11 พ.ค. 2022 เวลา 00:36 • ประวัติศาสตร์
27 ปี ลัทธิอันตราย ..Aum Shinrikyo กับวินาศกรรม 20 มี.ค. 2538
20 มีนาคม พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - สาวกลัทธิโอมชินริเกียวก่อวินาศกรรม โดยการปล่อยแก๊สพิษซาริน ในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน บาดเจ็บมากกว่า 6,000 คน วันนี้จะพาย้อนรอย เฉพาะเรื่องที่๒ ที่เป็นเหตุการณ์โศกสลด ของลัทธิความเชื่อทางศาสนา
ลัทธิคืออะไร?
ลัทธิ (Doctrine) คือคำสั่งสอน ที่มีผู้เชื่อถือและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นลัทธิทางการเมือง ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิปรัชญา ลัทธิทางศาสนา เป็นต้น ลัทธิทางศาสนาจะมีความหมายแคบกว่าศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนเฉพาะกลุ่มของผู้นับถือศาสนาเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ เช่น พุทธศาสนา
มีลัทธิมหายาน ลัทธิหินยาน(เถรวาท) หรือใช้คำว่า นิกาย แทนก็ได้ ลัทธิที่แสดงถึงความเชื่อหรือแนวทางปฏิบัติ เพื่อเพื่อความมั่นคงทางจิตใจของมนุษย์ แต่ไม่มีลักษณะที่เรียกว่าศาสนาได้ เช่น ลัทธิบูชาบรรพบุรุษ ลัทธินับถือผีสางเทวดา เป็นต้น ลัทธิเหล่านี้มีแต่คำสั่งและพิธีกรรม แต่ไม่มีหลักคำสอนทางจริยธรรม ไม่มีคัมภีร์หรือองค์ศาสดา จึงไม่อาจเรียกว่าศาสนาได้
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีความเจริญในเรื่องเทคโนโลยี่อย่างสูงสุด แต่ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีความเชื่อในเรื่องศาสนาแบบสับสนอลหม่าน แม้ว่าในชีวิตประจำวัน จะดูคล้ายกับว่าคนส่วนใหญ่พากันนับถือลัทธิชินโตและศาสนาพุทธ
แต่ถ้าถามซักเจาะลึกว่ายูนับถือศาสนาอะไรกันแน่ ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครจะระบุจำเพาะเจาะจงได้ ฉะนั้นคนญี่ปุ่นอาจจะจัดงานพิธีแต่งงานแบบศาสนาคริสต์ จัดงานศพแบบศาสนาพุทธ ก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่เห็นแปลก แถมในประเทศญี่ปุ่นเอง สามารถถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีลัทธิความเชื่อมากมายติดอันดับต้นๆของโลก
ลัทธิโอมชินริเคียว (Aum Shinrikyo) เป็นลัทธิความเชื่อที่มีผู้นำ ชื่อ
อาซาฮาระ โชโค [Shoko Asahara]
เดิมอาซาฮาร่า โชโคะ มีชื่อจริงๆว่า มัทสึโมโต้ จิซึโอะเกิดเมื่อ 2 มีนาคม 1955(พ.ศ.2498) เป็นบุตรชายของช่างทำเสื่อตาตามิ ในวัยเด็กมีอาการพิการทางสายตา จึงถูกส่งไปเรียนที่ โรงเรียนสำหรับผู้พิการทางตา ประจำจังหวัดคุมาโมโต้ (เรียนวิชารักษาโรคด้วยการฝังเข็มและจี้ธูป)
หลังจากเรียนจบ ตั้งเป้าหมายจะสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว จึงเข้าเรียนยังโยโยกิเซมินาร์ สาขาชิบูย่า (โรงเรียนพิเศษ) แต่ก็สอบตก
กรกฎาคมปี 1976 ถูกคำรวจจับและปรับเนื่องจากทำร้ายร่างกายคนรู้จัก
ปี 1977 อาซาฮาระ หลงไหลในเรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆ จึงเริ่มฝึกโยคะและวิชาเซียนที่อินเดีย
ในปี 1978 ก็แต่งงานกับผู้หญิงที่รู้จักกันระหว่างเรียนที่โยโยกิเซมิน่าร์
