18 พ.ค. 2022 เวลา 04:49 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📌นักลงทุนต้องรู้ ! DW เครื่องมือที่ทำให้บางคนได้กำไร แม้อยู่ในตลาดแดง
ช่วงนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โอกาสทำกำไรหายากขึ้นมาก นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องเครียดจากการขาดทุนอย่างหนัก แต่กลับมีนักลงทุนหลายคนที่ทำกำไรได้เยอะมากกว่า 100% ในตลาดขาลงแบบนี้ จากผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่าง Derivative Warrants (DW) ที่สามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
แม้นักลงทุนหลายท่านจะยังกังวล แต่ถ้าเข้าใจเครื่องมือนี้แล้วจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนได้อีกมากมาย บทความนี้จึงขอพาไปทำความเข้าใจกับ Derivative Warrants (DW) กันครับ
📌Derivative Warrants (DW) คืออะไร
คือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์เป็นสัญญาที่อ้างอิงกับหลักทรัพย์ โดยผู้ออก DW ให้สิทธิกับผู้ถือ DW ซื้อหรือขายหลักทรัพย์อ้างอิงที่ราคาใช้สิทธิ จำนวนหรืออัตราใช้สิทธิ และมีระยะเวลาใช้สิทธิ
ส่วนใหญ่ผู้ออก DW จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งจะต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีหน้าที่กำหนดสิทธิของ DW ไม่ว่าจะเป็นราคาใช้สิทธิ อัตราใช้สิทธิ ระยะเวลาใช้สิทธิ การปรับราคาและระยะเวลาใช้สิทธิ และการดูแลสภาพคล่อง
📌ประเภทของ DW
Derivative Warrants (DW) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
👉🏻 Call DW คือ สิทธิในการซื้อหลักทรัพย์อ้างอิงในอนาคต เหมาะสำหรับใช้เพื่อสร้างผลตอบแทนเมื่อคาดว่าราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวขึ้น
👉🏻 Put DW คือ สิทธิในการขายหลักทรัพย์อ้างอิงในอนาคต เหมาะสำหรับใช้เพื่อสร้างผลตอบแทนเมื่อคาดว่าราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวลง
📌สัญลักษณ์ของ DW
U คือ ชื่อย่อหุ้น ดัชนี หรือหลักทรัพย์อ้างอิงที่ใช้อ้างอิง
I คือ หมายเลขของผู้ออก DW
C คือ ประเภทของ DW โดย C คือ Call DW และ P คือ Put DW
YM คือ ปีและเดือนที่ซื้อขายวันสุดท้าย
A คือ รุ่นของ DW เรียงจาก A ถึง Z
เช่น ADVA41C2108A
ADVA เป็นชื่อย่อของหุ้น ADVANC ที่ใช้อ้างอิง
41 คือ J.P. Morgan เป็นผู้ออก DW
C คือ Call DW
2108 คือ ซื้อขายจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ปี 2021 เป็นวันสุดท้าย
A คือ รุ่นของ DW
📌มูลค่าของ DW
แบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย
👉🏻 มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) เท่ากับส่วนต่างระหว่างราคาใช้สิทธิกับราคาหลักทรัพย์อ้างอิง
DW มี 3 สถานะ คือ
In-the-money สำหรับ Call DW เมื่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงสูงกว่าราคาใช้สิทธิ และ Put DW เมื่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ
Out-the-money สำหรับ Call DW เมื่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ และ Put DW เมื่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงสูงกว่าราคาใช้สิทธิ
และ At-the-money สำหรับทั้ง Call DW และ Put DW เมื่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงเท่ากับราคาใช้สิทธิ
👉🏻 มูลค่าทางเวลา (Time Value) เป็นมูลค่าจากเวลาที่เหลืออยู่ ถ้าเวลาเหลือมากโอกาสใช้สิทธิก็มาก มูลค่าทางเวลาจึงสูง โดยมูลค่าทางเวลาจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป (Time Decay)
📌ปัจจัยที่มีผลต่อราคา DW
👉🏻 ราคาของหลักทรัพย์อ้างอิง
ราคาของ Call DW ปรับตัวขึ้นและลงตามราคาของหลักทรัพย์อ้างอิง ราคาของ Put DW ปรับตัวขึ้นและลงสวนทางกับราคาของหลักทรัพย์อ้างอิง
👉🏻 ราคาใช้สิทธิ
ถูกกำหนดตั้งแต่มีการออก DW รุ่นนั้น ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อราคา DW แต่จะส่งผลต่อระดับราคาของ DW เมื่อมีการเปรียบเทียบกัน
