Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
I Should Probably Go To Bed
•
ติดตาม
19 พ.ค. 2022 เวลา 17:31 • หนังสือ
วันนี้ตื่นมาด้วยความปวดหัวจัดๆ แล้วก็ลุกไม่ไหว งานก็อยากคุยให้มันจบๆ ค้างๆ คาๆ ยิ่งทำให้ปวดไปใหญ่ ปวดออกเบ้าตา เรากินบุฟเฟ่น 600 เพราะคิดว่ามันแรงดี กินแล้วหลับตื่นมาเที่ยงเลย เราคิดว่าสองชั่วโมงมันน่าจะหายแล้ว แต่ตื่นเที่ยงก็ยังมึนๆ ตื้อ หรือคือนอนเยอะเกินไป นั่นแหละ ตัดใจลุกขึ้นอาบน้ำกินข้าว แต่ไม่กล้ากินยาบรูเฟ่นละ เพราะรู้สึกยามันกำลังกัดแผลในกระเพาะเราอย่างเมามันส์
ตอนแรกคิดว่าจะหาย แม่จะแว้นซ์ไปส่งที่ทำงาน แต่ก็ไม่คิดจะให้แม่ไปส่งหรอก เกิดขากลับแม่ขี่มอไซเกิดอุบัติเหตุเป็นไรขึ้นมา มันจะน่าเศร้าไปทั้งชาติ กลายเป็นเราเรียก grab ไปโรงพยาบาลแทน ไปทำงานสภาพนี้ อย่าไปดีกว่า น่าจะสร้างภาระให้ทีมงาน ไม่โอเคนะ มันไม่ได้จะมีใครมาชื่นชมว่า โอ้ย ขยัน รีบมาทำงานเลย คือลากตัวเองออกมาจากเตียงไปอาบน้ำได้ก็บุญแล้ว
ตอนนั่ง grab เราเลือกผู้หญิงขับ น้องชวนคุยถามฝนตกไหม เราบอกไม่นะ (จริงๆ แม่บอกตกสิ แกรนอนหลับจะไม่รู้เรื่องอะไร) น้องน่าจะงงกับเราอยู่ เราเองก็ตื้อๆ ขี้เกียจพูดด้วยก็เงียบๆ ไม่คุยนั่งหลับๆ ตื่นๆ มึนอึน
คือเราคิดว่า ปวดหัวบ้าบอแบบนี้มันบ่อยไปหน่อยแล้ว กินยาไม่หาย จริงๆ อยากพบจิตแพทย์ แต่เรานัดจิตแพทย์เพื่อคุยโดยเฉพาะไว้ปลายๆ เดือนเรียบร้อยแล้ว คุณหมอประจำก็ยังไปอยู่นะ แต่ก็ไม่มีเวลาคุยอะไรกันมาก ส่วนใหญ่ก็กินยาที่โดนปรับจนอยู่ตัวแล้ว อยากคุยมากกว่า เราติดยานอนหลับหนะ
โรงพยาบาลที่ไปนี่ มีจิตแพทย์เหมือนกัน แต่เราเคยคุยแล้ว คุณหมอท่าทางไม่มีเวลาคุย หน้าตายุ่งๆ เหมือนยิ่งคุยเราจะทำให้คุณหมอเครียดแทน เกรงใจหนะ และรู้สึกขอโทษที่คุณหมอรับมือกับเราไม่ได้
ไปพอคุณหมอเรื่องปวดหัวจัดตอนเช้า ตื้อๆ ตอนบ่าย ใช้เวลาไม่นาน คุณหมอวินิจฉัยเร็วมาก ...