ในปีเดียวกันนี้เอง เขาเปิดโรงพยาบาลสำหรับรักษาโรค ด้วยการฝังเข็มที่จังหวัดจิบะและเปลี่ยนไปเป็นค้ายาสมุนไพรกับยาจีนในภายหลัง ในระยะแรก การบริหารงานเป็นไปด้วยดี
ปี 1980 เขาถูกฟ้องศาล ในข้อหายื่นเรื่องขอเงินประกัน อย่างไม่ถูกต้องเป็นเงิน 6,700,000 เยน หลังจากนั้นจึงเข้าลัทธิอะกองชู
ปี 1981 เปิดกิจการร้านขายยา หาในปีถัดมาก็ถูกจับเนื่องจากขายยาที่ไม่มีใบอนุญาตจนถูกปรับเป็นเงิน 200,000 เยน
ปี 1984 เปิดโรงฝึกสอนโยคะ "สมาคมโอม" และมัทสึโมโต้ก็เริ่มใช้ชื่อว่า อาซาฮาระ โชโค ตั้งแต่ตอนนี้นี่เอง
ปี 1986 เขาอ้างว่าตัวเองไปที่เทือกเขาหิมาลัยและ"หลุดพ้น"(ตรัสรู้?)ที่นั่น จึงเปลี่ยนชื่อจาก"สมาคมโอม"มาเป็น"สมาคมเซียนโอม"
และปี 1987 เปลี่ยนเป็น"โอมชินริเคียว"ในที่สุด โดยชื่อของโอมตั้งมาจากตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาในอินเดียและตัวอักษรแต่ละตัวของโอมคือ A U M ก็มีความหมายถึง"การสร้างสรรค์" "การคงอยู่" และ"การทำลาย"ของจักรวาลซึ่งรวมทั้งหมดแล้วหมายถึง "อนิตยา" (ความไม่เที่ยงแท้) อันเป็นรากฐานของคำสอนของโอม
โอมได้จดใบอนุญาตเป็นลัทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ณ ที่ทำการจังหวัดโตเกียวในวันที่ 25 สิงหาคม 1989 หลังจากปีนี้มีการแสดงโชว์ปาฏิหารย์หลายอย่างเป็นต้นว่าการลอยตัวกลางอากาศ ปล่อยแสงตรงหลัง ลอยสิงของ ฯลฯ จนมีสาวกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากจดทะเบียนแล้ว โอมก็ย้ายฐานใหญ่ไปยังเมืองฟูจิมิยะ จังหวัดชิสึโอกะ มีการขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศเช่น ในประเทศรัสเซีย, ออสเตรเลีย, ยูเครน, เยอรมัน, ไต้หวัน, ศรีลังกา, ยูโกสลาเวีย และสหรัฐอเมริกาเฉพาะสาวกในญี่ปุ่นนั้นมีอยู่ถึง เลื่อมใสศรัทธาถึง30,000 คน (ต่างประเทศ 40,000-60,000 คน) ทีเดียว โดย สาวกส่วนใหญ่ มีอายุอยู่ในช่วง 20-30 ปี
ในลัทธิจะมีการแบ่งงานสาวกจะได้รับตำแหน่งและหน้าที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ในกลุ่มแกนนำของลัทธิเป็นผู้มีการศึกษาสูงซึ่งจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นดีของญี่ปุ่น มีทั้งคนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
ทั้งนี้รวมถึงแพทย์ นักชีวเคมี สถาปนิก นักชีววิทยาและนักวิศวะพันธุกรรม ที่สําคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือสาวกบางคนเป็นแกนนําในการค้นคว้าวิจัยขององค์การพัฒนากิจการอวกาศญี่ปุ่น, ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาวุธเคมีแห่งมหาวิทยาลัยโอซาก้า, นักหนังสือพิมพ์ ชั้นนํา, นักฟิสิกซ์ แห่งมหาวิทยาลัยซูคูบา ฯลฯ โดยสาวกคนสําคัญของลัทธิซึ่งมีตําแหน่งหน้าที่ในระดับผู้นํา ได้แก่
1. ฮิเดอิ มูไร รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า
2. คิโยฮิเด ฮายากาวา รัฐมนตรีกระทรวงการก่อสร้าง
3. ฟูมิฮิโร โชยุ รัฐมนตรีกระทรวงการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจบการศึกษาวิทยาศาสตร์
4. มหาบัณฑิตทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยวาเซดา
