18 พ.ค. 2022 เวลา 03:00 • สุขภาพ
ทุเรียน ผลไม้เปลือกเป็นหนาม มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งเวลาที่แกะออกมาแล้วเจอเนื้อสีเหลืองทองที่ดูนุ่มละมุนลิ้นแล้ว ไม่ว่าใครก็อดใจไม่ไหวที่อยากจะลองลิ้มชิมรส ทำให้ทุเรียนขึ้นชื่อว่าเป็นราชาผลไม้ไทยที่ดังไปไกลถึงต่างแดน ซึ่งความอร่อยของทุเรียนจะมีให้เราได้กินเฉพาะช่วงฤดูกาลเท่านั้น ทำให้มีความต้องการในตลาดสูง และราคาขยับขึ้นในทุกปีตามสายพันธุ์และขนาด
แม้ทุเรียนจะอร่อยแค่ไหน แต่ถ้ากินมากไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นเหล่า fc ของทุเรียนทุกคน รู้หรือไม่ว่าราชาผลไม้อย่างทุเรียน มีสารอาหารอะไรที่ให้ประโยชน์กับร่างกายซ่อนอยู่บ้าง และหากกินมากไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร วันนี้จะพาไปล้วงลึกข้อมูลของทุเรียนกัน
📍 ทุเรียน มีสารอาหารอะไรบ้าง ?
ทุเรียนคือราชาผลไม้ของไทย ทำให้ผลไม้ชนิดนี้เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน แต่นอกจากความอร่อยที่เราได้รับแล้ว ในเนื้อเหลืองอวบที่น่ากินของทุเรียนนั้นก็ยังมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์และโทษกับร่างกายของเราดังนี้
◾️ แป้งหรือคาร์โบไฮเดรต : เป็นส่วนประกอบที่มากที่สุดในเนื้อของทุเรียน คาร์โบไฮเดรตนี้เองที่มีผลให้คุณเกิดโรคอ้วนได้ง่าย เพราะฉะนั้น จำเป็นจะต้องควบคุมปริมาณการบริโภคให้ไม่มากจนเกินไป
◾️ ไขมัน : เป็นส่วนประกอบที่มีอยู่ในปริมาณไม่มากเท่ากับแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ดังนั้นควรระวังหากกินมากไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ทั้งความอ้วน เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง
◾️ วิตามินอี กำมะถันหรือซัลเฟอร์ : มีผลต่อการขับถ่ายหรือการระบายของเสียออกจากร่างกาย
◾️ สารต้านอนุมูลอิสระ Quercetin : สารตัวนี้เป็นสารตัวเดียวกันกับที่พบในหอมหัวใหญ่และองุ่น และจะพบได้มากในทุเรียนที่กำลังสุกงอม กลไกการทำงานของสารนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะช่วยให้เอ็นไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น
📍 ทุเรียน กินแค่ไหนถึงพอดี
จากที่กล่าวไปแล้วว่า ทุเรียนถือว่าเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตและพลังงานสูง หากกินมากไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งข้อมูลจากกรมอนามัยเผยว่า ทุเรียน 1 เม็ดขนาดกลาง (40 กรัม) ให้น้ำตาล 18 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี่ เทียบได้กับข้าวสวยเกือบ 1 ทัพพี (ข้าว 1 ทัพพี = 80 กิโลแคลอรี่)
หากใครที่กำลังฟินกินไม่ยั้งเช่น ครั้งละ 4-6 เม็ด ก็จะได้รับพลังงานไปเกือบ 400 กิโลแคลอรี่ เทียบเท่ากับดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง หรือกินข้าวถึง 5 ทัพพีเลยทีเดียว
ดังนั้นสำหรับใครที่ชื่นชอบรสชาติหอมหวานของทุเรียน ควรกินให้เหมาะสมแนะนำให้กินเพียง 1-2 เม็ดต่อวัน ไม่ควรกินบ่อย เพราะจะทำให้เจ็บคอ ร้อนใน ที่สำคัญคือ ทุเรียนมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง กินมากไปอาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกายส่งผลให้อ้วนได้
📍 ทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ ให้พลังงานเท่าไหร่
เนื่องจากทุเรียนมีหลายสายพันธุ์ ทำให้ความชอบของแต่ละคนแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนกินลองมาเช็กกันหน่อยว่าทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ที่เราชื่นชอบ ให้พลังงานเท่าไหร่กันบ้าง เพราะทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ให้พลังงานไม่เท่ากัน
หากเทียบน้ำหนัก 1 ขีด ทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ให้พลังงาน ดังนี้
◾️ ทุเรียนก้านยาว ให้พลังงาน 180 กิโลแคลอรี่
◾️ ทุเรียนลวง ให้พลังงาน 157 กิโลแคลอรี่
◾️ ทุเรียนหมอนทอง ให้พลังงาน 156 กิโลแคลอรี่
◾️ ทุเรียนชะนี ให้พลังงาน 139 กิโลแคลอรี่
◾️ ทุเรียนกระดุม ให้พลังงาน 129 กิโลแคลอรี่
📍 ทุเรียน กินเวลาไหนดีที่สุด
รู้พลังงานของทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ไปแล้ว ใครที่หลงใหลในรสชาติของทุเรียนต้องรู้ด้วยนะว่าควรกินเวลาไหนจึงเหมาะสมกับร่างกายที่สุด เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ให้พลังงานสูง ดังนั้นจึงแนะนำว่า "ไม่ควร" กินทุเรียนตอนเย็น หรือ ตอนค่ำ เพราะเป็นช่วงก่อนที่จะเข้านอน ทำให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงานที่เราได้รับจากทุเรียนไป
ส่วนช่วงเวลาเหมาะสมที่แนะนำในการกินทุเรียน คือ เวลาเช้า หรือเวลากลางวัน หลังอาหาร เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายได้ใช้พลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้พลังงานที่ได้รับจากทุเรียนถูกเผาผลาญและนำไปใช้จนหมด และที่สำคัญเมื่อกินทุเรียนแล้วควรจะงดกินข้าว ข้าวเหนียว หรืออาหารให้พลังงานสูง รวมถึงงดอาหารหวาน เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณอาหารที่เหมาะสม
📍 ข้อควรระวัง กินทุเรียนกับอะไรได้บ้าง
เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อนและให้พลังงานสูง ดังนั้นก่อนกินทุเรียนเราควรรู้ว่าทุเรียนควรกินและไม่ควรกินกับอะไรบ้าง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจส่งผลต่อร่างกาย ดังนี้
◾️ ไม่ควรกินทุเรียนกับเหล้า
รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้ให้พลังงานสูง ส่วนทุเรียนก็มีปริมาณน้ำตาลสูง เมื่อกินพร้อมกันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ร่างกายจึงเกิดความร้อนสูงกว่าปกติ
◾️ ไม่ควรกินทุเรียนกับน้ำอัดลม
เพราะเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลมาก เมื่อกินคู่กับทุเรียนที่มีน้ำตาล และแคลอรี่สูงมากเช่นกัน จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ อาจทำให้รู้สึกร้อนในได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ต้องระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการกินทุเรียนกับน้ำอัดลม
◾️ กินทุเรียนตอนท้องว่าง
สามารถกินทุเรียนตอนท้องว่างได้ เนื่องจากทุเรียนมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เยอะจนเกินไป และตามด้วยน้ำเปล่าสะอาด จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน
◾️ กินทุเรียนกับน้ำเปล่า
เมื่อกินทุเรียนเข้าไปในปริมาณเยอะ อาจทำให้หลายคนรู้สึกร้อนใน การดื่มน้ำเปล่าสะอาดจึงมีประโยชน์ และถือเป็นวิธีแก้ร้อนในหลังจากกินทุเรียนได้ดี
📍 กินทุเรียนอย่างไร ห่างไกลความอ้วน