อ้าว เราเป็นโรคปวดหัวไมเกรนหรอกรึ ที่ผ่านมาจนอายุป่านนี้คือ กินยาผิดมาตลอดเลยสินะ บรูเฟ่น 600 คุณหมอบอกกิน 400 ก็พอมันกัดกระเพาะ ยาไมเกรนโดยเฉพาะ กินทุกครึ่งชั่วโมง ไม่กัดกระเพาะ (คุณหมอคะ ตอนนี้มันกัดอยู่ค่ะ อาหารไม่ย่อย กรดขึ้นถึงคอแสบลำคอไปหมดแล้ว พูดกับคุณหมอในใจ กะจะให้คุณหมอสัมผัสทางจิต ... จะบ้าเหรอ)
เท่าที่ทราบ (เปิดอ่านตะกี้แหละ) อีโรคนี้ไม่เคยอยู่ในสารระบบที่เราคิดจะศึกษามันเลย ดูคล้ายๆ โรคประสาท มันเกี่ยวกับสารเคมีในสมอง อันนี้โรคทางสมองเราเป็นอยู่แล้วต้องกินยาปรับสมดุล กินยากันชัก ไมเกรนจะเกี่ยวกับเรื่องของโรคหลอดเลือดในสมอง พักหลังเราไม่คุมอาหารมันๆ ทอดๆ เหมือนจงใจทำร้ายตัวเอง อดไม่ได้
อันนี้หลังๆ ขาดยาอีก ขี้เกียจไปหาหมอเจาะเลือด มันต้องงดอาหารและน้ำก่อน 2 ทุ่มไง เราเผลอกินยันนอนตลอด มันหิวของมันเอง แอบคิดตอนไปคุ้ยตู้เย็นบางทีท่านั่งยองๆ หาของกินหน้าตู้เย็นเราเหมือนอิปอบไงไม่รู้
ไมเกรนจะมีอาหาร ตาพร่ามัว เจอแสงจ้าไม่ได้ เออก็ใช่นะ ก็มี นอนดึก นี่ก็สาเหตุ ความคิดเชื่องช้า เราเดินเซ / เราควรหลับแบบอยู่ในที่มืด
มันจะต้องออกกำลังกาย นอนให้พอ เอาจริงๆ เราติดยานอนหลับชนิดแรงแบบกันจิตหลอน
คืนวันจันทร์นั่น เรานอนแปลกที่ นี่ขนาดกินยานอนหลับแล้วนะ ยังสะดุ้งตื่นมา เพราะได้ยินเสียงเหมือนรถหวอ วี้ดนึง ตี 1:20 am และก็นอนนิ่งๆ ดูนาฬิกาทุก 1 ชั่วโมง เมื่อไหร่จะเช้าวะ คืนวันที่ 2 ได้หลับปกติหน่อย ถือว่าดีขึ้น น่าจะเริ่มชิน
วันนี้นี่ก็กินยานอนหลับไปนานละนะ ยังไม่ง่วงอีก มันอย่างนี้แหละ คือเราไม่ได้เป็นสายท่องคาถา หรือจะมานั่งสวดภาวนา วิธีทำให้ตัวเองหลับคือกินยาแล้วรอยาออกฤทธิ์ จะนอนเลยก็ไม่ได้เพราะแน่นท้อง ต้องนั่งเอนๆ อ่านหนังสือ เขียนพล่ามอะไรไปแบบนี้
พล่ามมากก็นะ แต่เราเชื่อว่า การพล่ามเป็นการบำบัดอย่างนึง คงมีใครอีกหลายคนที่เป็นแบบเรา เราไม่น่าจะเป็นมนุษย์ที่เป็นโรคนี้คนเดียวในโลก ก็อยู่กับอีโรคพวกนี้ได้นะ ทำไงได้หละ มันมากันเป็นแพ็กเกจ ก็ดี มันทำให้เราดูไม่ธรรมดาเกินไป อย่างน้อย เรามีทางออก วิธีปรับตัว ศึกษาโรคที่เป็น ถ้าไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องปรับก็ได้ แล้วแต่
คนเราเจออะไรมาไม่เหมือนกัน บางคนหนักกว่าเรา มีอีกเยอะ แค่เค้าเลือกจะไม่เล่า เลือกจะมีทางออกของเค้าแบบอื่น บางคนจบที่แอลกอฮอล์ ยาเสพติด บุหรี่ เราลองมาหมดแล้ว การอยู่ในความดูแลของคุณหมอ เราว่าดีที่สุดแล้วหละ อย่างน้อย เราก็เสพยา อย่างถูกกฎหมาย ก็ยอมรับตัวเอง มันจะเป็นไรไป ไม่เห็นจะน่าอายสักหน่อย
อืม บางคนเค้าไม่รู้ตัว ก็ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก ของแบบนี้ โฟกัสที่ตัวเราเองดีกว่า ไม่ต้องเผือกชีวิตคนอื่น นะ แจ๊ะ
อืม ความจริง เราตื่นรอบสามทุ่ม มายกนึงแล้ว ตื่นมากินมื้อเย็นคือ แซนวิชเซเว่นคุณสามีซื้อมา คุณแม่เราทำไก่ต้มน้ำปลาให้นะ แต่เราคิดว่าสัมผัสกลิ่นเราพัง ปกติเราต้องหอมจนหิว แต่นี่เราได้กลิ่นแล้วเหม็น แปลกมั้ย น่าจะไม่แปลกสำหรับเรานะ
ก็ร่างกายเรามันเพี้ยน ระบบรวนไปหมดแล้ว เอาแค่ตื่นมาแล้วมีลมหายใจ ทำงาน พูดคุยกับคนพอได้ พยายามควบคุมอารมณ์ให้ไม่ให้กระทบกระเทือนคนอื่นก็โอเคแล้วนะ
"But in the end one needs more courage to live than to kill himself."
-Albert Camus, A Happy Death
"สุดท้ายแล้ว มนุษย์เราก็ต้องการความกล้าหาญที่จะใช้ชีวิต มากกว่าที่จะจบชีวิต"
-อัลแบร์ กามู (Albert Camus)
A Happy Death
ก่อนเริ่ม ตอนที่ 1 Falling หนังสือของคุณ Matt Haig "Reasons to stay alive" แด่เธอผู้แหลกสลาย ศิริกมล ตาน้อย แปล
อย่าถามว่าอ่านได้กี่ตอน กำลังอ่านตอนแรกยังไม่จบเลย ทะลึ่งซื้อฉบับภาษาอังกฤษมาด้วยสิ เปิดดิกชันนารี่สนุกเลย มันก็ดีนะ ได้คลังศัพท์มาสะสมในหัว อีกสามแสนปี คงอ่านจบ ถ้าให้เราแปลคงจะตีความไปอีกแบบ ไม่น่าเหมือนฉบับแปลไทยนี้นะ ... เราเป็นคนประหลาดแบบนี้แหละ
นะ .. ยานอนหลับคงเริ่มออกฤทธิ์แฟล้ว ก็ตื้อๆ หัวอยู่นะ จริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ไมเกรน ตอนนี้ปลายลิ้นชานิดๆ หวังว่า เราอาจจะแค่เป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันมากกว่า
ทำรีพอร์ตเสร็จคงหลับพอดี โอ๊ะ เที่ยงคืนแล้ว รีพอร์ตไม่เสร็จ ต้องหาทำอะไรที่ไม่ใช้สายตาแล้วหละ อืม ฝึกหายใจนะ น่าจะดี
พรุ่งนี้น่าจะหาวิธีฟื้นคืนชีพได้ ถ้าเราใช้เวลาพล่ามมาทำรีพอร์ตให้มันเสร็จ เราน่าจะไม่ต้องกังวลมาก แต่การรวมรวมสมาธินี่มันก็พังๆ อยู่ ลาก่อย
เมื่อไหร่จะอ่านจบ ฉบับแปลยังไม่รอด นี่บ้าภาษาอังกฤษมาอีก คือทั้งที่รู้ตัวว่าสมาธิสั้น เราไม่ได้อ่านแบบคาดหวัง เปิดเจอหน้าไหน ถ้ามันจะโดนใจสักประโยค ได้ชุบชูใจ ถือว่าหนังสือได้ทำประโยชน์ของมันแล้ว ขอบคุณผู้เขียนที่กล้าเล่าให้ฟัง เป็นแรงบันดาลใจ ไฟใกล้มอดอย่างเรา กล้าที่จะเขียนเรื่องเล่าไม่โสภาของตัวเอง ออกมาเป็นการบำบัดอย่างนึง ไม่รู้จะเป็นประโยชน์กับใครหรือเปล่า ผู้เขียนบอกไว้ เราได้ปลดปล่อย
เรื่องเล่า
สุขภาพ
หนังสือ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย