[Post It 3] – เงินเฟ้อ คืออะไร? (ฉบับง่ายสุดๆ)
[Post It 3] – เงินเฟ้อ คืออะไร? (ฉบับง่ายสุดๆ)
ถ้าเราไม่ได้ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์กินเอง ถ้าเราไม่ได้ถัดทอเสื้อใช้เอง ถ้าเราไม่ได้สร้างบ้านอยู่เอง รวมไปถึง ถ้าเราไม่ได้ผลิตยาขึ้นมาใช้เอง นั่นคือ เราเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจครับ
การที่เราอยู่ในระบบเศรษฐกิจ หมายถึง เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งของระบบขนาดใหญ่ เช่น เราทำงานบริษัทผลิตยาสีฟัน เราก็แค่ผลิตยาสีฟัน ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคชนิดนึงจากสินค้าอีกมากมาย
เราขายความสามารถในการผลิตยาสีฟัน เพื่อแลกกับเงิน เพื่อเอาเงิน ไปซื้อสินค้าอื่นๆที่จำเป็น (รวมถึงไม่จำเป็นด้วย) เพื่อเติมเต็มความต้องการในฐานะที่เราเป็นมนุษย์
จะเห็นได้ว่า ‘เงิน’ คือ ตัวกลาง ที่จะทำให้เราแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่เราต้องการ เพราะฉะนั้น มันจึงสำคัญกับเราเสมอครับ
เงิน คือ ตัวกลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
แต่ถ้าเรามีอายุมากพอ เราจะพอสังเกตได้ว่า ของทุกอย่าง มันแพงขึ้น อาจไม่เพิ่มทุกปี แต่เพิ่มตลอด ไม่มีลด
ดัชนีหมูปิ้งแม่นยำเสมอ
หมูปิ้งเคยไม้ละ 1 บาท เวลาผ่านไปเป็น 3 บาท ไปจน 5 บาท 7 บาท และทุกวันนี้ อยู่ที่ระดับ 10 บาท
ข้าวเหนียวที่ซื้อคู่กับหมูปิ้ง เคยซื้อ 5 บาทก็อิ่มมากแล้ว วันนี้ต้อง 10 บาท เพื่อให้ได้ปริมาณที่เท่ากันกับแต่ก่อน
สมัยรุ่นพ่อแม่เรา เค้าอาจจะพูดอยู่เสมอว่า …
‘สมัยพ่อนะ เงินเดินสตาร์ทที่พันกว่าบาทเอง ยังอยู่ได้เลย’
แต่สมัยนี้ เงินเดือนแม้แต่บริษัทเล็กๆ ยังให้ขั้นต่ำที่ 13,000-15,000 บาทต่อเดือน
คำถามคือ อะไรทำให้ทุกอย่างมันแพงขึ้นได้ขนาดนั้น เกิดจากอะไร
เงินเฟ้อส่งผลต่อการจับจ่ายในชีวิตประจำวันมาก
คำตอบคือ ‘เงินเฟ้อ’ ครับ
เงินเฟ้อ ก็ตรงตัวเลย เหมือนกับท้องเฟ้อ ที่มีลมเข้ามาในท้องมากเกินจนทำให้ดูเหมือนอิ่มเหมือนแน่น แต่จริงๆไม่ได้มีอาหาร มีแต่ลม
เงินเฟ้อ คือ การที่ค่าของเงินน้อยลง หมายถึง 5 บาทวันนี้ ไม่ได้มีคุณค่ามากเท่ากับ 5 บาทวันก่อนแล้ว นั่นแหละเงินเฟ้อ
สิ่งที่น่าสงสัยต่อมาคือ เงินเฟ้อ เกิดจากอะไร?
เงินเฟ้อ เกิดจากการที่ อุปสงค์ (Demand) มากกว่า อุปทาน (Supply) ครับ
อุปสงค์ คือ ความต้องการในการบริโภค หมายถึง การที่คนเราต้องการที่จะซื้อสินค้านั่นแหละ
อุปทาน คือ อีกด้านหนึ่ง เป็นความสามารถในการผลิต หมายถึง ความสามารถที่บริษัท ห้างร้านต่างๆจะผลิตมาขายในตลาดได้ครับ
ทีนี้ เมื่อ ความต้องการในการซื้อมันมาก จากการที่คนเราอยากได้อยากได้อยากมี อยากบริโภคเกินตัว ใช้ทิ้งใช้ขว้าง มันมีมากกว่า ความสามารถในการผลิต ซึ่งจะผลิตได้ ต้องใช้ทั้งวัตถุดิบ เชื้อเพลิง และแรงงาน มันเริ่มจำกัดลง มันก็ทำให้ราคาของวัตถุดิบ เชื้อเพลิง และแรงงานแพงมากขึ้น
เมื่อต้นทุนต่างๆที่ผลิตสินค้ามันแพงขึ้น ราคาที่ขายสินค้าก็แพงขึ้นตามไปด้วย นี่คือที่มาของ เงินเฟ้อ
การเกิดเงินเฟ้อในทางเศรษฐศาสตร์
ปกติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะแจ้งค่าอัตราเงินเฟ้อในทุกๆปี เพื่อบอกว่า ในทุกปีนั้น เงินที่เรามีนั้น ด้อยค่าไปเท่าไหร่แล้ว
ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว อัตราเงินเฟ้อ ที่ดี ควรจะอยู่ที่ประมาณ 2% ครับ
แต่ว่า ล่าสุด ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 4 เดือนแรกในปี 2565 เทียบกับปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 4.65%
ข้อเท็จจริงก็คือ ปัจจุบัน เงินเฟ้อเกินกว่าค่าที่เหมาะสมแล้วล่ะครับ
เพราะฉะนั้น เรากำลังจะสูญเสียความมั่งคั่งของเราไปเรื่อยๆ หากเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเพิ่มในอัตราประมาณนี้ แม้ว่าเราจะฝากเงินสดของเราในธนาคารแบบฝากประจำดอกเบี้ยสูงก็ตาม
และนี่ก็เป็นเหตุผล ที่ธนาคารกลางแห่งประเทศสหรัฐฯ (Federal Reserve System) พยายามจะมีนโยบายขึ้นดอกเบี้ย เพื่อส่งสัญญาณให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งทั่วโลก เดินตามแนวทางนี้
เพื่อดึงดูดให้คนนำเงินมาฝากกันมากขึ้น ใช้จ่ายกันน้อยลง บรรเทาความร้อนแรงของการใช้จ่าย เพื่อลดสภาวะเงินเฟ้อ
เอาไว้เราค่อยมาคุยกันเรื่องความถูกต้องของนโยบาย และวิธีการรับมือกับปัญหานี้กันต่อไปนะครับ
ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ให้กับเพจ Post It วันนี้มีเรื่องมาเล่า ด้วยนะครับ เรามีทั้ง
-FB Fanpage ชื่อ 'Post It - วันนี้มีเรื่องมาเล่า'
-Blockdit เข้าไปที่ https://www.blockdit.com/pages/627d2a622353b923ebf63836
-True ID Intrend ชื่อ 'วันนี้มีเรื่องเล่า'
เพจเราเป็นเพจใหม่ ที่ต้องการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจให้ได้ขบคิด จากการที่ผมได้มาจากการอ่าน ดู ฟัง และพบปะพูดคุยกับคนที่หลากหลาย มาสู่การตกผลึกทางความคิด และทำให้ผมเข้าใจ ว่าจริงๆแล้ว ทุกเรื่องในโลก ก็เป็นอาจารย์ให้กับเราได้เสมอครับ
#PostIt #Storyteller #วันนี้มีเรื่องมาเล่า
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
