17 พ.ค. 2022 เวลา 11:51 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Fundamental Textile
กระบวนการทางสิ่งทอ
(Textile Process)
ประกอบด้วย อุตสาหกรรมต้นน้ำ อุตสาหกรรมกลางน้ำ และอุตสาหกรรมปลายน้ำ ซึ่งอุตสาหกรรมต้นน้ำจะแบ่งออกเป็น อุตสาหกรรมผลิตเส้นใยกึ่งธรรมชาติและเส้นใยประดิษฐ์ รวมถึง ภาคเกษตรกรรมที่ทำหน้าที่ผลิตเส้นใยธรรมชาติ ส่วนอุตสาหกรรมกลางน้ำถูกแบ่งออกได้เป็น อุตสาหกรรมปั่นด้ายที่ให้ผลผลิตเป็น “เส้นใย” อุตสาหกรรมทอ/ถักผ้าที่ให้ผลผลิตเป็น “เส้นด้าย”
และอุตสาหกรรมฟอกย้อมพิมพ์ตกแต่งสำเร็จ ที่ให้ผลผลิตเป็น “ผ้าผืน” สุดท้ายอุตสาหกรรมปลายน้ำที่แบ่งได้เป็น อุตสาหกรรม Home Textiles อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มสำเร็จรูป อุตสาหกรรมสิ่งทอทางเทคนิค
ทั้งนี้เมื่อได้ผลผลิตตามความต้องการของลูกค้าแล้ว ภาคการค้าก็จะกระจายสินค้าสิ่งทอให้กับ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก ทั้งในและนอกประเทศอีกต่อไป
เส้นใย (Textile Fibres)
เส้นใยสิ่งทอต้องมีความยาวของตัวเส้นใยมากกว่าความกว้างหลายร้อยเท่าตัว เป็นองค์ประกอบที่เล็กที่สุดของผ้า แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เส้นใยธรรมชาติ (Natural Fibres) และเส้นใยประดิษฐ์ (Man-made Fibres)
เส้นใยธรรมชาติ แบ่งเป็น 1. เส้นใยจากพืช เช่น ฝ้าย นุ่น ลินิน 2. เส้นใยจากสัตว์ เช่น ขนสัตว์ ไหม 3. เส้นใยจากแร่ เช่นใยหิน เป็นเส้นใยที่ได้จากสินแร่ มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีชนิดต่างๆ ไม่นำไฟฟ้า ทนต่อความร้อนสูงๆได้ จึงนิยมนำมาทำเสื้อผ้าชุดดับเพลิง กระเบื้องยาง ม่านเวที
เส้นใยประดิษฐ์ แบ่งเป็น 1. โพลิเมอร์ธรรมชาติ เช่น วิสโคส, acetate & triacetate 2. โพลิเมอร์สังเคราะห์ เช่น polyester, polyamide, acrylic, spandex 3. เส้นใยอนินทรีย์ เช่น ใยแก้ว ใยโลหะ ใยคาร์บอน reinforce plastic
ขนาดของเส้นใยมีผลต่อการใช้งานและสมบัติทางผิวสัมผัส เส้นใยที่มีขนาดใหญ่จะให้ความรู้สึกที่หยาบและแข็งของเนื้อผ้าแต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความแข็งแรงมากกว่าเมื่อเทียบกับเส้นใยชนิดเดียวกันที่มีขนาดเล็กกว่า ผ้าที่ทำจากเส้นใยที่มีขนาดเล็กหรือมีความละเอียดก็จะให้ความนุ่มต่อสัมผัส และจัดเข้ารูป (drape) ได้ง่ายกว่า
เส้นด้าย (Textile Yarns)
มีลักษณะเป็นเส้นยาวที่ประกอบขึ้นจากเส้นใยหลายๆเส้นรวมกัน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือด้ายจากเส้นใยสั้น (spun yarns) และด้ายจากเส้นใยยาว (filament yarns)
ด้ายจากเส้นใยสั้น ประกอบด้วยเส้นใยสั้นที่ขึ้นเกลียว เพื่อให้เกิดการยึดติดกัน ผิวมักจะไม่เรียบ เพราะมีปลายของเส้นใยโผล่ออกมา เช่น ด้ายฝ้าย ด้ายขนสัตว์ ด้ายลินิน
ด้ายจากเส้นใยยาว ประกอบด้วยเส้นใยยาวที่รวมเป็นกลุ่ม โดยมีการขึ้นเกลียวเพียงเล็กน้อย เช่น ด้ายโพลีเอสเทอร์ฟิลาเมนท์ เส้นไหม
ผ้าผืน (Textile Fabrics)
คือวัสดุที่มีลักษณะเป็นแผ่นแบน สามารถผลิตจากสารละลาย เส้นใย เส้นด้าย หรือวัสดุพื้นฐานเหล่านี้รวมกัน แบ่งเป็น ผ้าทอ (Woven Fabrics), ผ้าถัก (Knitted Fabrics) & ผ้านอนวูฟเว่น (Nonwoven Fabrics)
ผ้าทอ เกิดจากการนำเส้นด้าย 2 กลุ่มมาขัดสานกัน ทอจัดในแนวตั้งฉากซึ่งกันและกัน และจุดที่เส้นทั้งสองสอดประสานกัน จะเป็นจุดที่เส้นด้ายเปลี่ยนตำแหน่งจากด้านหนึ่งของผ้าไปด้านตรงข้าม
ผ้าถัก เกิดจากการทอผ้าในลักษณะใช้เข็มถัก เพื่อให้เกิดเป็นห่วงของด้ายที่มีการสอดขัดกัน การยืดตัวของผ้าถักจะทำได้ดีกว่าผ้าทอ
ผ้านอนวูฟเว่น ผลิตจากกระบวนการนำเส้นใยมาทำเป็นผืนผ้าโดยไม่ต้องผ่าน กระบวนการปั่นด้ายมาก่อน
การฟอกย้อมตกแต่ง (Textile Finishing)
คือกระบวนการที่กระทำกับวัสดุสิ่งทอ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะที่ปรากฏต่อสายตาและความรู้สึกจากการสัมผัส โดยช่วยเพิ่มคุณสมบัติเพื่อประโยชน์ของการนำไปใช้ ที่มีทั้งชนิดให้ผลชั่วคราวและถาวร
กระบวนการฟอกย้อม มีขั้นตอน คือ การเตรียมผ้าก่อนย้อม ได้แก่ การเผาขน การกำจัดแป้ง การทำความสะอาด การฟอกขาว และการทำปฏิกิริยากับด่าง
กระบวนการทำผ้าให้เกิดสี ที่มีวัตถุประสงค์หลัก คือ ได้เฉดสีตามต้องการ มีสีเรียบสม่ำเสมอ และมีความคงทนต่อการใช้งาน
การตกแต่งสำเร็จสิ่งทอ คือการนำสิ่งทอมาปรับแต่ง เพื่อให้มีคุณสมบัติตามต้องการ มี 3 วิธี คือ Chemical Finishing, Biological Finishing & Physical Finishing เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ของการสัมผัส (touch) เช่น การตกแต่งให้นุ่ม หรือแข็ง, มอง (look) เช่น การตกแต่งให้ดูเก่า มันเงา และได้ประโยชน์ใช้สอยที่ให้คุณลักษณะพิเศษ (function) เช่น การตกแต่งกันกลิ่นอับ การตกแต่งกันเชื้อรา ไรฝุ่น แสงยูวี ฯลฯ
โฆษณา