้ให้สำเร็จ
การสร้างครั้งนี้ใช้แรงงานผู้คนมากมายกว่า 20,000 คน ราชสมบัติส่วนใหญ่ที่มีได้สูญเสียไปกับการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์ กินเวลานานถึง 22 ปี อนุสรณ์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ก็เสร็จสมบูรณ์อย่างงดงาม และพระองค์ก็ทรงให้ชื่อว่า "ทัชมาฮาล" (Taj Mahal)
หลายปีต่อมาหลังจากสร้างอนุสรณ์แห่งความรักทัชมาฮาลเสร็จสิ้น ได้เกิดศึกชิงราชบัลลังก์ระหว่างพระโอรสของพระองค์เอง ในระหว่างนั้นเจ้าชายโอรังเซบ (Aurangzeb) พระโอรสของพระองค์ก็ได้จับพระเจ้าชาห์ ชหาน ไปกักขังอยู่ที่ป้อมเมืองอัคราซึ่งอยูฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกับทัชมาฮาล ด้วยข้อกล่าวหาว่าพระองค์เสียสติ และขึ้นครองบัลลังก์แทน
ระหว่างที่ถูกกักขังพระองค์ทรงมองทัชมาฮาลและรำพันถึงพระมเหสีของพระองค์ตลอด 8 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ.1666 ในวันสุดท้ายก่อนสวรรคตพระเจ้าชาห์ ชหานใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล หลังจากนั้นพระโอรสก็ได้นำพระศพของพระองค์มาฝั่งไว้เคียงข้างพระมเหสีที่พระองค์รักใคร่มิเคยลืมเลือน
แต่ก่อนที่พระเจ้าชาห์ ชหานจะสิ้นพระองค์มีพระราชดำริจะสร้างสุสานของพระองค์เองด้วยหินอ่อนสีดำที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำยมุนา พระราชโอรสของพระองค์ทราบก็ทรงกลัวกับค่าใช้จ่ายอันมหาศาลจึงทำการยึดบัลลังก์พร้อมกักขังพระเจ้าชาห์ ชหานไว้ที่ป้อมอัครา
เรื่องราวที่เล่ามานั้นเป็นหนึ่งในหลายตำนานของทัชมาฮาล ซึ่งนอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าว่า หลังจากที่สร้างทัชมาฮาลเสร็จสิ้นแล้ว พระเจ้าชาห์ ชหานทรงหลงใหลในความงามของทัชมาฮาลและเกรงว่าเหล่าสถาปิกผู้ร่วมออกแบบและผู้สร้างทั้งหลายจะไปออกแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงามเช่นนี้อีกจึงได้ทรงสั่งประหาร หรือตัดมือ ตัดขา ควักลูกตา ช่างทุกคนไม่ให้มีโอกาสได้สร้างผลงานที่สวยเท่านี้อีก
ลักษณะฐานของอาคารยกสูง จึงทำให้ฉากหลังเป็นแผ่นฟ้ากว้าง โดมขนาดใหญ่ หอคอยสูง บังเกิดภาพเงาสะท้อนสวยงามทั้งในตอนเช้า และตอนกลางวัน หินอ่อนจะเปลี่ยนสีไปตามแสงของดวงอาทิตย์
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่รูปแปดเหลี่ยม มีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าชาห์มาฮานและพระมเหสีมุมตัส ตัั้งตระหง่าน รายล้อมไปด้วยกระเบื้องโมเสค รวมทั้งแผ่นหินอ่อนอันประดับประดาไปด้วยอัญมณีนานาชนิด แต่ทว่าหลุมฝังพระศพของพระเจ้าชาห์ไม่ได้สร้างอย่างรูปสมมาตร เพราะพระองค์ไม่อาจสร้างสุสานของตน ได้อย่างตั้งใจไว้เมื่อพระโอรสขึ้นสู่บัลลังก์
ภายในทัชมาฮาล ภาพบนเป็น โรงศพของพระเจ้าชาห์ ชหาน และพระนางมุมตัช มาฮาลส้รางด้วยหินอ่อนสีขาวนวล
บริเวณมุมที่เมื่อยืนออกไปแล้วเห็นแม่น้ำยุมนานั้น เป็นเครื่องบอกเล่าถึงความไม่แน่นอนของชีวิต สายน้ำไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ ไม่ไหลย้อนกลับ ค่อยๆ ซึมซับเรื่องราวที่ผ่านมา เก็บเอาความรักที่ยืนยง ซึ่งแทบจะไม่อาจพบเห็นได้ในยุคปัจจุบัน โดย Agra Fort คือบริเวณที่ พระเจ้าชาห์มาฮาน ทรงถูกขังไว้แล้วทอดสายตามายังสถานที่ฝังพระศพมเหสีทุกวันด้วยความคิดถึงตราบจนสิ้นพระชนม์
จริงๆ เราพึ่งมาอ่านประวัติของทัชมาฮาลนี้อย่างละเอียด ใครมีส่วนไหนเพิ่มเติมบอกได้นะคะ ก่อนหน้านี้เราคิดเพียงว่ามันเป็นสถานที่ที่สวยมากๆ และอย่างลองไปเห็นสักครั้ง ใครเคยไปเที่ยวมาแล้ว มาเล่าให้ฟังกันได้นะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา