15 พ.ค. 2022 เวลา 04:11 • หนังสือ
กลับไปสู่วันฝัน : แก้วเก้า
#บันทึกการอ่าน #เรื่องราวระหว่างบรรทัดจากหนังสือที่รัก
นวนิยายเรื่องนี้มีละครฉายทางทีวีเมื่อปีก่อน แต่ว่าฉันอ่านจบก่อนดู เลยตัดสินใจไม่ดูละคร เพราะช่วงหลังฉันว่าละครทีวีเอาบทประพันธ์ไปปรับบทเยอะเกิน และดารานำก็ไม่ได้น่าสนใจหรือดึงดูดพอให้อยากดู
นวนิยายเรื่องนี้เป็นแนวดราม่าแฟนตาซี เรื่องราวของพิมพ์ฉัตร หญิงสาวลูกคนโตที่ต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว เสียสละชีวิตวัยสาวและความรักเพื่อทุ่มเทให้กับครอบครัว เมื่อมีความรัก ชายหนุ่มที่เข้ามาในชีวิตก็ล้วนแต่สร้างความผิดหวังและทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ค่า
เปิดเรื่องมาในช่วงชีวิตที่พิมพ์ฉัตรหมดภาระรับผิดชอบที่ตนเองแบกบนบ่ามานานหลายปี เธอก็หวนคิดถึงความรัก ความฝันในวัยเยาว์ และปรารถนากลับไปสู่วันเก่าๆ
เส้นทางชีวิตพัดพาให้เธอได้สวมแหวนวิเศษ เป็นแหวนที่เป็นสมบัติตกทอดมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวมาลินดา มารดาของดาวิน ชายหนุ่มที่เริ่มจากความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่เข้าใจในตัวเธอ ความสัมพันธ์นี้พัฒนาต่อเนื่องมาจนท้ายสุดกลายมาเป็นเพื่อนชีวิต
แหวนวิเศษนี้ให้พรกับผู้สวมใส่ให้ขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง คำขอจะได้ผลอยู่หนึ่งปี และขอได้ครั้งเดียว
ในคืนที่พิมพ์ฉัตรทุกข์ใจจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอได้พบกับมาลินดา แล้วมาลินดาก็ช่วยเหลือเธอด้วยการสวมแหวนวิเศษวงนั้นให้พิมพ์ฉัตร
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมพ์ฉัตรก็ได้ประจักษ์ถึงมหัศจรรย์ของแหวน เมื่อร่างสะท้อนในกระจกที่เธอเห็น ไม่ใช่ตัวเอง กลับกลายเป็นร่างสวยงามของหญิงสาววัยเปล่งปลั่ง ไม่ใช่สาวใหญ่วัยร่วงโรยอย่างที่ตนเองเป็น และสุดท้ายเธอก็เลือกแอบอ้างใช้ชีวิตเป็นหลานสาวตัวเองที่ชื่อ ‘มะปราง’
เรื่องราวหนึ่งปีต่อจากนั้นคือการพิสูจน์ใจคน โดยเฉพาะชายหนุ่มหลายคนที่เข้ามาในชีวิต ภายใต้ร่างใหม่ และความมหัศจรรย์ของแหวน ก็ทำให้ชีวิตพิมพ์ฉัตรไม่เหมือนเดิม
ฉันอ่านจนจบก็คิดว่า ดีว่าเป็นแนวแฟนตาซีในนามปากกา‘แก้วเก้า’ นะคะ เพราะถ้าเป็นเรื่องแนวสัจนิยม หรือชีวิตจริงๆ นางเอกเราน่าจะผ่านเรื่องราวที่ทำให้ชีวิตสะบักสะบอมเกินไป
ตอนที่ประทับใจ ส่วนใหญ่ฉันชอบบันทึกตอนที่เป็นอารมณ์ความรู้สึกรักของตัวละครเอกเก็บไว้อ่านแล้วมีความสุขค่ะ
เสียงกริ่งขัดจังหวะความคิด ปกติค่ำมืดแล้วลูกค้ารู้ดีว่าเธอปิดร้าน ไม่ต้อนรับใคร ใครหนอมาหาในตอนนี้?
เธอแทบไม่เชื่อตาตนเอง เมื่อเห็นดาวินยืนอยู่ ไม่มีร่ม แสงไฟหน้าบ้านกระทบเสื้อผ้าเปียกชื้น แสดงว่าวิ่งฝ่าฝนลงจากรถยนต์
“ตายแล้ว เปียกทั้งตัว เข้ามาซีคะ” เธอผลักประตูกว้างขึ้น ให้อีกฝ่ายเข้ามาโดยเร็ว
ดาวินเข้ามายืนเคว้งคว้างอยู่ในห้องเหมือนทำอะไรไม่ถูก พิมพ์ฉัตรกุลีกุจอไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้เขาเช็ดผมและเช็ดหน้า ถามเขาว่า
“คุณดาวินคงเพิ่งกลับจากกรุงเทพ”
“ครับ ขับรถมา พอพ้นลำปางก็เจอฝนหนัก ตกมาตลอดทางจนถึงเชียงใหม่”
เขาดึงห่อของเล็กๆที่หนีบไว้ใต้แขนมาส่งให้เธอ อธิบายว่า
“ของฝาก ถ้าไม่แวะเสียวันนี้ อาจไม่เจอกันอีกหลายวัน”
“โอ๊! ขอบคุณมากค่ะ”
เธอเปิดห่อของออก พบว่าข้างในคือผ้าพันคอผืนใหญ่ทำด้วยไหมเนื้อเนียนสีฟ้าอ่อน ริ้วลายสีกลมกลืนกันดูเก๋แบบไม่ฉูดฉาดบาดตา ดาวินเข้าใจเลือกได้ถูกใจ
กล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง พร้อมกับสังเกตว่าสีหน้าคนพูดอ่อนระโหยเช่นเดียวกับท่าทาง ทำให้นึกขึ้นได้ ก็รีบเก็บผ้าพันคอ ถามว่า
“ถ้างั้น คุณดาวินคงยังไม่ได้ทานอาหารเย็น ใช่ไหมคะ”
“ผมตั้งใจจะแวะร้านอาหาร แต่ฝนตกหนักในเมือง ก็เลย…”
อีกฝ่ายลุกขึ้นอย่างฉับไว บอกว่า
“เดี๋ยวหนึ่งไปชงชาร้อนๆ มาให้ รออาหารเย็นสักครู่เดียวละค่ะ”
ไม่กี่นาทีต่อมา ดาวินก็นั่งลงตรงหน้าจานบรรจุไข่สีเหลืองผัดฟูกับแหนมเจียวใหม่ๆ กำลังร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมหวน อีกจานหนึ่งคือจอผักกาด อุ่นมาร้อนๆ เช่นกัน
“หนึ่งล่ะ?” ผู้เป็นแขกถาม
“หนึ่งทานข้าวตั้งแต่หกโมงเย็นค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง” เธอนั่งลงตรงข้ามเขา รินน้ำเลื่อนแก้วส่งให้
ที่จริงทั้งสองไม่ได้พูดกันมาก แต่การนั่งอยู่ด้วยกันสองคน ต่างคนต่างก็รู้สึกตรงกันว่า มีใครๆอีกคนอยู่เป็นเพื่อนก็ยังดีกว่านั่งอยู่ตามลำพังในคืนเย็นชื้น มีสายฝนพรำอยู่ไม่ขาดสายนอกหน้าต่าง
ดาวินเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน เมื่อข้าวและกับข้าวหมดเกลี้ยงไปแล้วทั้งสองอย่าง เขาดื่มน้ำส่งท้ายจนหมดแก้ว สีหน้าค่อยแช่มชื่นขึ้น
“ขอบคุณมาก อาหารอร่อยจัง ผมไม่รู้ตัวว่าหิวข้าว จนกระทั่งกินเข้าไปคำแรกนี่แหละ”
พิมพ์ฉัตรหัวเราะออกมาได้ เธอบอกเขาอย่างกันเองว่า
“คุณดาวินไปนั่งดูโทรทัศน์ก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวหนึ่งจะชงกาแฟไปให้”
ฝนขาดเม็ดแล้ว แต่ไอชื้นเย็นยังโชยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ดาวินนั่งดื่มกาแฟเงียบๆ อยู่อึดใจ ก็เอ่ยขึ้นว่า
