19 พ.ค. 2022 เวลา 15:49 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เหนื่อยแล้วทุกคน เงินเฟ้อเริ่มส่งผลกระทบถึงเงินในกระเป๋าคนทั่วไป ไม่ใช่แค่นักลงทุน
เมื่อวันอังคาร Walmart หุ้นค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ประกาศงบ 1Q2022 ออกมา ทั้งรายได้และกำไรต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ราคาร่วงวันเดียว -11%
เมื่อคืนนี้ Target อีกหนึ่งหุ้นค้าปลีกสหรัฐฯ ประกาศงบเช่นเดียวกัน รายได้ถือว่าทรงๆเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่กำไร พลาดเป้าไปเยอะ อยู่ที่ $2.19 ต่อหุ้น ขณะที่ตลาดคาดไว้ที่ $3.07 ต่อหุ้น ทำให้ราคาหุ้น Target ร่วงเมื่อวานนี้วันเดียว เกือบๆ -25%
อีกตัว Lowe’s ร้านขายอุปกรณ์สร้าง และซ่อมแซมบ้าน ราคาก็ร่วงลง -6.3% จากรายรับที่อ่อนแอเกินคาดสำหรับไตรมาสแรก จายรายได้ที่โตน้อยกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งผู้บริหารให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก สภาพอากาศในฤดูใบไม้ผลิที่เย็นกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้วัสดุสำหรับโครงการกลางแจ้งชะลอลง
1
พอหุ้นค้าปลีกรายใหญ่ 3 ตัวปรับตัวลงแรง ก็ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มตัวอื่นๆมีแรงเทขายตามมาด้วยเหมือนกัน เมื่อวานนี้ Consumer Staple Sector ในสหรัฐฯ ร่วงวันเดียว -6.4% ขณะที่ ตอนนี้ก็ยังเทรดแดนลบต่ออีก -2.2% ณ ตอนที่ผมเขียนโพสนี้ (4 ทุ่ม 15 นาที)
1
CEO ของ Target บอกว่า ปีที่แล้วหมวดสินค้าที่ขายดี คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และเครื่องครัว แต่กลายเป็นว่าปีนี้ ลูกค้าซื้อบัตรของขวัญ ร้านอาหาร และกระเป๋าเดินทาง เตรียมตัวเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นถึง 43% จากปีก่อน การปรับตัวเร็วของผู้บริโภครอบนี้ Target ต้องปรับตัวให้ทัน
2
ฝั่ง Walmart CFO ให้มุมมองว่า ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปซื้อแบรนด์สินค้าที่ถูกกว่า หรือสินค้าขนาดเล็กกว่า รวมถึงแม้แต่การซื้อนม ปกติลูกค้าจะซื้อ 1 แกลลอน ก็เหลือเพียงแค่ครึ่งแกลลอน
บินไปที่อังกฤษบ้าง เงินเฟ้อเดือนเม.ย. ประกาศออกมาที่ 9% สูงสุดในรอบ 40 ปี ผลสำรวจที่จัดทำโดย Ipsos และสกายนิวส์ ชาวอังกฤษ 1 ใน 4 ต้องใช้วิธีงดเว้นอาหารบางมื้อ หลังเจอแรงกดดันเงินเฟ้อ และวิกฤติอาหารเลวร้ายลงมาก เมื่อวาน FTSE 100 ร่วงไป -1.9% วันนี้ยังร่วงอยู่ต่ออีก -1.34%
4
เงินเฟ้อรอบนี้ที่โลกกำลังเฟ้อ หลักๆมาจาก ราคาพลังงาน และตามมาที่ราคาอาหาร จนทำให้ เริ่มมีการชะลอการบริโภคเกิดขึ้นแล้ว
และอย่าลืมว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ 2 ใน 3 ของ GDP ก็มาจากการบริโภค แถมปีนี้ ไม่มีโครงการกระตุ้นอะไรจากมาตรการการคลัง เฟดก็กำลังดูดสภาพคล่องออก ดังนั้น โอกาสสูงแล้วที่อาจจะมีการปรับลดประมาณการ GDP growth ของสหรัฐฯในปีนี้ลงอีก
นักลงทุนในตลาดกังวล และเกิดแรงขายออกมา จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร
"Recession" ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า มีโอกาสเล็กน้อย ยังไม่เยอะ ยังไม่ต้องกังวลอะไร (หรอ+++??)
แต่ "Stagflation" หรือ ภาวะที่ GDP ต่ำ แต่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ผมว่า ตอนนี้เราเจอกันอยู่นะ
Franklin Templeton มีทำบทวิเคราะห์สรุปไว้ว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Market ปีนี้ อาจน่าห่วงกว่าที่สหรัฐฯเจออยู่ตอนนี้
สาเหตุเป็นเพราะ ราคาพลังงาน และ ราคาอาหาร อยู่ในการคำนวนตะกร้าเงินเฟ้อ ในสัดส่วนที่สูงกว่าสหรัฐฯ และ ยุโรปค่อนข้างมาก
เห็นข้อมูลแบบนี้ บอกเลยว่า ฝนที่ตกทางโน้น ก็หนาวถึงคนที่อยู่ตรงนี้ มารอดูตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งเอเชียกัน ว่าจะตามสหรัฐฯ ตามอังกฤษไปด้วยหรือเปล่า
1
ใครมองโอกาสการลงทุนยาวๆ ก็ถือทน หรือหาจังหวะถัวพอร์ตกันไป ใครรับความผันผวนไม่ไหว ก็คิดแผนดีๆให้อยู่รอดให้ได้นะครับ
Mr.Messenger รายงาน
โฆษณา