หลายต่อหลายท่านที่เป็นนักลงทุนมือฉบัง จะคุ้นเคยกับคำว่า "Yield" เป็นอย่างดี เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัย และตัวแปรในการประกอบการตัดสินไม่น้อยไปกว่า ค่าเงิน ดอกเบี้ย หรือแม้แต่ ค่า Capital Gain
พูดกันง่ายๆให้เข้าใจสำหรับนักลงทุนรายใหม่ หรือผู้ที่กำลังหันมาเริ่มสนใจการลงทุน ว่า "Yield" คืออะไร ?
"Yield" คือ ผลตอบแทน ของสินทรัพย์ เป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดหวัง เป็นตัวเลขที่บอกว่าหากคุณลงทุนในจำนวนเงินเท่านี้ คุณจะได้ผลตอบแทนกลับมาเท่าไร โดยในแต่ละสินทรัพย์จะมีผลตอบแทนของ Yield ทั้งชื่อและลักษณะของผลตอบแทนแตกต่างกัน
เช่น หากลงทุนในรูปแบบหุ้น จะให้ผลตอบแทนแบบ "ปันผล"
หากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จะให้ผลตอบแทนแบบ "ค่าเช่า"
การคำนวณค่า Yield แบบเข้าใจง่าย คือ การหาอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่นักลงทุนจะได้รับ
Yield = (ผลตอบแทนที่ได้รับ / ราคาของสินทรัพย์) X 100
แต่ให้ทำความเข้าใจด้วยว่า คำจำกัดความของ Yield มี 2 ประเภท
1. Rental Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า
มาจากการคิดคำนวณต้นทุนราคาห้องชุดที่ซื้อและค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับจากการปล่อยเช่าคอนโด ซึ่งทำให้นักลงทุนรู้ถึงจำนวนผลตอบแทนที่ได้ตลอดปี
2. Yield Guarantee คือ การการันตีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าโดยผู้ประกอบการ
พูดง่ายๆคือกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ทางผู้ประกอบการได้กำหนดผลประโยชน์เป็นตัวเลขและเวลาที่ชัดเจน เพื่อคืนให้กับผู้ซื้อหรือนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการถือครองห้องชุด ทำให้มีความมั่นใจต่อการลงทุน มักพบในทำเลที่มีปริมาณความต้องการเช่ามากกว่าซื้ออยู่เอง ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจการลงทุน ควรศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อนการตัดสินใจ และตรงตามจุดประสงค์ของผู้ที่ต้องการลงทุนนั้นๆ ว่าต้องการลงทุนเพื่ออะไร ?
เคล็ดลับ พร้อมบอกต่อ
>> Yield ที่เป็นมิตรต่อการลงทุน
จำนวนเปอร์เซนต์ของ Yield ยิ่งมาก ยิ่งดีต่อการลงทุน เพราะนั้นบอกถึงระดับผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ ส่วนใหญ่แล้วในวงการลงทุนอสังหาฯ จะเลือกโครงการที่จะลงทุนต้องมีอัตราผลตอบแทน (Yield) อยู่ที่ 6-8% หรือเรียกง่ายๆ ควรสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 2% เพื่อไม่ให้เป็นภาระในอนาคต
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