5. โยชิโนบุ อาโอยามา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ ที่เกิดในตระกูลมั่งคั่งของโอซาก้า จบการศึกษานิติศาสตร์ บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกียวโต
6. มาซามิ ซูชิยา หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์
ในช่วงนั้น ญี่ปุ่นกำลังเกิดกระแสนิยมเรื่องเหนือธรรมชาติ โอมได้รับแนะนำลงใน"มู"ซึ่งเป็นนิตยสารเรื่องมิสเทรี่ในฐานะ"สมาคมโยคะของญี่ปุ่น" ในเล่มมีการลงรูปการกระโดดทั้งๆนั่งขัดสมาธิซึ่งภายหลังถูกอ้างว่าเป็นต้นแบบของการลอยตัวกลางอากาศ
คำสอนของโอมมีการใช้ศัพท์ภาษาอินเดีย (โดยเฉพาะของศาสนาฮินดู) ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นต้นว่าเทพศิวะ (ถือเป็นพระเจ้าของโอม อ้างว่าชื่อเดียวกับพระศิวะในศาสนาฮินดูก็จริง แต่พระศิวะเป็นเพียงภาคหนึ่งของเทพศิวะ และอาซาฮาระซึ่งเป็นเจ้าลัทธิ
ก็เป็นภาคหนึ่งของเทพศิวะเช่นกัน) มีการนำศาสนาอื่นๆเช่นพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู เต๋า โซโลแอสเตอร์มาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาโดยอ้างว่าทุกศาสนาล้วนมีหนทางเดียวกัน ซึ่งเป้าหมายสุดท้ายของคำสอนคือการปลีกตัวจากโลกภายนอกและเอาชนะตัณหาทั้งปวง
ส่วนหนึ่งในคำสอนของโอม "วจิรยานา" มีการกล่าวถึง"กฎของสวรรค์ที่ไม่เป็นไปตามกฎของโลก"ซึ่งอ้างว่าการกระทำใดที่ขัดต่อกฎของสังคม แต่ไม่เป็นตัณหาและถูกต้องโดยเหตุผลทางใจ ในบางกรณีจะสามารถยอมรับว่าถูกต้องได้
ตีความได้ว่า การฆ่าคนเป็นที่ยอมรับได้ถ้าคนที่ถูกฆ่าประกอบความชั่ว การชิงทรัพย์เป็นที่ยอมรับได้ถ้าเพื่อช่วยคนยากจนอื่นๆอีกมากมาย การโกหกเพื่อนำคนเข้าลัทธิเป็นเรื่องยอมรับได้เพราะเป็นการชี้ทางสว่าง ฯลฯ ในอีกแง่หนึ่ง มีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าคำสอนตรงจุดนี้เป็นการหาข้ออ้างให้กับการกระทำของเจ้าลัทธิและสาวกในเวลาถัดมา
ตุลาคม1989 ซากาโมโต้ สึสึมิ ซึ่งเป็นทนายที่ได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวของสาวกให้รับผิดชอบคดีของโอมและเป็นผู้ตั้งสมาคมช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากโอมชินริเคียว ได้ทำการเจรจากับแกนนำของลัทธิ
แต่ความเห็นไม่ลงรอยกันจนถึงขั้นแตกหักและไม่สามารถเจรจากันได้
เมื่อเจรจากันไม่ได้ เจ้าลัทธิอาซาฮาระเกรงว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงเลือกตั้งในปีหน้าจึงสั่งให้สาวกซึ่งเป็นแกนนำ ประกอบไปด้วย โอกาซากิ คาสึอากิ, นิอิมิ โมโมมิทสึ, มูราอิ ฮิเดโอะ, ฮายาคาว่า คิโนฮิเด, นากาคาว่า โทโมมาสะ, สึมิโมโต้ ซาโตรุ ลงมือฆ่าซากาโมโต้
4 พฤศจิกายน ทนายซากาโมโต้ อายุ 33 และภรรยา อายุ 29และลูกชายวัย 1 ขวบถูกฆ่า ศพทั้งสามถูกนำไปฝังแยกย้ายกันคนละจังหวัด ศพของพวกเขาถูกพบในเดือนกันยายนปี 1995
แต่ ตำรวจไม่ได้ให้ความสนใจกับคดีนี้เท่าที่ควรหลังจากที่ซากาโมโต้หายสาบสูญทั้งครอบครัว มีการวิจารณ์ว่าเพราะสาวกของโอมเข้ามาเกี่ยวข้อง บ้างก็วิจารณ์ว่าเพราะสำนักงานทนายที่ซากาโมโต้ทำงานอยู่เป็นคู่อริกับทางตำรวจ ฝ่ายตำรวจก็เพียงสรุปคดีว่าครอบครัวซากาโมโต้ยักยอกเงินหนี โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเป็นชิ้นเป็นอันนัก
