• ให้ถึงเพลงที่โคตร fucking mega hit ทั่วโลกตลอดกาลทางฝั่งเคป็อปเป็นใครก็ต้องนึกถึง Gangnam Style เพลงสไตล์อีดีเอ็มอันแสนบ้าบอที่พูดถึงการจีบหญิงในแบบวิถีชีวิตของคนเมืองกังนัมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านของคนรวยมาพร้อมกับท่าเต้นควบม้าสุดไวรัลขนาดแรงที่ส่งผลให้กลายเป็นศิลปินเกาหลีเดี่ยวชายที่ขึ้นไปอยู่บนชาร์ต Hot 100 คนแรกที่พีคสูงสุดในอันดับสองและยังขึ้นอันดับหนึ่งในหลายๆประเทศรวมถึงในบ้านตัวเองเช่นกัน
เพราะหมดไฟไปกับการศึกษาแล้วนำเงินค่าเรียนที่ได้ซื้อพวกอุปกรณ์เพื่อจริงจังกับการเป็นนักร้องและสมัครเรียนอีกครั้งที่ Berklee College of Music หลักสูตร lessons in ear training, contemporary writing and music synthesis แต่ก็เหมือนเรียนได้ไม่นานแล้วลาออกจากสถาบันเพื่อกลับประเทศบ้านเกิดเพื่อเริ่มต้นการเป็นนักร้องของตัวเองอย่างจริงจัง
จนมาในปี 1999 ป๋าแกดันไปถูกใจกับ choPD ในตำนานจึงได้เริ่มมีการทาบทามชวนมาเป็นนักร้องอย่างจริงจังมากขึ้นโดยการเชิญมาฟีทเจอร์ริ่งในอัลบั้ม In Stardom Version 2.0 ในเพลง Cassanova เป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางของป๋าแกทีละก้าวและกลายมาเป็นที่รู้จักในปี 2000 กับการไปเต้นออกรายการทีวี
• ในที่สุดแกก็ได้เดบิวท์ในฐานะศิลปินสมใจอยากในปี 2001 กับสตูดิโออัลบั้มเปิดตัวชุดแรก Psy from the Psycho World! ภายใต้ต้นสังกัด Cream Records ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นไปแบบสวยกับซิงเกิ้ลหลักสองเพลงอย่าง Bird และ The End พอให้คนได้รู้จักและเห็นหน้าคร่าตาของป๋าแกในกระแสวงกว้างกว่าเดิมพร้อมกับฉายา ‘엽기가수 (The Bizarre Singer)’
• แล้วกลับมาแก้มือใหม่ในอัลบั้มที่สาม 3 Mai อัลบั้มที่ไม่ได้หนักในเรื่องผู้ใหญ่เหมือนงานก่อนหน้าและมุ่งเน้นไปที่ความสนุกเต็มสูตรเอาใจคนทุกวัย ผนวกกับจังหวะในปีที่ FIFA World Cup จัดขึ้นและประเทศบ้านเกิดป๋าแกเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ Champion ซิงเกิ้ลโปรโมทหลักเพลงแรกที่เป็นดั่งความตั้งใจในการ cheer up
เลยส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในเพลงซิกเนเจอร์ประจำตัวที่ใครก็รู้จักในวงกว้างและสามารถขึ้นไปสูงสุดในอันดับ 7 บนชาร์ตเมล่อนในระยะเวลายาวนานเกือบ 4 เดือนท่ามกลางสงครามเพลงบัลลาดและยังได้รับรางวัลนักแต่งเพลงยอดเยื่อมจาก Seoul Music Awards ซึ่งก็เป็นปีสุดท้ายสำหรับสาขานี้พร้อมกับเสียงนักวิจารณ์โต้เถยงกันเรื่องเนื้อหาของป๋าแกตลอดเวลา แต่ก็เป็นอัลบั้มทิ้งท้ายสั่งลาก่อนที่ป๋าไซจะเข้าไปรับใช้ชาติในปี 2003
PSY, 정규 3집 "Psy 3집" (2002)
• หลังจากสิ้นสุดภารกิจในฐานะทหารชั่วคราวในปี 2005 Ssajib สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ก็ได้ปล่อยออกมาหลังจากนั้นในปี 2006 ภายใต้สังกัดใหม่ Yamazone Music ภายใต้การดูแลของ YBM Seoul Records (ปัจจุบันเป็นชื่อ Kakao M) ก็คงยังเป็นเรื่องโต้เถียงกันในเรื่องเนื้อหาที่ออกไปทาง 19+ เหมือนเดิมแต่ไม่ได้หนักมากเพราะป๋าแกยังคงทำให้เนื้อหามันบาลานซ์เข้าถึงทุกเพศทุกวัยได้มากขึ้น
ป๋าแกได้เซ็นสัญญาใหม่กับค่าย YG จากคำแนะนำของภรรยาป๋าแกเพราะที่ผ่านมาดันเกิดปัญหาการเงินส่วนตัวเข้าและเริ่มต้นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ห้า PsyFive ที่กลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีในเพลง Right Now ได้รับรางวัลจากงาน Melon Music Awards แม้จะยังคงเป็นที่พูดถึงในเรื่องของเนื้อหาอยู่รำไรแต่ก็หาได้แคร์ตามสไตล์ป๋า
โดยในเวลาเพียงแค่สามปี(นับปัจจุบัน) P NATION กลายเป็นค่ายลูกใหม่ที่พัฒนาเติบโตจนกลายเป็นที่พูดถึงอย่างวงกว้างมหาศาลจากเดิมที่ไม่ใช่แค่การเป็นที่จดจำในฐานะบริษัทของป๋าไซซะทีเดียว
• Celeb แค่ฟังอินโทรก็เบิกเนตรแต่ไกล ZICO กลับเป็นโปรดิวเซอร์ให้ป๋าแกอีกครั้งที่ยังคงสไตล์ป็อปสนุกๆที่ไม่ได้หนักแน่นไปทางฮิปฮอปแบบ I LUV IT มากนักกับเนื้อที่ผ่อนคลายเป็นกันเอง สองคนนี้เหมือนแทบจะรวบร่างเป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้วเพราะทั้งคู่ต่างกลายเป็นคู่ขาที่รู้ว่าควรงัดความสนุกแบบออกมาให้คนฟังได้เอ็นจอยไหนจะไลน์เสียงที่ได้กันมาเต็มๆ
• ไตเติ้ลโปรโมทของจริงอยู่ตรงนี้ต่างหาก That That มาแนวคาวบอยป็อปแดนซ์แปลกตาสำหรับป๋าไซพอสมควรแต่กลับเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมันทำให้ป๋าแกได้หลุดพ้นจากแนวเพลงอีดีเอ็มอย่างที่ตั้งใจไว้นานแล้ว
เพลงที่มาในโค้งสุดท้ายจากรุ่นน้องคนดังที่เป็นเบอร์ไม่แปลกหน้าโดยในสายดันกลายเป็น มินยุนกิ หรือ SUGA จากวงบีทีเอสผู้ที่อยากปิดโปรเจ็คงานโปรดิวซ์เพลงให้ศิลปินคนอื่นแล้ว เพลงนี้จึงกลายเป็นเพลงสุดท้ายในฐานะโปรดิวเซอร์ของเจ้าตัว(ที่ไม่รู้ว่าในฐานะเนมสเตจ SUGA หรือเปล่าเพราะยังมี Agust D เป็น alter ego ของตัวเองเหมือนกันหรือไม่ก็คงเป็นสัญญาณที่เกี่ยวกับการเข้าไปรับใช้ชาติหลังจากนี้)
• Now หยิบเอาเพลงอมตะในตำนานยุค 80s มาคัฟเวอร์ใหม่สไตล์ newtro สนุกๆ พูดแบบคนเข้าข้างหูตัวเองจัด ป๋าไซแกดูจะพยายามสร้างให้เพลงนี้กลายเป็น when we disco ของเพื่อนสนิทพัคจินยองในเวอร์ชั่นคนเศร้าที่ยังยื้อคนฟังให้เอ็นจอยได้ซึ่งก็เกือบจะทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ดันมาสะดุดคนคู่ขารุ่นน้อง ฮวาซา นี่แหละ
แต่แม่นางคนนี้กลับโตขึ้นเกินไปที่จะ back to retro basic เหมือนสมัยยังละอ่อนแล้วแฮะ อีกหนึ่งอย่างคือทั้งเพลงเน้นเสียงสูงจะรู้สึกว่าแม่งไม่มีที่ให้หายใจผ่อนคลายเลยสักนิดเดียว เทียบกับต้นฉบับที่ว่าสูงแล้วในเวสอร์ชั่นนี้หนักขึ้นไปอีกถึงสามเท่าตัว เศร้าเหมือนกันที่ต้องกลายเป็น least track ของอัลบั้มไป
ในเมื่อป๋าแกโชว์ความสนุกสุดโต่งไปแล้วใช่ว่ามันจะไม่มีมุมที่มันออกไปทาง personal แน่นอนว่าพอคนเรามันโตขึ้นก็เริ่มอยากถ่ายทอดเรื่องราวส่วนตัวเหมือนกัน
• You Move Me สัมผัสได้ถึงความอ่อนไหวในห้วงอารมณ์ของป๋าไซที่ผ่านเรื่องราวมาแล้วทุกช่วงชีวิตในการเป็นศิลปินของตัวเองแม้จะเป็นคนที่คอยสร้างสีสันมากมายแต่ใช่ว่าเบื้องหลังมันจะสนุกเหมือนหน้าฉาก การเชื้อเชิญอีกหนึ่งครั้งของน้องชายคนสนิท ซองซีคยอง ที่มาคอยปลอบโยจและเป็นกำลังใจเคียงข้างให้ป๋าไซ