“หนึ่งเห็นด้วยไหม มีคนนั่งกันอยู่สองคนก็ดีกว่านั่งอยู่คนเดียว บางครั้งผมนั่งอยู่คนเดียว ก็เผลอนึกว่าแม่ยังอยู่ในห้องข้างล่าง แต่จะเล่าอะไรให้แม่ฟังก็ไม่ได้เสียแล้ว”
พิมพ์ฉัตรก้มศีรษะเห็นด้วย เธอเข้าใจความรู้สึกนี้จากประสบการณ์ตัวเอง
“เมื่อแม่ของหนึ่งเสียไปใหม่ๆ หนึ่งก็รู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน เป็นปีแน่ะค่ะกว่าหนึ่งทำใจอยู่บ้านคนเดียวได้ น้องๆ เขาแยกบ้านไปหมดแล้ว”
ดาวินดื่มกาแฟพลาง มองเจ้าของบ้านพลาง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมีแววตรึกตรอง แต่ก็ปนยิ้มๆในที
“หนึ่งกับผมคิดอะไรตรงกันหลายอย่าง ผมคงไม่เหงาถ้าหากว่ามีใครคนหนึ่งที่นิสัยเข้ากันได้ พูดจากันเข้าใจ อยู่เป็นเพื่อนกันสองคน”
พิมพ์ฉัตรเริ่มรู้สึกสะกิดใจ แต่เธอก็ถามทีเล่นทีจริง
“คุณดาวินพูดราวกับว่านะหาใครสักคนไปอยู่ที่บ้านด้วย”
“ใช่แล้ว”
“เพื่อเป็น…” เธอเว้นจังหวะ ผ่อนลมหายใจ เมื่อนึกได้ว่าดาวินอาจจะต้องการแม่บ้านช่วยดูแลบ้านให้เขา ” แม่บ้าน แบบเดียวกับพเยาว์หรือหนึ่งเคยทำน่ะหรือคะ”
ดาวินหัวเราะออกมาเต็มเสียง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกาย ริ้วรอยบนดวงหน้าเขาคลายลง จนทำให้เหมือนชายหนุ่มอ่อนกว่าวัยจริงสักสิบปี
“พระเจ้า! ผมเริ่มต้นไม่เข้าท่าจริงๆ ด้วย ถ้าต้องการคนทำงานบ้านผม ก็คงไปบอกคนจัดหางานมากกว่ามาบอกหนึ่ง…”
เขาเว้นระยะอย่างตั้งใจ ก่อนพูดต่อด้วยเสียงเนิบๆ หากเอาจริงเอาจังขึ้น
“ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มๆ ที่ฝันถึงเรื่องรักโรแมนติก ในวัยนี้ผมอยากมีเพื่อนรู้ใจ พูดกันรู้เรื่อง มีความเห็นสอดคล้องกัน พอจะอยู่กันไปได้จนแก่ลงไปด้วยกัน ผมคิดว่าหนึ่งคือผู้หญิงคนนั้น”
ถ้าเธอไม่เชื่อหูในตอนแรก ตอนนี้พิมพ์ฉัตรก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อยิ่งขึ้นไปอีก เห็นสีหน้างงงัน ดาวินก็รู้ใจ เขาตอบยิ้มๆ
“หนึ่งจะให้คำตอบผมเมื่อไหร่ก็ได้นะ ไม่ต้องเดี๋ยวนี้ ผมไม่รบเร้าจะเอาคำตอบให้ได้ คุณคงต้องใช้เวลาตัดสินใจ”
พิมพ์ฉัตรรวบรวมสติได้แล้วตอนนั้น เธอกลั้นหายใจ คำถามหลายๆคำถามวิ่งวนไปมาในสมอง แต่เท่าที่พูดออกมาก็คือ
“หนึ่งเพียงแต่สงสัย…คุณดาวินจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีกว่าหนึ่ง ก็ทำได้ หนึ่งไม่มีอะไรเลย…”
เธอกวาดสายตาไปรอบห้องแคบๆ แม้จัดไว้โปร่งตาเป็นระเบียบ แต่มันก็คือทาวน์เฮ้าส์แคบๆ ไร้ความโอ่อ่าอยู่ดี
