21 พ.ค. 2022 เวลา 02:00 • ธุรกิจ
จะเกิดอะไรในปี 2041 ? บทบาทของ AI ในอีก 20 ปีข้างหน้า จากทัศนะของ Kai-Fu Lee
เชื่อว่าหลายคนคงเป็นแฟนหนังสือ AI Superpowers ของ Kai-Fu Lee ที่ได้เขียนถึงแนวโน้มของการพัฒนา AI และการนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นเทคโนโลยีที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และจีน แข่งขันกันเพื่อนขึ้นเป็นผู้นำ
2
เมื่อไม่นานมานี้ Kai-Fu Lee ได้ออกหนังสือเล่มใหม่ คือ 2041 อนาคตของ AI ในอีก 20 ปีข้างหน้า เพื่อเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับทั้งภาคธุรกิจ และความเปลี่ยนแปลงของการใช้ชีวิตของมนุษย์กับ AI ในอนาคตด้วย
1
ซึ่งต้องยอมรับว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่การเข้ามานั้นจะเป็นไปในทิศทางใด และอุตสาหกรรมใดที่จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง Kai-Fu Lee ได้เล่าถึงความน่าสนใจที่จะเกิดขึ้นใน Podcast รายการ The Economist Ask ไว้ได้อย่างน่าสนใจ
2
  • ทำไมต้อง 2041 ? และ 20 ปีมีความหมายอย่างไร ?
สำหรับ 20 ปี จะเป็นระยะเวลาที่ AI สามารถสร้างประโยชน์แก่สังคมได้อย่างครบถ้วน ซึ่ง Kai-Fu Lee มองว่า ระยะเวลาเท่านี้ จะเป็นระยะเวลาที่พอ ๆ กับการพัฒนาไฟฟ้า พัฒนาคอมพิวเตอร์ หรือแม่กระทั่งอินเทอร์เน็ตให้มนุษย์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในระยะเวลา 20 ปีนี้ AI จะเข้ามาช่วยเหลือ และ Disrupt งานบางอย่างของมนุษย์ไปพร้อม ๆ กัน ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ รวมทั้งสังคม
การพัฒนาของ AI นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและระยะเวลาที่มนุษย์ใช้ในการปรับปรุงเทคโนโลยี หากลองคาดการณ์ ในระยะเวลา 10-16 ปีนี้ มนุษย์จะสามารถพัฒนา AI ได้อย่างดีเยี่ยม และใช้เวลาเพิ่มเติมอีก 5-10 ปีที่เหลือ
เพื่อสร้างการยอมรับ ทั้งการออกกฎหมายรองรับ AI ใส่ความเข้าใจด้านศีลธรรม และจริยธรรมลงไป และในระยะเวลา 20 ปีนี้มันจะช่วยสร้างคำอธิบายของ AI ว่า เป็นสิ่งที่ทำให้อนาคตของเราแตกต่างออกไป และเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา 20 ปีนี้ก็ยังเป็นการคาดการณ์ในเทคโนโลยีของ Kai-Fu Lee ซึ่งหากลองมองย้อนไป 20 ปีก่อน และมีการตั้งคำถามเกิดขึ้นว่า จะเกิดอะไรขึ้นใน 20 ปีข้างหน้า
1
Kai-Fu Lee ก็คงจะคาดการณ์ได้ถูกต้องหลาย ๆ อย่าง ทั้งอุตสาหกรรมเกมที่โตขึ้น e-Commerce ที่เป็นที่นิยม และโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทุกคนในยุคนี้เข้าถึงได้ แต่ก็อาจจะมีบางอย่างที่เหนือความคาดหมาย เช่น Payment รวมทั้งงานบริการอย่าง Uber ที่อาจจะไม่มีใครคาดคิดว่าเติบโตและเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ
  • อาชีพด้านไหนที่จะถูก AI เข้ามา Disrupt ?
