Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Krungthai Asset Management
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
16 พ.ค. 2022 เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เพราะแบรนด์หรูไม่ใช่แค่ตัวตน แต่คือการลงทุนที่ใครๆ ก็เริ่มสนใจ
รู้หรือไม่? จากการเก็บข้อมูลโดย Forbes นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 เป็นต้นมา ทั่วโลกนั้นต้องเผชิญกับวิกฤติอัตราเงินเฟ้อ ทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค รวมไปถึงสินค้าฟุ่มเฟือยที่เติบโตขึ้นหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็น
●
ต้นทุนค่าอาหาร ที่มีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 7%
●
ต้นทุนค่าการผลิตเสื้อผ้าที่มีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นถึง 14%
ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อการขึ้นราคาสินค้าอุปโภค บริโภค รวมไปถึงสินค้าฟุ่มเฟือย เช่นสินค้าประเภทแฟชั่น หรือของแบรนด์เนมด้วยเช่นกัน
โดยเราเห็นได้ชัดจากการปรับราคาของแบรนด์ลักชัวรีแฟชั่นชื่อดังมากมายในช่วงต้นปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งอ้างอิงจากบทสำรวจของ Forbes เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 Louis Vuitton, Hermes, และ Gucci ที่ต่างก็ปรับราคาสินค้าของตัวเองขึ้นมา โดยเฉลี่ย 6-7% จากปัจจัยของต้นทุนการผลิต และการจ่ายค่าแรงที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
แต่หากมองย้อนกลับไปนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 จนถึงปัจจุบัน จากการสำรวจโดย Statista Research Department เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา มูลค่าของสินค้าแบรนด์เนมกลับเติบโตขึ้นในทุก ๆ ปีอย่างไม่หยุดหย่อน โดยพิสูจน์ได้จากรายได้หมุนเวียนในตลาดสินค้าแบรนด์หรูไฮเอนด์ ที่รายได้เติบโตขึ้นมากถึง 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาแค่ 10 ปี
คำถามสำคัญคือ…ทำไมการที่ราคาสินค้าแบรนด์เนมเพิ่มสูงขึ้นนั้น ไม่ส่งผลต่อ “ความต้องการ” ของผู้คน (Demand) ให้ลดน้อยลงไปเหมือนสินค้าประเภทอื่น ๆ แถมตลาดยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกในอนาคตผ่าน 3 ปัจจัยสำคัญ ดังนี้
✓
ภาพลักษณ์ของสินค้า ที่มีเอกลักษณ์ และสื่อถึงตัวตน หรือสถานะ
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงจุดเด่นของสินค้าแบรนด์เนม ก็คงหนีไม่พ้นในเรื่องของกระบวนการผลิต ที่มีคุณภาพสูง รวมไปถึงการออกแบบที่ประณีต และมีเอกลักษณ์ จึงทำให้สินค้าแบรนด์เนมในแต่ละยี่ห้อ มีลักษณะเฉพาะตัว และมีราคาที่สูงเป็นพิเศษ
บวกกับเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจในแต่ละแบรนด์ ที่เปรียบเสมือนเป็นการเพิ่มมนตร์ขลังให้กับตัวสินค้ามากขึ้น ทำให้สินค้าแบรนด์เนมเหล่านี้มีทั้งมูลค่า และสามารถสะท้อนรสนิยม ตัวตน และสถานะทางสังคมของผู้ถือครองสินค้าแบรนด์เนมได้ด้วย
1
✓
สินค้ามีจำนวนจำกัดมากยิ่งขึ้น
จากการรายงานของสำนักข่าว AP เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2022 ที่ตัวแทนของสหภาพยุโรป (EU) ได้เรียกร้องให้มีกฎข้อบังคับให้มีการใช้เส้นใยรีไซเคิล (Recycled fibers) ในอุตสาหกรรมสิ่งทอภายในปี ค.ศ. 2030 รวมถึงห้ามทำลายเสื้อผ้าและสินค้าที่ขายไม่ออก
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลาย ๆ แบรนด์ เริ่มปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในการผลิตสินค้าคอลเลกชันใหม่ ที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ด้วยการลดการผลิตสินค้าล็อตเก่า ๆ ลง
โดยผลสำรวจจาก McKinsey & Company บริษัทสำหรับให้คำปรึกษาด้านการบริหารองค์กร เมื่อช่วงปีค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา ที่ได้สำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,000 คนในยุโรป พบว่าส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์หรูที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
แต่ในทางกลับกัน สินค้าคอลเลกชันเก่าจากแบรนด์หรูบางแบรนด์ อาจยังเป็นที่ต้องการของผู้คนในบางกลุ่มเช่นกัน เนื่องจากเรื่องของความคลาสสิก และเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสินค้าชิ้นนั้น จึงทำให้สินค้าแบรนด์หรูบางชิ้น มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น จากการผลิตที่น้อยลงนั่นเอง
✓
มุมมองของผู้คนที่เปลี่ยนจากการใช้งาน เป็นการลงทุน
ด้วยเหตุผลข้างต้นที่ว่ามาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเอกลักษณ์ของสินค้า ที่สามารถสะท้อนถึงรสนิยม ตัวตน และสถานะทางสังคม รวมไปถึงการที่สินค้ามีคอลเลกชันเดิมที่น้อยลง จึงทำให้ผู้คนเริ่มเห็นมูลค่า และหันมาลงทุนเพื่อการเก็งกำไรเป็นจำนวนมากขึ้น
โดยเฉพาะชาวเอเชีย ที่ผลการเก็บข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง Bain เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมาได้ชี้ชัดว่าพวกเขาสนใจในการลงทุนกับสินค้าแบรนด์เนมมากยิ่งขึ้น เพราะสินค้าแบรนด์เนมมีมูลค่าและความมั่นคง รวมถึงมีแนวโน้มสูงที่จะเติบโตได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีสถิติที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์มูลค่าทางการตลาดในอนาคต ที่ถูกคาดการณ์โดย Statista Consumer Market Outlook เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่ามูลค่าตลาดสินค้าแบรนด์เนม จะเติบโตมากถึง 382.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 2025 จากเดิมที่ในปี ค.ศ. 2021 ตลาดสินค้าแบรนด์เนมนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 309.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
1
หรือหากย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 2020 จากการสำรวจโดย Statista Research Department เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา แม้ว่ามูลค่าโดยรวมของตลาดแบรนด์หรูจะตกมาอยู่ที่ประมาณ 94,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มูลค่าก็สามารถดีดกลับขึ้นไปอยู่ที่ 108,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งถือเป็นรายได้ที่สูงที่สุดตลอดกาลของตลาดสินค้าแบรนด์หรูด้วยเช่นกัน
จากปัจจัยทั้ง 3 ข้อนี้ ก็เหมือนเป็นตัวช่วยยืนยันสำหรับกลุ่มนักลงทุนบางส่วนที่กำลังลังเลหรือสนใจในสินค้าแบรนด์เนม
ว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริง แต่แน่นอนว่าหนึ่งในปัญหาใหญ่สำหรับการลงทุนในสินค้าแบรนด์เนม ก็คือเรื่องของต้นทุนที่ค่อนข้างมีราคาสูง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคด้านการลงทุนสำหรับคนที่สนใจ แต่ไม่ต้องกังวลไป
เพราะวันนี้ทาง KTAM มีกองทุน KT-LUXURY หรือ กองทุนเปิดเคแทม Luxury มาแนะนำด้วยเช่นกัน
กองทุน KT-LUXURY มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลัก Pictet - Premium Brands โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV
ซึ่งกองทุนรวมหลักมีวัตถุประสงค์การลงทุน คือ เน้นการเติบโตของมูลค่าเงินลงทุน ผ่านการลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในตราสารทุนที่ออกโดยบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมสินค้าและบริการระดับบน (Premium brands sector)
ซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง โดยบริษัทเหล่านี้เป็นที่ถูกจดจำหรือรับรู้โดยผู้บริโภคในตลาด (Strong market recognition)
เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความสามารถที่จะสร้างหรือมีอิทธิพลในการกำหนดกระแสความนิยมของผู้บริโภคได้
(Consumers trends)
โดยหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมหลักไปลงทุน จะแบ่งไปตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในส่วนของสินค้าแบรนด์เนม เช่น เครือ LVMH, Hermès, และ Essilor Luxottica เป็นต้น รวมถึงสินค้าประเภทอื่นๆ อย่าง กีฬา, อาหาร เครื่องดื่ม, ท่องเที่ยว, เครื่องสำอาง, นันทนาการ และความบันเทิง
(ที่มา: Pictet ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 65/ สัดส่วนการลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนหลัก)
สำหรับท่านใดที่สนใจลงทุนกับกองทุนเปิดเคแทม Luxury สามารถศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
https://www.ktam.co.th/fif-fund-detail.aspx?IdF=80
ข้อมูล Fund Fact Sheet ของกองทุน KT-LUXURY คลิก
https://www.ktam.co.th/fif-fund-detail-document.aspx?IdF=80
ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย
ดาวน์โหลด :
iOS:
https://bit.ly/KTAMST
Android:
https://bit.ly/KTST_Android
ศึกษารายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร 02-686-6100 กด 9
คำเตือน :
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ: ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk)/ ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร (Business Risk)/ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk)/ ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน (Country Risk) เป็นต้น
กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจ ของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มาข้อมูล :
-
https://www.forbes.com/sites/walterloeb/2022/02/21/luxury-brand-prices-rise-sharply--will-it-cut-demand/?sh=52fced192800
-
https://www.statista.com/statistics/1294616/global-personal-luxury-fashion-market-value/
-
https://www.hi-endbrands.com/ทำไมต้องแบรนด์เนม/
-
https://www.springnews.co.th/blogs/spring-life/822719
-
https://apnews.com/article/business-middle-east-europe-asia-european-union-af5a51808634ded802c67dc571a904bf
-
https://impakter.com/diamonds-and-degradation-luxurys-sustainability-struggle/
-
https://www.statista.com/study/61582/in-depth-luxury/
-
https://www.bain.com/about/media-center/press-releases/2022/2021-china-luxury-report/
การลงทุน
แบรนด์เนม
แบรนด์หรู
8 บันทึก
1
16
8
1
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย