16 พ.ค. 2022 เวลา 14:12 • หนังสือ
ในวันที่บริษัทกำลังพินาศ ผู้นำที่ฉลาดจะแก้เกมอย่างไร ?
จากบริษัทเทคที่เจอวิกฤตดอทคอม บริษัทอื่นล้มตายไปมาก แต่เขายังพาบริษัทให้อยู่รอดได้
เขาทำได้อย่างไร ใช้วิธีไหนบ้าง ?
ข้อคิดที่ได้จาก หนังสือ The Hard Thing About Hard Things เขียนโดย Ben Horowitz #1
.
"เมื่อเจอวิกฤต ผู้นำที่ดีจะดิ้นรนพาองค์กรให้หลุดพ้นจากมรสุม ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม"
.
วิกฤตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่อย่างไรมันก็ต้องเกิด
ไม่ว่าจะในระดับบุคคล องค์กร จนถึงระดับโลก
.
การรับมือกับวิฤตจึงเป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นและเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบที่ควรกระทำ
.
อาทิเช่น เราต้องดูแลตัวเองให้ข้ามพ้นปัญหาด้านสุขภาพ
ผู้จัดการต้องดูแลพนักงานหากมีปัญหาภายในแผนก
ผู้บริหารต้องพาบริษัทให้หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ เป็นต้น
.
แต่การฝ่าฟันวิกฤตนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย
เช่นเดียวกับความทุกข์ของผู้อื่น เราอาจจะมองว่า "ง่าย"
แต่กับคนๆ นั้นมันเป็นเรื่อง "ยาก"
.
วันนี้ผมจึงอยากมาแชร์ข้อคิดที่ได้หนังสือ The Hard Thing About Hard Things เขียนโดย Ben Horowitz
น่าจะเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ถ่ายทอดความระทึก ความตื่นเต้น ความเป็นจริงในการทำธุรกิจว่า "ไม่ใช่เรื่องง่าย"
.
จากปาก CEO บริษัทเทคคนหนึ่งที่เจอวิกฤตมรสุมฟองสบู่ดอทคอม
แม้เพื่อนๆ ทางธุรกิจ รวมทั้งบริษัทเทคคู่แข่งจะตายจากกันไป
แต่เขายังคงพาทีมงานและบริษัทให้หลุดพ้นวิกฤตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เขาบริหารอย่างไรถึงรอดมาได้ ? มาติดตามกันครับ
.
.
Ben Horowitz เป็นอดีตผู้บริหาร Tech Company มากมาย
เริ่มต้นจากโปรแกรมที่ใช้งานเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต (Browser) ชื่อว่า "Netscape"
จนปัจจุบันเป็นนักลงทุนที่ได้รับความเคารพมากที่สุดคนหนึ่ง ให้คำปรึกษากับ Start-up ต่างๆ มากมาย และมีบริษัทร่วมทุนของตนเองชื่อ "Andreessen Horowitz"
.
ในหนังสือเล่มนี้ เขามักกล่าวถึงประสบการณ์การบริหาร Tech Company หนึ่งชื่อว่า "Loudcloud"
นับเป็นประสบการณ์ที่ต้องฝ่าฟันปัญหามากมาย ทั้งจากคู่แข่ง และจากฟองสบู่ใหญ่อย่าง "ฟองสบู่ดอทคอม"
สิ่งที่เขาถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ของเขา สรุปข้อคิดเกี่ยวกับวิธีฝ่าฟันวิฤตของผู้นำ 3 ข้อ ดังนี้
.
1.ค้นหาจุดที่เป็นสาเหตุ และรีบแก้ไขมัน ไม่ว่าจะเป็นท่าพิสดารก็ตาม
.
ครั้งหนึ่งขณะที่เขาบริหาร Loudcloud เป็บบริษัทเกี่ยวกับจัดการ Cloud
ทั้งลูกค้า Partner ต่างพากันยกเลิกสัญญาบริการของเขา เนื่องจากวิกฤต Dotcom (Nasdaq จาก 5,000จุด เหลือ 1,200จุด)
ทำให้ Loudcloud ขาดรายได้ได้อย่างมหาศาล ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ขณะนั้นหุ้นของ Loudcloud ร่วงอย่างรุนแรงจาก 6$ เหลือ 0.35$
และกำลังจะถูก Nasdaq list ให้ไปอยู่ในหุ้นกลุ่ม Penny
.
Ben รู้ว่าหากถูก list ให้อยู่ในกลุ่ม Penny บริษัทต้องแย่แน่ๆ
จึงหาหนทางทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนกลับคืนมาโดย
"ขายบริษัทออกไปให้กับผู้ที่มีความจำเป็นและมีกำลังซื้อ"
.
หลังจากทีมงานใช้ความพยายามอยู่นาน จนเจอบริษัทหนึ่ง ชื่อ "EDS"
ตกลงซื้อ-ขายและเซ็นสัญญาเรียบร้อย
หลังจากเหตุการณ์นั้น ทำให้หุ้นของ Louncloud กลับไปราคา 7$ อีกครั้ง
ทำให้ Loudcloud พ้นจากวิฤตไปอย่างเฉียดฉิว
.
แต่..บนหนทางของ Tech Company ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่น
.
ต่อมา..หลังจากนั้นไม่นาน ทาง EDS พบปัญหาจากบริการต่างๆ มากมายของ Loudcloud
เนื่องจาก EDS เป็น Tech Company ที่โบราณมาก อุปกรณ์ network ต่างๆ ไม่เหมาะกับของ Loudcloud
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทาง EDS ไม่พอใจมากและขู่จะยกเลิกสัญญากับ Loudcloud
ทำให้ Ben ต้องหาวิธีแก้เกมกลับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ภายใน 60 วัน
มิเช่นนั้น Loudcloud ถูกเผาจริงแน่ !!!
.
การหาวิธีแก้เกมแบบนี้ ถ้าเป็นกลยุทธ์แบบธรรมดา
อาจจะมองเพียงว่า ให้ Loudcloud ปรับระบบให้ตรงกับ EDS ก็จบเรื่อง..
.
แต่ปัญหามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เพราะหากปรับระบบให้เหมาะสมกับ EDS แล้ว ต้องใช้เวลาปรับปรุงเกินกว่า 60 วัน
ถ้าภายใน 60 วัน ไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จได้ EDS จะฉีกสัญญากับ Loudcloud
Loudcloud จะต้องจบเห่แน่นอน
.
Ben จึงให้ทีมงาน ไปสืบมาว่า "EDS อยากได้อะไร" "อะไรที่จะทำให้ EDS ไม่อยากฉีกสัญญากับ Loudcloud"
ส่วนอีกทีมหนึ่ง ก็ไปปรับปรุงระบบต่อ พร้อมทั้งเร่งมือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
.
หากมองในมุมนี้ ถือว่า Ben ใช้กลยุทธ์ที่น่าสนใจทีเดียวคือ
รู้ชัดว่า ทำตรงนี้ไม่สำเร็จแน่ ต้องหาทางออกอื่น แม้มันจะเป็นวิธีที่พิสดารก็ตาม
ส่วนทีมงานบางคนกลับต่อต้าน Ben และแนะนำวิธีอื่นที่คิดว่าดีกว่า พร้อมทั้งไม่เชื่อว่าแผนของ Ben จะทำสำเร็จ
.
เมื่อเวลาผ่านไปหลายวัน เสียงโทรศัพท์จากสวรรค์ก็ดังขึ้น
"Ben ผมรู้แล้วว่า EDS ต้องการอะไร"
เสียงจากทีมงานที่สืบความลับของ EDS ดังขึ้น ราวกับปาฎิหาริย์
.
หลังสายโทรศัพท์นั้น Ben จึงได้รับรู้ว่า
สิ่งที่ EDS ต้องการคือ บริการของบริษัทหนึ่งชื่อว่า Tangram เป็นบริษัทเทคเล็กๆแห่งหนึ่ง
เขาจึงตัดสินใจศึกษาและดูว่าจะสามารถซื้อบริษัทนี้ได้หรือไม่ ?
.
แม้ราคาของ Tangram ไม่ได้ราคาสูงมาก
แต่ในวิกฤตที่ Loudcloud ต้องเจอนั้น การตัดสินใจใช้จ่ายสิ่งต่างๆ ดูเป็นเรื่องยากไปหมด
Ben ได้ลองปรึกษาทีมงานว่า พวกเขาเห็นด้วยกับการ ซื้อ Tangram หรือไม่ ?
ส่วนใหญ่บอกว่า "ไม่เห็นด้วย" พร้อมต่อต้านและแนะนำวิธีอื่น
.
การตัดสินใจในครั้งนี้ จึงเป็นความรับผิดชอบของ Ben แต่เพียงผู้เดียว
เรียกได้ว่า ความกดดันทั้งหมดตกมาที่ตัวของเขาจนเกินจะรับไหว...
.
อย่างไรก็ตาม ความเป็นผู้นำของ Ben ที่นึกถึงผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทจึงตัดสินใจว่า..
"จะซื้อ Tangram เพื่อจะดีลกับ EDS ให้สำเร็จ"
เพราะไม่มีเวลามาหาทางใหม่ ทั้งพนักงานและทรัพยากรต่างๆ ก็คงไม่พร้อมจะปรับแผนใหม่แล้ว
การไปให้สุดคงจะเป็นหนทางที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุด
.
การตัดสินใจครั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อ Loudcloud อย่างไร ?
Ben Horowitz จะแก้เกมได้หรือไม่ ?
มาติดตามต่อใน Part ต่อไปนะครับ
.
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความนี้จนจบ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน
ถ้าชอบผลงาน ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
เจอกันใหม่บทความหน้า..
ที่มา: หนังสือ The Hard Thing About Hard Things
#รีวิวหนังสือ #TheHardThingAboutHardThings #TheHardThingAboutHardThingsรีวิว
โฆษณา