ของอร่อยมักมาพร้อมกับความอ้วนเสมอ โดยเฉพาะทุเรียนที่แม้เราจะรู้ว่ามาพร้อมพลังงานสูงปรี๊ด แต่ด้วยความอร่อย หอม หวาน ทำให้ยากเกินจะห้ามใจไม่ให้กิน ดังนั้นหากอยากกินของอร่อยต้องกินให้พอเหมาะ ดังนี้
◾️ ถ้ากินทุเรียนไปแล้วควรลดอาหารมื้อหลักประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ให้น้อยลง เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือลดข้าวให้น้อยลง
◾️ หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มันจัด หวานจัด ในวันที่กินทุเรียน
◾️ ไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนบ่อย เนื่องจากมีความหวานมัน
◾️ กินมังคุดร่วมกับทุเรียนได้ เพราะในมังคุดมีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนใน และยังมีน้ำในปริมาณมาก การกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันได้ดี
◾️ ระมัดระวังการกินทุเรียนแปรรูป เช่น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด ทุเรียนเผา เป็นต้น เนื่องจากมีน้ำตาลสูงมากกว่าทุเรียนสด
◾️ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินที่ได้จากการกินทุเรียน
◾️ กินทุเรียนปริมาณพอดี คือ ไม่ควรเกิน 2 เม็ด ต่อครั้งในแต่ละวัน
◾️ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด สามารถกินทุเรียนได้แต่ต้องมีปริมาณน้อยกว่าคนทั่วไป
◾️ อย่ากินน้ำอัดลมหรือกาแฟตาม เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท และมีความหวาน
ควรดื่มน้ำตามเยอะ ๆ หลังกินทุเรียน เพื่อลดความร้อนในร่างกาย
ใครที่โปรดปรานทุเรียนคงหมดสงสัยกันแล้วว่า ในทุเรียนนั้นให้พลังงานกับเราอย่างไร และควรกินแค่ไหนเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะถ้าเรากินแบบพอดีก็จะได้ประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถ้ากินมากเกินไปก็จะไม่ดีต่อสุขภาพ
ดังนั้นอย่าให้ผลไม้ที่เราชอบกินย้อนกลับมาทำลายสุขภาพของเราได้ ดูแลสุขภาพในการกินกันไปแล้วอย่าลืมดูแลในเรื่องสุขภาพกันด้วย ด้วยการซื้อประกันสุขภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังมีสุขภาพดีแข็งแรง รวมไปถึงการตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำทุกปี หรือสามารถเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจด้วยการซื้อประกันสุขภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังแข็งแรง มีสุขภาพดี หากมีแล้วจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
📌 เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต
รายละเอียดเพิ่มเติม bit.ly/3vFQnLk
☑️ โทร 1766
☑️ ติดต่อสาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
Whatever’s Next, MTL’s NEXT to You
พร้อมพัฒนาในทุกด้าน เพื่อก้าวเดินไปพร้อมคุณ
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 11/05/65
🔖xtend bit.ly/3l4dvP8
🔖 thairath (ข้อมูล ณ วันที่ 12/05/64) bit.ly/3w9uvd3
🔖 thansettakij (ข้อมูล ณ วันที่ 01/05/65) bit.ly/3wnWAMI
🔖 tnnthailand (ข้อมูล ณ วันที่ 02/05/65) bit.ly/3FEJY84
🔖 thairath (ข้อมูล ณ วันที่ 05/05/65) bit.ly/3N9fpdk
ติดตามสาระดี ๆ และข่าวสารน่ารู้จากเมืองไทยประกันชีวิต ได้ที่
- Facebook: @muangthailife
- Twitter: @MuangThaiLife
- IG: @muangthailife
- Blockdit: muangthailife
โฆษณา