กลุ่ม White Collar และ กลุ่ม Blue Collar
อย่างที่เคยได้ยินกันตลอดว่า AI รวมทั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะต่าง ๆ จะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มงานที่ทำซ้ำ หรืองาน Routine ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนจะมองว่า กลุ่ม Blue Collar หรืองานที่ใช้แรง จะต้องถูก AI และเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่อย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกัน Kai-Fu Lee อธิบายว่า สำหรับกลุ่ม White Collar หรือกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มมนุษย์เงินเดือน ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีงานบางอย่างของกลุ่มนี้ที่จะมี AI เข้ามาแทนที่ได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ทำซ้ำ ๆ ทำเหมือนเดิม
1
ตัวอย่างเช่น งานกรอกเอกสาร งานคำนวณรายรับ-รายจ่าย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นงานที่กดคีย์บอร์ดซ้ำ ๆ เลื่อนเม้าส์ไปมาในรูปแบบเดิม ๆ ซึ่งเป็นงานที่ AI สามารถเข้ามาเรียนรู้ และสั่งการทำงานผ่านหุ่นยนต์อัตโนมัติก็จะสามารถเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ออฟฟิศได้
และยิ่งมีการระบาดของโควิด-19 การทำงานของกลุ่ม White Collar ก็ถูกโยกย้ายไปในแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากต้องทำงานแบบ Work from home ทำให้การเข้ามาแทนที่ของ AI ก็เป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
1
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีงานอีกหลายอย่างในกลุ่มของ White Collar ที่ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้ด้วย AI ตัวอย่างเช่น นักข่าว (Journalist) ที่ยังคงเขียนข่าวกันอยู่ทุกวันนี้ ถึงแม้ว่างานในส่วนนี้จะดูว่า AI สามารถเข้ามาทำงานแทนได้
แต่งานอย่าง การสัมภาษณ์ ยังไม่สามารถนำ AI ยังไม่สามารถนำ AI เข้ามาแทนที่ได้ เพราะต้องอาศัยความเข้าใจที่มากกว่า คำพูด หรือตัวอักษร แต่ต้องเข้าใจถึงภาพรวมและคอนเซ็ปต์ของการพูดคุยมากกว่า
1
ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกกลุ่มอาชีพ เช่น นักวิทยาศาสตร์ CEO นักพัฒนา หรือกลุ่มอาชีพที่อาศัยความสามารถเฉพาะด้าน มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งอาชีพเหล่านี้จะถือว่ามีชัยชนะมากกว่าอาชีพสายอื่น ๆ เพราะจะเป็นกลุ่มที่เข้าไปพัฒนา AI และเทคโนโลยีแทนที่จะถูก AI เข้าไปแทนที่การทำงาน
และในกลุ่มอาชีพที่ต้องอาศัย การสร้างทีม การสร้างความเห็นอกเห็นใจ การสร้างความเข้าใจกับผู้อื่น อย่างเช่น อาชีพไกด์ทัวร์ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ อาชีพเหล่านี้ในอนาคต 20 ปีข้างหน้าจะมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นอาชีพที่จะต้องปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ ทำให้เป็นอาชีพที่จำเป็น เพราะ AI และเทคโนโลยีเข้ามาแทรกแซงในหลาย ๆ สายอาชีพไปแล้ว
Education
สำหรับอาชีพด้านการศึกษา Kai-Fu Lee มองว่าจะเป็นอาชีพที่ถูกปฏิวัติจาก AI และเทคโนโลยีแตกต่างจากอาชีพอื่น ๆ เนื่องจากการเข้ามาของ AI จะเข้ามาส่งเสริมให้การทำงานของครู อาจารย์ ดีขึ้น จะช่วยให้อาชีพในกลุ่มนี้พัฒนาก้าวหน้าไปได้ไกลขึ้น
1
อย่างเช่น การใช้ AI ออกแบบหลักสูตรการเรียนให้เหมาะสมกับคุณครูและนักเรียนในแต่ละกลุ่ม รวมทั้งใช้เพื่อตรวจสอบความสามารถในการเรียนของเด็กแต่ละคนว่า มีระยะเวลาในการเรียนรู้ช้า-เร็วแค่ไหน เพื่อให้ครูสามารถจัดการบทเรียนและงานให้ถูกต้อง ตรงกับแต่ละคน
และยิ่งไปกว่านั้น เด็กบางคนมีความชอบในตัวการ์ตูนต่าง ๆ ก็สามารถตั้งค่า AI ให้แสดงภาพการ์ตูน หรือตัว Avatar ต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อใช้สอนเด็ก ๆ แทน เพื่อให้การเรียนรู้ของเด็กก้าวไปอีกขั้น
2
แต่อย่างไรก็ตาม การจะนำเอา AI ไปใช้ในด้านการศึกษา ในแต่ละประเทศจะมีความสามารถในการ Adopt เอามาใช้ได้แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม และการขับเคลื่อนนโยบายด้านนี้ของแต่ละแห่ง รวมทั้งขนาดของประเทศและจำนวนประชากรก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เพราะประเทศที่ขนาดไม่ใหญ่มาก อย่างสิงคโปร์และอิสราเอล สามารถรับเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้งานได้รวดเร็วกว่า
Healthcare
จากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ข้อมูล (Data) ต่าง ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้าไปในธุรกิจสาย Healthcare มากขึ้น ซึ่งจุดที่ Kai-Fu Lee มองว่าน่าสนใจมากที่สุดคือ การนำข้อมูลป้อนให้ AI และ ML เรียนรู้เพื่อที่จะให้คาดการณ์ หรือทำนายถึงโรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้มนุษย์สามารถเตรียมการ หรือหาทางแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง และทันท่วงที
1
และอีกหนึ่งความน่าสนใจในสาย Healthcare นี้คือ การใช้ AI ในการสร้างยา เพราะจากที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีหลายบริษัทที่หันมาสนับสนุนให้มนุษย์กับ AI ทำการศึกษาเพื่อคิดค้นยาตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อรักษาโรคที่เกิดในมนุษย์ ซึ่งที่มี AI เข้ามาจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการศึกษาวิจัยลงได้
รวมทั้งจะช่วยให้การใช้ยาในการรักษามีความเฉพาะ ตรงกับลักษณะอาการของผู้ป่วยแต่ละคนมากขึ้น โดยในอนาคตความก้าวหน้าของ AI จะสามารถเข้ามาช่วยวินิจฉัยโรคได้ตรงจุดมากขึ้น
โดยอิงจากข้อมูล ลำดับพันธุกรรมของแต่ละคน เพื่อให้มีความแม่นยำมากขึ้นในการรักษาและให้ยา ถึงกระนั้นก็ตาม ในปัจจุบันนี้ AI ยังไม่สามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้อย่างจริงจังเนื่องมาจากยังมีข้อมูล (Data) ที่น้อยเกินไป แต่เชื่อว่าในอนาคตการพัฒนาตรงจุดนี้จะก้าวหน้ามากกว่านี้แน่นอน
  • การลงทุนใน AI ด้านไหนที่น่าจับตามอง ?
สำหรับ Kai-Fu Lee เองก็ได้ก่อตั้งกองทุนสำหรับลงทุนในธุรกิจเทคสตาร์ทอัพ โดยใช้ชื่อว่า Sinovation Ventures และส่วนใหญ่แล้วกองทุนนี้จะเน้นลงทุนไปใน 3 ประเภทธุรกิจที่น่าสนใจ คือ
1
Transportation ธุรกิจด้านยานพาหนะ ที่กำลังเป็นที่จับจ้องของกลุ่มนักลงทุนคือ ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) ซึ่งตอนนี้มีหลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้หันมาผลิตรถ EV กันมากขึ้น
1
Smart Manufacturing การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ และการผลิตอัจฉริยะ ตัวอย่างเช่น รถ forklift แบบอัตโนมัติที่สามารถขับเคลื่อน รวมทั้งทำงานเองได้อัตโนมัติในโกดัง และหุ่นยนต์อัตโนมัติในโรงงานที่สามารถทำงานได้ตลอดเวลา
1
Healthcare อย่างที่ทราบว่าธุรกิจ Healthcare จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ และเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้าไปอย่างเห็นได้ชัด
1
  • แล้วความปลอดภัยของ AI มีมากน้อยขนาดไหน ?
เมื่อพูดถึง AI เรื่องของความปลอดภัย หรือ Privacy ก็เป็นประเด็นหลัก ๆ ที่คนกังวลกันเป็นอย่างมาก เพราะ AI และ ML เป็นเทคโนโลยีที่ต้องเรียนรู้ผ่านการเข้าถึง Data ดังนั้นคนย่อมจะมีความกังวลกันเป็นเรื่องปกติ จึงทำให้หลาย ๆ ประเทศหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
1
อย่างในประเทศจีนที่กังวลกับเรื่องการเข้าถึง Data ของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงมีการออกกฎต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่มองเห็น และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลของประชาชนในประเทศจีนมากขึ้น และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทางรัฐบาลจันออกมาเล่นงานยักษ์ใหญ่ด้านเทคฯ นี้เพื่อให้บริษัทเล็ก ๆ สามารถเติบโตไปได้ด้วย ไม่ให้เกิดการเติบโตที่แตกต่างกันเกินไป
ซึ่งจริง ๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ซึ่งหากมองกลับไปในอดีต เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาล้วนมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ทั้งไฟฟ้า ทั้งอินเทอร์เน็ตล้วนเกิดมาพร้อมข้อบกพร่อง แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีการพัฒนา เทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะกลับมามีความเท่าเทียมมากขึ้น
2
แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้จะมีส่วนดีกับสังคมมากกว่าที่จะเป็นส่วนเสีย ขึ้นกับมนุษย์ที่จะนำเอาสิ่งเหล่านี้ไปพัฒนา ไปใช้ ไปต่อยอดอย่างไรมากกว่า” Kai-Fu Lee กล่าว
1
ติดตามข่าวสารในโลกธุรกิจ เทคโนโลยี พร้อมบทวิเคราะห์แบบเจาะลึก ในทุกช่องทางของพวกเรา
โฆษณา