“หนึ่งอายุมาก ไม่สวย ไม่รวย ความรู้ก็น้อย ไม่คู่ควรกับคุณดาวินเลยสัก…”
ดาวินเอื้อมมือมาใช้นิ้วแตะริมฝีปากคนพูดไว้ จนเสียงพูดหายไปในลำคอ เขาทำหน้าขรึม
“ผมจะเป็นคนตัดสินเองว่าคุณเป็นยังไง อย่าตัดสินตัวเองในทางลบ คนอื่นดูถูกคุณ คุณห้ามเขาไม่ได้ แต่คุณอย่าดูถูกตัวเองเป็นอันขาด”
1
น้ำตาเอ่อขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว น้ำเสียงของดาวินจริงใจ จนทำให้พิมพ์ฉัตรอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้น เธอกลืนน้ำตาลงไป ตอบเสียงเครือ
“ขอบคุณที่เตือนสติหนึ่งให้คิดได้ค่ะ”
“เรื่องใหญ่ๆ หนึ่งคิดได้ ผมรู้ ไม่งั้นชีวิตหนึ่งก็จบลงแบบเดียวกับย่าเอลก้า…”
ดาวินปล่อยให้เสียงขาดไป ไม่พูดต่อ เขายิ้มให้เธออย่างแจ่มใสเมื่อวางมือลงบนบ่าทั้งสองข้าง
“ผมชอบคุณ คุณเป็นนักต่อสู้ชีวิต กล้าเดินหน้า แต่ก็ยอมถอยเมื่อถึงเวลาถอย ทำให้ผมรู้ว่าเมื่อคุณตัดสินใจเดินไปกับผม ไม่ว่าจะเจอชีวิตแตกต่างมากขนาดไหน คุณก็รับมันได้”
เขายิ้มให้เธออีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มล้อเลียน ที่ทำให้พิมพ์ฉัตรรู้สึกเหมือนเธอคุ้นเคยกับเขามาตลอดชีวิต
“ผมชักรู้สึกว่าคุณคงไม่ต้องใช้เวลานาน ในการตัดสินใจเสียแล้วซี”
•••••••••••••••
#โปรยปกหลัง
สองชายยืนกันอยู่คนละมุม ชายหนึ่งคือความฝันในอดีตที่ละลายหายไปนานแล้ว แต่กำลังจะกลับคืนมาอีก หากว่าเธอก้าวออกจากจุดนี้ไปหาเขาได้สำเร็จ
ส่วนอีกชายหนึ่งคือฝันสุดเอื้อมในปัจจุบัน บัดนี้ เธออาจจะเอื้อมถึง หากว่ามีโอกาสมากกว่านี้สักนิด
เธอจะทำฉันใดถึงจะแบ่งภาคออกไปได้ทั้งสองทาง
เธอมีเวลาแค่หนึ่งปีเท่านั้น ทำทุกนาทีให้มีค่า มีความหมายที่สุด เพราะโอกาสนี้จะไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว
น้ำตาร่วงลงมาหยดหนึ่ง อย่างไม่ทันจะรู้เนื้อรู้ตัว พิมพ์ฉัตรปาดมันออกไป
ลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ฉันจะกลับไปทำความฝันให้สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
•••••••••••••••
กลับไปสู่วันฝัน : แก้วเก้า
ลงพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทย ปี พ.ศ. 2556 – 2557
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์ทรีบีส์ เมื่อเดือนมีนาคม 2557
ปกภาพประกอบเรื่องคือฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2
โดยสำนักพิมพ์ทรีบีส์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2557
ภาพปก-ออกแบบ : ฟารุต สมัครไทย
ราคาปก 330 บาท
จำนวนหน้า 468 หน้า
โฆษณา