โดย Call DW รุ่นที่มีราคาใช้สิทธิสูงจะมีราคา DW ต่ำกว่า Call DW รุ่นที่มีราคาใช้สิทธิต่ำ ส่วน Put DW รุ่นที่มีราคาใช้สิทธิสูงจะมีราคา DW สูงกว่า Put DW รุ่นที่มีราคาใช้สิทธิต่ำ เพราะจะทำให้ ณ วันครบอายุทั้ง Call DW หรือ Put DW มีโอกาสที่ราคา DW จะมีสถานะ In-the-money ได้มากกว่า
👉🏻 ความผันผวนของราคาหลักทรัพย์อ้างอิง
ยิ่งราคาสินทรัพย์อ้างอิงผันผวนมาก ราคาทั้ง Call DW และ Put DW ก็ยิ่งสูงขึ้น เพราะมีโอกาสที่ราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงหรือต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ ทำให้ราคา DW มีโอกาสอยู่ในสถานะ In-the-money มากขึ้น
👉🏻 อายุคงเหลือ
เมื่ออายุคงเหลือลดลงส่งผลให้ราคาทั้ง Call DW และ Put DW ลดลง ราคาที่ลดลงนี้เป็นส่วนของมูลค่าทางเวลาและเรียกว่า Time Decay
👉🏻 อัตราดอกเบี้ย
การซื้อ Call DW ใช้เงินน้อยกว่าซื้อสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยคือค่าเสียโอกาส เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงหันมาซื้อ Call DW มากขึ้นแทนที่จะซื้อสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคา Call DW ก็เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยลดลง ราคา Call DW จะลดลง ส่วน Put DW ได้รับผลในทางตรงกันข้ามกับ Call DW เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น การประเมินราคาใช้สิทธิแบบคิดลด (DCF Model) ในปัจจุบันจะลดลง
👉🏻 การจ่ายปันผลของสินทรัพย์อ้างอิง
เมื่อสินทรัพย์อ้างอิงปันผล ราคาก็จะลดลง ทำให้ราคา Call DW ลดลงเช่นกัน ส่วน Put DW ก็จะปรับตัวขึ้นสวนทาง ในทางปฏิบัติผู้ออก DW จะโอนผลประโยชน์จากการปันผลคืนผู้ถือ DW เช่น ปรับราคาใช้สิทธิ Call DW ลงและปรับอัตราการใช้สิทธิเพิ่มขึ้น
📌ประโยชน์ของ DW
👉🏻 ราคาของ DW มีการเปลี่ยนแปลงสูงกว่าสินทรัพย์อ้างอิง เรียกสิ่งนี้ว่า “อัตราทด” (Gearing) เช่น Call DW มีอัตราทด 5 เท่า หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงขึ้น 2% ราคา Call DW จะขึ้น 10%
👉🏻 DW เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
👉🏻 ทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง เพราะมีทั้ง Call DW และ Put DW
👉🏻 จำกัดการขาดทุนได้เท่ากับมูลค่าที่ลงทุน DW ไม่ต้องวางหลักประกัน (Margin) และไม่มีการเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call)
📌ความเสี่ยงจากการลงทุน DW
👉🏻 มีโอกาสที่ราคา DW จะไม่เคลื่อนไหวไปตามทฤษฎี เนื่องจากอาจเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องของสินทรัพย์อ้างอิง และปริมาณการซื้อขาย DW
👉🏻 DW มีอายุจำกัด และราคาปรับลดลงแม้ราคาสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลงจากการที่มี Time Decay ดังนั้นจึงไม่ควรซื้อแบบถัวเฉลี่ย
👉🏻 การมี Gearing ทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น ในทางกลับกันก็ทำให้มีความผันผวนมากกว่าสินทรัพย์อ้างอิงเช่นกัน
ในตลาดที่ผันผวนแบบนี้ DW เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณยังสามารถทำกำไร และบาลานซ์พอร์ตจากการขาดทุนได้ แทนที่จะเทรดในตลาดปกติ
แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่สูง โดยเฉพาะเมื่อนักลงทุนมีความรู้ไม่มากพอ ซึ่งหลักในการเทรด DW เราสามารถนำ Technical analysis มาใช้ได้เหมือนกับการเทรดหุ้นเลยครับ แต่ DW จะมีลูกเล่นในการทำกำไรทั้งขาขึ้นและลง และสามารถทำกำไรได้ในเครื่องมืออย่างมือถือและแท็บเล็ต โดยที่ประสิทธิภาพไม่ต่างจากการเทรดในคอมพิวเตอร์เลย
ศึกษาการลงทุน DW ด้วยโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว ก็สามารถทำกำไรได้ทุกที่ทุกเวลา และทุกตลาด
กับ #คอร์สออนไลน์ ทำกำไร DW ง่าย ๆ ด้วยมือถือเครื่องเดียว
กับ อ.บอย ธนภัทร ดวงจิตร (Boy DW Trader)
สมัครตอนนี้คุ้มที่สุด
🔥เพียง 3,590 บาท (ปกติ 3,990 บาท)
ถึง 2 มิ.ย. 65 เท่านั้น
แถมฟรี ! เคล็ดลับทำกำไรสไตล์ อ.บอย
📉เทคนิคลับทำแผน call ช่วงตลาดเปิด
📉เทคนิคพิเศษกินรอบ put หุ้นหลุดระหว่างวัน
📍คลิกเลย : https://skl.website/3sryC26
โฆษณา