12 พ.ค. 2022 เวลา 15:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
กรณีศึกษา เหรียญ UST-LUNA กลไก Stablecoin ที่ไม่ Stable อีกต่อไป?
1
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมาเหรียญ UST ที่เป็น Stablecoin ของบล็อกเชน Terra ไม่สามารถคงมูลค่าที่อัตรา 1 เหรียญ UST ต่อ $1 เอาไว้ได้
ทำให้ราคาเหรียญ LUNA ลงตามมาติด ๆ โดยล่าสุดเหรียญ UST ลงมาที่ $0.56 ขณะที่เหรียญ LUNA อยู่ที่ประมาณ $0.052 ลดลงกว่า 96% ภายใน 24 ชั่วโมง ข้อมูลจาก Binance (ราคาเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 65 เวลา 7.30 น.)
ย้อนกลับไปถึงเหตุที่อัลกอรึทึม Stablecoin สั่นคลอน?
ปกติแล้ว Stablecoin เป็นเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ 1:1 เสมอ โดยการคงมูลค่าให้คงที่ 1:1 มีหลายประเภท เช่น มีสินทรัพย์ในโลกจริงหนุนหลัง (Real world collateral), มีสินทรัพย์ในโลกคริปโตหนุนหลัง (Crypto collateral), ไม่มีสินทรัพย์ใดหนุนหลังแต่ใช้กลไกทางคอมพิวเตอร์แทน (No collateral)
1
ซึ่ง UST-LUNA เป็นแบบที่ 3 คือ Stablecoin ที่ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง แต่อาศัยกลไก Algorithmic Stablecoin เพื่อทำให้เหรียญมีมูลค่าคงที่ที่ 1:1 เสมอ
1
อธิบายเป็น Timeline คร่าว ๆ ดังนี้
1. Terra จึงตั้ง Luna Foundation Guard หรือ LFG กองทุนที่จะเข้ามาดูแลเสถียรภาพของ LFG โดยบิตคอยน์เป็นทุนสำรองไว้ใช้สำหรับพยุงราคา UST (มีมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
2. นักลงทุนรายใหญ่อาจเห็นช่องโหว่นี้ในการโจมตี LUNA และ UST เพื่อขาย Short BTC และเทขาย UST จำนวนหนึ่งเข้ามาในตลาด ส่งผลให้ UST ราคาตกลงจาก $1/UST ไปที่ $0.98 โดยประมาณ
3. กลไก Mint & burn ช่วย Burn UST และ Mint LUNA เพิ่ม ทำให้ UST ในระบบมีจำนวนน้อยลง ราคา UST จึงปรับตัวสูงขึ้น
1
4. เกิดการเทขาย UST ครั้งที่ 2 ในขณะที่กลไก Mint & Burn ยังไม่สามารถทำให้ UST กลับมามีราคาที่ $1 ได้ทันเวลา เหตุการณ์นี้ได้ซ้ำเติมให้ราคา UST ปรับตัวลงไปถึงราคา 0.85$ และลดลงอย่างต่อเนื่อง
5. LFG ที่ถือบิทคอยน์เป็นกองทุนสำรอง จำเป็นต้องขาย BTC ในกองทุนออกเพื่อนำมาพยุงราคา UST ไม่ให้ต่ำลงไปกว่าเดิม แต่แรงซื้อของ LFG ยังคงไม่เพียงพอที่จะต้านราคาที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่องจากแรงขายของตลาดได้ รวมถึงการ Mint & Burn ยังเกิดขึ้นได้ไม่รวดเร็วพอ
แล้วปัญหาคืออะไร?
มีการรวบรวมช่องโหว่ของ UST ไว้หลากหลาย ที่นักลงทุนขนาดใหญ่เองก็เห็นช่องโหว่เหล่านี้ หลัก ๆ คือ
1. กลไกการ Mint & Burn ของ LUNA หาก UST หลุด Peg จำนวนมาก อาจจะทำให้ต้องใช้ระยะเวลากว่าที่เหรียญจะกลับไปเท่า $1 เท่าเดิม เป็นโอกาสที่นักลงทุนรายใหญ่จะเทขาย UST ทิ้ง คนอื่น ๆ ที่ถือเหรียญก็เริ่มเทขายตาม
1
2. ‘The Death Spiral’ หรือวงเวียนที่ไม่มีจุดจบ ในช่วงขาขึ้นอาจจะไม่มีปัญหา แต่ในช่วงตลาดขาลงอาจจะเป็นกับดัก เช่น เมื่อตลาดขาลง UST มูลค่าลดลงจาก $1 กลไก Mint & Burn จะเริ่มทำงาน โดยระบบจะ Burn UST และ Mint LUNA ออกมาใหม่ ทำให้ Supply LUNA มีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคา LUNA ต่ำลงตาม
1
3. ในบล็อกเชน Terra มีแพลตฟอร์มชื่อว่า Anchor เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้สามารถกู้ยืม (Lending ) และนำไปฝาก (Staking) บนแพลตฟอร์มได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนไปกู้ UST เพื่อรับดอกเบี้ยถึง 20%
ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่สูงและจูงใจให้คนมาฝาก UST กันมากมาย จึงเกิด Free Capital Flow หรือการที่คนแห่เข้ามาฝากเงินในแพลตฟอร์มมากเกินไป จนแพลตฟอร์มมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถนำเงินมาจ่ายดอกเบี้ยในระยะยาวได้
2
Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยกกรณี LUNA เหตุผลที่เราควรมีกฎหมายสำหรับ Stablecoin เนื่องจากปัจจุบันกฏหมายยังไม่ครอบคลุมความเสี่ยงของ Stablecoin เท่าที่ควร
1
จึงควรเร่งออกกฏหมายให้ครอบคลุมความเสี่ยง เพื่อลดความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นในบรรดาเหรียญต่าง ๆ ให้มากที่สุด
1
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แสดงความกังวลต่อความท้าทายในด้านเสถียรภาพระบบการเงินของคริปโต ที่ไม่ต่างจากการเงินดั้งเดิม
โดยในส่วนของ Stablecoin เผชิญกับความท้าทาย 2 ด้านได้แก่ 1. Stablecoin จะสามารถ Stable อยู่หรือไม่ 2. กฎเกณฑ์ในประเทศหรือทั่วโลกจะเป็นยังไงต่อไป
สุดท้ายคงต้องติดตามสถานการณ์จากทางผู้บริหารของ Terra ว่าจะออกมาแก้เกมได้หรือไม่ และจะทำให้คนกลับมาเชื่อใจได้อย่างไร
เพราะเรื่องการสูญเสียเสถียรภาพของ UST ที่เป็น Stablecoin ถือเป็นปัญหาสำคัญต่อ Stablecoin ตัวอื่น ๆ เช่นกัน
🚀 ติดตามสาระน่ารู้ และข่าวสารเกี่ยวกับ Digital Asset ได้ที่
โฆษณา