กุมภาพันธ์ปี 1990 อาซาฮาระลงสมัครเลือกสส.โดยเป็นตัวแทนจากพรรคชินริ แต่ก็สอบตก และอาจจะด้วยเหตุนี้ โอมจึงมองสังคมในฐานะศัตรูและเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขึ้น
พฤศจิกายน 1993 ตั้งโรงงานซาริน (สารพิษ) โดย”ซาริน: เป็นของเหลวไร้สี บางครั้งมีอันตรายร้ายแรงกว่าไซยาไนด์ จัดอยู่ในกลุ่ม ยาฆ่าแมลง คิดค้นขึ้นครั้งแรกที่เยอรมนีในทศวรรษที่ 1930 ซารินมีผลต่อระบบประสาทเมื่อ สูดดมเข้าไปจะเสียชีวิตภายใน 1-10 นาที โดยมีอาการรูม่านตาหดตัว เหงื่อออก และมี อาการอื่นๆ เช่นเดียวกับผู้ได้รับพิษจากวีเอ็กซ์ สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดยาแก้
9 พฤษภาคม 1994 ทนายทากิโมโต้ ทาโร่ซึ่งมีส่วนร่วม ในการเคลื่อนไหวต่อต้านโอม ถูกโจมตีด้วยแก๊สพิษซารินซึ่งถูกซ่อนไว้ในรถ อาการสาหัสแต่รอดมาได้
27 มิถุนายน 1994 มีการโปรยสารพิษซาริน ที่เมืองมัตสึโมะโตะ จังหวัดนากาโนะ ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 27 ถึงเช้าตรู่วันที่ 28 ผู้เสียชีวิต 7 ราย ผู้บาดเจ็บ 660 ราย นับเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีการใช้สารพิษในการก่อการร้าย ซึ่งมีประชาชนทั่วไปเป็นเป้าหมาย และนี่ก็เป็นการทดลองเพื่อเตรียมการสำหรับเหตุร้ายในชินจูกุ
ในระหว่างปี 1994 -1995 นี้ โอมได้มีการโจมตี และสังหารบุคคลภายนอก และอดีตสาวกเป็นจำนวนไม่น้อยด้วยแก๊สพิษซาริน
28 กุมภาพันธ์ 1995 สาวกของโอม ได้ลักพาตัวข้าราชการ จากที่ทำการเมืองเมะคุโระ ด้วยสาเหตุว่าเจ้าตัว ได้ซ่อนตัวน้องสาวซึ่งเป็นอดีตสาวกไว้ ผู้เคราะห์ร้ายถูกนำไปกักกันตัวที่ฐานของลัทธิ แต่เนื่องจากถูกให้ยาสลบเกินขนาด จึงเสียชีวิตในอีก 3 วันให้หลัง
20 มีนาคม 1995 เวลา 8 โมงเช้า ในรถไฟใต้ดินจำนวน 5 สาย (มารุโนะอุจิ 2 สาย ฮิบิยะ 2 สาย จิโยดะ 1 สาย) สาวกของลัทธินํากระเป๋า ซึ่งบรรจุแก๊สซารินเหลวมายังสถานีรถไฟใต้ดินในชั่วโมงเร่งด่วน จากนั้นก็ทําการเจาะกระเป๋าให้ แตกออกโดยใช้ ร่มปลายแหลม
และแล้วซารินจำนวนมากเกิดเป็นแก๊สพิษทำให้คน 12 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บ 5,510 คน เป็นคดีฆาตกรรมอย่างไม่เลือกตัวครั้งใหญ่ที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสร้างความตื่นตระหนกไปจนทั่วโลก
การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินเป็นอัมพาตไปเกือบอาทิตย์และผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากก็ยังต้องทรมานกับผลข้างเคียงของซารินจนทุกวันนี้ หลายคนกลายเป็นอัมพาตและหลายคนหลับไม่ได้สติ
3 วันหลังจากเหตุร้ายที่ชินจูกุ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตํารวจพบว่าโชโกะ อาซาฮารา มีส่วนรู้เห็นในการกระทําดังกล่าว และต้องตะลึงอีก เมื่อพบว่าเขาทำเรื่องซ็อกโลกครั้งนี้ เพียงเพราะเพื่อให้ตำรวจ เบนความสนใจ จากการตรวจสอบลัทธิโอมของเจ้าที่
ตำรวจบุกเข้าลัทธิโอม และในวันที่ 16 พฤษภาคม ก็สามารถจับกุมอาซาฮาระพร้อมแกนนำได้ อาซาฮาระถูกฟ้อง 17 คดี ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธข้อหา 16 คดี (อีกคดีอยู่ระหว่างพิจารณา ) ในศาล เขามักจะแสร้งทำตัวพูดไม่รู้เรื่องหรือแกล้งบ้าเพื่อจะได้พ้นข้อกล่าวหาเนื่องจากไม่มีความสามารถในการรับผิดชอบ
