27 พ.ค. 2022 เวลา 02:00 • บ้าน & สวน
พาไปส่องบ้านชั้นเดียวสีขาว ของคุณบาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับภาพยนตร์ฉลาดเกมส์โกงและ One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาและอยู่ในความรู้สึกของบ้านชายทะเล โดยนำบรรยากาศแบบปาล์มสปริงที่มีมู้ดของสไตล์ Mid-century Modern เน้นรูปฟอร์มเรขาคณิตอันเรียบง่ายผสมไปกับความอบอุ่นของงานไม้แบบเอิร์ธโทนมาตกแต่ง
1
ความทรงจำและประสบการณ์จากช่วงชีวิตที่เติบโตมาไม่เพียงจะกลายเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำบทหนังดีๆ ให้ คุณบาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับภาพยนตร์ One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ ที่พูดถึงความพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตก่อนต้องจากโลกนี้ไป หากยังกลายเป็นโจทย์หลักที่นำพาไปสู่การมี บ้านสีขาว ริมทะเล สไตล์ Mid-century Modern ที่หัวหินหลังนี้ ซึ่งเขาตั้งใจตกแต่งด้วยตัวเองทั้งหมด
“มันมาจากความรู้สึกที่อยู่ในใจตั้งแต่เด็กว่าครอบครัวเราโตมาในบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่เล็กมากราวๆ 20 ตารางวาแต่อยู่กันร่วม 6 คน สิ่งที่ติดอยู่ในใจมาตลอดคือพ่อกับแม่อยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ ไว้อยู่ด้วยกัน
"พอมาถึงวันหนึ่งผมเลยคิดอยากสร้างบ้านต่างจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก เพราะด้วยงบประมาณที่มีคงยากที่จะสร้างบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ ก็เลยคิดถึงหัวหินซึ่งเป็นเมืองที่เราชอบตั้งแต่วัยรุ่นและมีภาพความทรงจำที่พ่อแม่ขับรถพามาเที่ยวอยู่ด้วย
"ตอนแรกมองหาที่ดินเปล่าสำหรับสร้างบ้านแต่คิดว่าต้องใช้เวลานานมากๆ แน่ ก็เปลี่ยนมาดูพวกบ้านจัดสรร ซึ่งก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะอยากมีดีไซน์เป็นของตัวเองด้วย จนมาเจอที่นี่เป็นโครงการบ้านที่ยินดีให้ตกแต่งภายในเองได้หมด เท่านั้นแหละ ผมชอบเลย”
หลังจากที่ดูโครงสร้างบ้านซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวสีขาวแม้จะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่มีฉากหลังเป็นภูเขาและอยู่ในความรู้สึกของบ้านชายทะเล คุณบาสกับแฟนสาว คุณขิม-จุฬารัตน์ หาญรุ่งโรจน์ จึงเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะแต่งบ้านแบบปาล์มสปริงที่มีมู้ดของสไตล์ Mid-century Modern ซึ่งเน้นรูปฟอร์มเรขาคณิตอันเรียบง่ายผสมไปกับความอบอุ่นของงานไม้แบบเอิร์ธโทน
“เราหาข้อมูลกันเลยว่าหัวใจการออกแบบบ้านสไตล์ Mid-century Modern คืออะไร ซึ่งการแต่งบ้านแบบคนทำหนังก็คือมองเป็นอาร์ตไดเร็กชั่นแบบเฟรมภาพ และนึกถึงโจทย์แรกก็คืออยากทำบ้านให้พ่อแม่อยู่ มีอะไรบ้างที่เขาชอบก็เอามาผสมผสานกับสิ่งที่เราชอบ
"อย่างตอนแรกว่าจะเล่นสเต็ปในบ้านและทำโซฟาหลุมแต่พอมาคิดๆ ดูก็ตัดออก เพราะห่วงแม่ที่เข่าไม่ดีคงจะลำบากเลยมาจบที่โซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่นั่งได้หลายคน แล้วยังมีผนังหินกาบที่พ่อชอบพูดถึงเวลาดูในหนังฝรั่ง ส่วนโต๊ะกินข้าวที่เป็นไม้สักทองขนาดยาวนี่เป็นความชอบของผมเอง
"รวมไปถึงการเปิดฝ้าเพดานเปลือยเพราะมาเห็นช่างกำลังกรุฝ้าอยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วเห็นว่าฝ้าเปลือยแบบลอฟต์มันเท่ดีเลยขอให้เขารื้อฝ้าออกทั้งหมด คือถึงแม้ในระดับสายตาจะเป็น Mid-century Modernแต่พอเงยหน้าไปแล้วมันคือลอฟต์ที่เป็นตัวตนของผมเลย”
คุณขิมช่วยเล่าต่ออีกว่า “เราใช้วิธีเลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ก่อนแล้วค่อยๆ เติมชิ้นเล็กเข้าไปค่ะ พอมาถึงโต๊ะกินข้าวนี่ พี่บาสชอบไม้แผ่นนี้มาก ไม่ปรับแต่งอะไรเลย ปล่อยให้มีร่องรอยตามเดิมแล้วหาตอไม้มาประกอบส่วนขาเพิ่มเข้าไป
1
"ส่วนใหญ่เราชอบซื้อของมือสองซึ่งมันจะคิดนานไม่ได้ พอเจอแล้วชอบก็ต้องซื้อไว้เลย แต่ถ้าเอามาลองจัดวางแล้วไม่ได้จริงๆ ก็จะปล่อยขายต่อไป ซึ่งก็มีเยอะอยู่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้มุมโต๊ะกินข้าวกลายเป็นมุมที่ขิมชอบนั่งมากที่สุด ชอบความรู้สึกของการอยู่รวมๆ กันในครอบครัวที่มุมนี้ ซึ่งเป็นทั้งโต๊ะกินข้าว ทำงาน นั่งคุย นั่งเล่น มองเห็นความเคลื่อนไหวรอบตัวและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ตลอด”
หากบ้านหลังนี้จะกลายเป็นหนังเรื่องที่ 4 ที่คุณบาสกำกับและเขียนบทขึ้นมาเอง เขาบอกได้ทันทีเลยว่านี่คือหนังครอบครัวที่อาจมีตีกันบ้างทะเลาะกันบ้าง แต่ที่มากกว่าคือรอยยิ้มและความสุข
“ภาพที่ผมเห็นคือบ้านที่สามารถรวมทุกคนในครอบครัวให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อีกครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากที่เราเคยอยู่ด้วยกันในทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กและแยกย้ายออกไปมีครอบครัวของตัวเอง จนคิดว่าจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้ว
"ตอนทำบ้านหลังนี้เราก็เก็บเป็นความลับไม่ได้บอกพ่อแม่เลย รอจนทุกอย่างเรียบร้อยและพาเขามาเซอร์ไพร้ส แต่หลอกว่าจะจองที่พักไว้ พอเขามารู้ว่าเป็นบ้านของเรานี่ประทับใจมาก ซึ่งสิ่งนั้นก็เติมเต็มความรู้สึกในใจเราได้ดีมากๆ ด้วยเช่นกัน”
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> https://bit.ly/3E6IvXD
เจ้าของ-ออกแบบ : คุณนัฐวุฒิ พูนพิริยะ และคุณจุฬารัตน์ หาญรุ่งโรจน์
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข
สไตล์ : วรวัฒน์ ตุลยทิพย์
คลังสาระความรู้เรื่องบ้านและพรรณไม้ยังมีอีกมากมาย อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ www.baanlaesuan.com
โฆษณา