🦟❌💊ไข้เลือดออกเป็นโรคร้ายที่มียุงเป็นพาหะนำโรค การติดเชื้อโรคไข้เลือดออกมักทำให้เกิดอาการเป็นไข้สูง หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตั้งแต่ กล้ามเนื้อ กระดูก ไปจนถึงข้อต่อ
การจะลดไข้และระงับอาการปวดจากไข้เลือดออก หลายคนอาจคิดว่าใช้ยาแก้ปวด/ลดไข้อะไรก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วการเลือกใช้ยายาแก้ปวด/ลดไข้ผิดชนิดอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เพจ POBPAD เลยนำข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาแก้ปวด/ลดไข้ในช่วงที่มีไข้เลือดออกระบาดมาฝากกัน
📌อ่านบทความเพิ่มเติมหรือปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ >> https://bit.ly/3zSwYYP
📌อ่านจบแล้ว อย่าลืมกดไลก์ กดแชร์ แท็กเพื่อน และกดติดตามเพจพบแพทย์กันด้วยนะ
ช่องทางการติดตาม
Website: https://bit.ly/3zSwYYP
Youtube: https://bit.ly/3tjrp36
Instagram: https://bit.ly/38MBQTq
👨⚕ POBPAD | เว็บไซต์ข้อมูลสุขภาพที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้
#เป็นไข้ #ปวดเมื่อย #ฝนตก #ยุงกัด #ไข้เลือดออก #POBPAD #ปัญหาสุขภาพ #การใช้ยา
ข้อมูลใน Info
โรคไข้เลือดออก เลือกยาผิดเสี่ยงเสียชีวิตได้ !
การใช้ยาแก้ปวด/ลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAID) เพื่อบรรเทาอาการโรคไข้เลือดออกเป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิต เพราะยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต้านเกล็ดเลือด ซึ่งโรคไข้เลือดออกก็ส่งผลให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น ดังนั้น หากใช้ยานี้ในผู้ป่วยไข้เลือดออกก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายและนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ด้วยเหตุนี้ จึงควรหลีกเลี่ยงยากลุ่มนี้ในช่วงที่ไข้เลือดออกระบาด ซึ่งยาในกลุ่มนี้ได้แก่
- ยาแอสไพริน (Aspirin)
- ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- ยานาพรอกเซน (Naproxen)
วิธีแก้ปวด/ลดไข้ในผู้ป่วยไข้เลือดออก
1. ใช้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร หรือตามฉลากยาอย่างเคร่งครัด
2. เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง
3. ดูแลตนเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม และกินอาหารที่มีประโยชน์
Tips: หากแก้ปวด/ลดไข้ด้วยวิธีเหล่านี้แล้วไข้ไม่ลด ไข้สูงติดกันหลายวัน พบจุดแดงตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน หรือพบอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรไปพบแพทย์ทันที
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