ปี 2006 อาซาฮาระถูกตัดสินโทษประหาร ในการพิพากษาขั้นที่ 1 โดยประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ แต่ยังไม่มีการระบุวันเวลาที่แน่นอน ส่วนสาวกลัทธิ โอม ชินริเกียว อีก 12 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับโทษประหารชีวิตแบบเดียวกัน และ ยังมีสาวกอีกหลายคนอยู่ระหว่างการหลบหนีจนปัจจุบันนี้
หลังจากคดีพิษซาริน ลัทธิโอมถูกประกาศว่าเป็นลัทธิอันตราย และถูกสั่งให้ยกเลิก แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ยังศรัทธาลัทธิอยู่ และได้ตั้งชื่อใหม่เป็น “กลุ่มแอลป์” และปฎิบัติตามคำสอนของลัทธินี้อยู่จนถึงปัจจุบัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org)
ความแตกต่างระหว่าง ลัทธิ กับ ศาสนา
ลัทธิ อาจไม่มีคำสั่งสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาเหมือนอย่างศาสนาก็ได้ เช่นลัทธิความเชื่อของเผ่าต่าง ๆ ในสังคมบรุพกาล ที่เน้นแต่การทำพิธีกรรมบูชาเทพเจ้า ภูตผีปีศาจ แต่ไม่มีหลักคำสอนทางศีลธรรมจรรยา
ลัทธิ มีคำสอนเรื่องจุดมุ่งหมายสูงสุด ของชีวิตที่แตกต่างจากศาสนา กล่าวคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ที่ศาสนากำหนด คือ ความสุขในทางธรรม
ความสงบสุขทางจิตใจและมุ่งแก้ปัญหาที่เป็นลักษณะปัญหาสากลของมนุษย์ เช่น ความทุกข์ ความผิดหวัง และพฤติกรรมความดี ความชั่ว เป็นต้นแต่จุดมุ่งหมายของลัทธิ จะเน้นความสุขทางโลก มุ่งแก้ปัญหาของมนุษย์และสังคมและมีความเหมาะสมเฉพาะสังคมบางท้องถิ่นและเฉพาะสมัยเท่านั้น เช่น ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื้อ เป็นต้น
ลัทธิอาจมีพิธีกรรมหรือไม่ก็ได้ แต่ศาสนาต้องมีพิธีกรรม
คำสอนของลัทธิ เกิดจากความคิดและทัศนะส่วนตัวของเจ้าลัทธิเอง แต่สำหรับศาสนา คำสอนเกิดจากพระบัญชาของพระเจ้า โดยมีโองการผ่านทางศาสดา ศาสดามิได้คิดขึ้นเอง (ยกเว้น พุทธศาสนา ถือว่าคำสอนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบและนำมาเผยแพร่ เนื่องด้วยเป็นศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า)
คำสอนของลัทธิไม่มีลักษณะความศักดิ์สิทธิ์ แต่ศาสนามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะบูชาของศาสนิกชนผู้นับถือ ไม่พอใจเมื่อถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
ลัทธิไม่มีสถาบันที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสอนและไม่มีคัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนไว้เป็นหมวดหมู่ แต่ศาสนามีนักบวชทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนของศาสดาและมีคัมภีร์รวบรวมเป็นลายลักษณ์อักษร ลัทธิอาจมีหนังสือที่เจ้าของลัทธิแต่งขั้น แต่มิใช่คัมภีร์ เช่น ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิการเมือง เป็นต้น
CR vttp://www.oknation.net/blog/taimahayan/2008/03/20/entry-1
ที่มา:เจาะเวลาหาอดีต fb fanpage
Thanks like love comments follow all fc @min Rookie

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา