Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Ordinary Mystery
•
ติดตาม
20 พ.ค. 2022 เวลา 10:44 • ประวัติศาสตร์
ความใจดี มีเมตตาต่อกันของมนุษย์นั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น เหมือนกับผู้อ่านที่น่ารักที่ติดตามและสนับสนุนผลงานของเพจนี้
แต่บางที ความใจดีนั้นเอง กลับเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าคนเลว เอารัดเอาเปรียบ และบางที นั่นอาจจะหมายถึงชีวิตของคนๆ หนึ่ง
ในบทความนี้จะพาไปดูคดีหนึ่งของญี่ปุ่น ทัตสึยะ อิจิฮาชิ ฆาตกรที่โดนหมายหัวทั่วทั้งประเทศจนต้องศัลยกรรมเพื่อหลบหนี จนตำรวจต้องวุ่นตามหาเกือบสามปี และเหยื่อที่ใจดีเกินไป ลินด์ซีย์ ฮอว์กเกอร์
โคเวนทรี เมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะอังกฤษ เป็นแหล่งศึกษาทางประวัติศาสตร์ยุคกลางและที่ตั้งของอุตสาหกรรม แถมยังเป็นเมืองที่เชื่อมไปยังเบอร์มิ่งแฮมและลอนดอน ทำให้เมืองนี้มีหลายๆ สิ่งค่อนข้างครบครันไม่แพ้เมืองใหญ่ๆ เลย และนี่เป็นเมืองอาศัยของสาวผู้หนึ่งนามว่า ลินด์ซีย์ ฮอว์กเกอร์
ลินด์ซีย์ เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นและเพียบพร้อมเมื่อ 30 ธันวาคม ปี 1984 โดยเธอเป็นพี่คนโต และมีน้องสาวลูอิสกับลิซ่าคลานตามกันมา
เมื่อโตขึ้นมา ลินด์ซีย์เป็นคนที่เรียนเก่งมาก เธอเข้าศึกษาสาขาชีวะวิทยาในระดับชั้นมหาลัย และเรียนจบได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่อปี 2006 เมื่อเธอเรียนจบแล้วก็ถึงเวลาหางานทำ แต่ก่อนที่จะทำงาน เธออยากจะค้นหาตัวตน หาสิ่งใหม่ๆ เพื่อที่จะได้เปิดประสบการณ์ของตัวเอง
ลินด์ซีย์ได้พบกับ NOVA โรงเรียนสอนภาษาแบบตัวต่อตัวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โรงเรียนนี้ จะจ้างชาวต่างชาติจากประเทศต่างๆ มาสอนภาษา โดยโรงเรียนนี้มีสาขาอยู่ที่โอซาก้า และโตเกียว เธอเลยสมัครเพื่อที่จะเป็นครูสอนภาษาให้กับโรงเรียนนี้ แล้วบินมายังญี่ปุ่นราวๆ ปลายปี 2006 เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ชีวิต
เมื่อเธอมาถึงญี่ปุ่น ลินด์ซีย์เข้าพักอาศัยที่ย่านโคอิวะในโตเกียว อยู่ห่างจากย่านท่องเที่ยวอย่างอากิฮาบาระ หรืออาซาคุสะเพียงไม่กี่สิบนาที สาวฝรั่งอย่างลินด์ซีย์ เมื่อมาเจอกับแสงสี วัฒนธรรม ทั้งอาหารการกิน ผู้คน แหล่งช็อปปิ้งและท่องเที่ยว เธอก็ตกหลุมรักมันทันที แต่ติดปัญหาอย่างหนึ่งคือย่านที่เธออาศัย อยู่ค่อนข้างใกล้ใจกลางกรุงโตเกียว ค่าเช่ามันแพง เธอจึงย้ายมายังจังหวัดชิบะ ที่ค่าเช่าถูกกว่า
ลินด์ซีย์ย้ายมาอาศัยที่จังหวัดชิบะ กับเพื่อนครูสอนภาษาที่อยู่ต่างโรงเรียนอีกสองคน แต่การที่ย้ายมาอยู่ต่างแดน มันก็มีความคิดถึงบ้านเกิดบ้าง เพราะเธอมีพ่อแม่พี่น้อง รวมไปถึงแฟนหนุ่มที่รอเธอกลับบ้านอยู่ ลินด์ซีย์จะติดต่อคนทางบ้านด้วยการโทรหา หรือพูดคุยผ่านโซเชี่ยลเช่น facebook
เป็นเวลากว่า 6 เดือน ที่เธอมาที่ญี่ปุ่น ในเดือนมีนาคม ปี 2007 โชคชะตาลินด์ซีย์ก็ทำให้ได้พบเจอกับคนแปลกๆ อยู่คนหนึ่ง ที่จะทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไป
ในวันหนึ่ง หลังจากที่ลินด์ซีย์เลิกงานแล้ว เธอก็ขึ้นรถไฟใต้ดินกลับไปยังชิบะ แล้วเดินไปเอาจักรยานที่จอดไว้เพื่อขี่กลับอพาร์ทเมนต์ แต่ในขณะที่เธอกำลังปลดล็อครถจักรยานของเธอนั้นเอง จู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาเธอ
ลินด์ซีย์หันกลับไปสบตากับชายแปลกหน้าคนนั้น เขาทักเธอว่า "สวัสดี คุณคือครูสอนภาษาอังกฤษของผม" มีคนทักในสถานการณ์แปลกๆ นั้น ลินด์ซีย์เองงุนงง และมั่นใจว่าชายแปลกหน้าคนนี้ไม่ใช่นักเรียนของเธอที่เคยสอนแน่นอน ลินด์ซีย์เลยปฏิเสธและพยายามที่จะหนีออกจากตรงนั้น
แต่ทว่า ชายแปลกหน้าคนนี้ก็ยังพยายามตามลินด์ซีย์ เธอจึงควบรถจักยานปั่นหนี แต่เขาก็ยังตามเธอติดๆ จากที่ค่อยๆ เดิน ชายแปลกหน้าคนนี้ก็ค่อยๆ เริ่มวิ่งตามหลังมาติดๆ พร้อมกับพยายามคุยถามว่าเธอมาจากไหน พอรู้ตัวอีกที ลินด์ซีย์ก็มาอยู่ตรงบริเวณหน้าห้องพักของตัวเองเสียแล้ว
ผู้ชายแปลกหน้าที่วิ่งตามผู้หญิงจากสถานีรถไฟจนถึงห้องพักของเธอคนนี้คือ ทัตสึยะ อิจิฮาชิ เมื่อเขาวิ่งตามลินดซีย์จนถึงที่พัก เขาได้ยื่นข้อเสนอในสถานการณ์ที่แปลกประหลาด แต่ด้วยความเป็นคนญี่ปุ่น มันก็เลยดูซื่อๆ ตามสไตล์ไปเสียอย่างนั้น ทัตสึยะขอให้ลินด์ซีย์ ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้เขาหน่อย ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ ไว้ไปคุยกันที่คาเฟ่สักแห่งหนึ่ง
แต่ตัวของลินด์ซีย์เองก็มีตารางงานที่ค่อนข้างยุ่ง เลยปฏิเสธเขาไป ดูเหมือนว่าทัทสึยะจะผิดหวัง แต่เหมือนเขามีความดื้อดึงบางอย่าง เลยถามลินด์ซีย์ว่าขอเข้าไปดื่มน้ำในห้องหน่อยได้ไหม วิ่งตามจักรยานมามันเหนื่อยมากเลยหิวน้ำ
ลินด์ซีย์ลังเลว่าจะให้เขาเข้าห้องของเธอมาดื่มน้ำดีไหม ถ้าเป็นคนอื่นคงตอบปฏิเสธเสียงแข็ง แต่สิ่งที่เธอตัดสินใจก็คือ อนุญาตให้ทัตสึยะเข้ามาในห้องเพื่อดื่มน้ำได้ สาเหตุที่เธอตัดสินใจแบบนี้ก็คือ เธอมีรูมเมทอีกสองคนในห้องนั่นเอง ที่เธอให้ทัตสึยะเข้าห้องมาได้เพื่อให้เพื่อนๆ ของเธอ จำหน้าเขาเอาไว้ แล้วก็แสดงให้เห็นว่า ฉันมีเพื่อนนะ แกคิดจะทำอะไรฉันไม่ได้หรอก
ทัตสึยะก็ดื่มน้ำที่ลินด์ซีย์นำมาให้ แล้วเขาก็ยื่นข้อเสนอให้เธอสอนภาษาให้เขาอีกครั้งหนึ่ง โดยเขายอมจ่ายค่าสอนชั่วโมงละ 3500 เยน (ประมาณ 1000 บาท) นั่นกลายเป็นว่าข้อเสนอนี้ ลินด์ซีย์เองก็รู้สึกสนใจ เพราะเป็นงานง่ายๆ แถมได้เงินเสริมนอกจากงานสอนประจำอีกด้วย เธอเลยตอบตกลง แล้วนัดกันคุยรายละเอียดที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในอีกราวๆ สองวันถัดไป
ทัตสึยะได้ยินคำตอบตกลงก็ดีใจและยินดีอย่างมาก แต่ก่อนเขาจะออกจากอพาร์ทเมนต์ของลินด์ซีย์ เขาได้พยายามให้บางอย่างกับเธอก่อนจากไป ทัตสึยะหยิบปากกากับเศษกระดาษจากกระเป๋ากางเกง แล้วเริ่มลงมือเขียนอะไรบางอย่าง เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ เขาก็ยื่นมันให้กับลินด์ซีย์
มันคือภาพสเก็ตของตัวลินด์ซีย์ พร้อมกับข้อมูลต่างๆ ของทัตสึยะ ทั้งชื่อ นามสกุลเต็ม และเบอร์โทรติดต่อปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูป เพียงแค่แปบเดียวกับสเก็ตภาพเหมือนได้ขนาดนี้
มาทำความรู้จักเพิ่มเติมกับทัตสึยะ อิจิฮาชิ กันสักหน่อย ในตอนนั้นเขาอายุราวๆ 28 ปี เกิดที่จังหวัดกิฟุ วันที่ 5 มกราคม ปี 1979 ก่อนที่จะย้ายมาอาศัยในจังหวัดชิบะ
ทัตสึยะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดีมาก คุณพ่อเป็นหมอในโรงพยาบาลประจำชิบะ ส่วนคุณแม่ก็เป็นทันตแพทย์ ทำให้ในตอนเด็กๆ เขาจึงถูกปลูกฝังให้ก้าวเดิน เจริญรอยการเป็นหมอตามพ่อแม่ของเขาเอง
แต่ทัตสึยะเองกลับสอบไม่ติดมหาลัยแพทย์ เขาจึงหันเหไปเรียนจบทางด้านเกษตรแทนในปี 2005 แต่เมื่อจบออกมา เขากลับหางานทำไม่ได้เลย แต่โชคดีที่พ่อแม่ของเขา ให้เงินใช้เดือนละ 1 แสนเยน (ราวๆ 29,616 บาท)
1
แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้มีคดีความอะไรติดตัว แต่ก็เคยถูกกล่าวหาในคดีทำร้ายผู้หญิง ซึ่งเขาก็รอดตัวไปได้โดยมีข่าวว่าคุณพ่อของทัตสึยะ จ่ายเงินปิดปากผู้หญิงคนนั้นราวๆ 1 ล้านเยน ไม่ให้ฟ้องเขา
เห็นได้ว่าครอบครัวเขาเพียบพร้อมขนาดไหน มันเลยยิ่งทำให้ทัตสึยะไม่อยากหางานทำ เงินที่ได้มาจากพ่อแม่ของเขาเดือนละเป็นแสน แค่จ่ายค่าเรียนชั่วโมงละ 3500 ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก
กลับมาที่ห้องพักของลินด์ซีย์ หลังจากทัตสึยะยื่นกระดาษให้กับเธอ เขาก็ขอบคุณเธอแล้วแยกย้ายกันไป
ข้ามมาวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม ปี 2007 ลินด์ซีย์ก็ติดต่อทัตสึยะไปก่อนหน้านี้เพื่อนัดเขามาเรียนตัวต่อตัวที่ร้านกาแฟในเมือง โดยมีกล้อง cctv จับภาพของทั้งสองเอาไว้ได้ ดูเหมือนว่าลินด์ซีย์ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรมาก แต่ก็ค่อนข้างระวังตัว เมื่อทัตสึยะเข้ามาใกล้ๆ เธอก็พยายามเดินถอยออกห่าง
อาจารย์ลินด์ซีย์ก็สอนไปเป็นชั่วโมง จนคลาสเรียนจบลง ทัตสึยะกลับบอกว่า เขาลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่ห้อง แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ที่พักของเขาอยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ แล้วชวนลินด์ซีย์แวะไปที่หอพักเพื่อเอาเงิน ไม่น่าเชื่อว่าเธอตอบตกลง ทั้งคู่จึงนั่งแท็กซี่ไปยังหอพักของทัตสึยะ
ที่เธอตอบตกลงน่าจะเป็นเพราะว่าในตอนบ่าย เธอมีสอนในช่วงบ่าย แถมยังไม่ได้ขี่จักรยานมา น่าจะต้องการเอาเงินแล้วให้มันรีบๆ จบไป เพื่อที่จะได้ไปสอนต่อ เมื่อถึงหอพักของทัตสึยะ ลินด์ซีย์บอกกับแท็กซี่ว่าให้รอเธอหน่อย ทำธุระแปบเดียว เดี๋ยวมา แล้วเธอก็ขึ้นหอไปกับเขา
เวลาผ่านไปหลายสิบนาที ยังไม่มีวี่แววของครูสาวลินด์ซีย์ คนขับแท็กซี่ก็คิดว่ามันชักจะแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาจึงไม่รอเธอแล้วไปหาผู้โดยสารต่อ
พอถึงช่วงบ่าย ลินด์ซีย์ก็ไม่ได้เข้าสอนที่โรงเรียน ตกเย็นก็ยังไม่กลับที่พัก ทำให้เพื่อนทั้งสองของเธอที่อาศัยอยู่ด้วยกันเริ่มเป็นห่วง จึงได้แจ้งกับตำรวจในช่วงดึกๆ ของวันเดียวกับที่เธอหายไปนั้นเอง
แม้จะแจ้งเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอตัวลินด์ซีย์ จนเวลาล่วงผ่านไปสองวัน ยิ่งทำให้เหล่าครอบครัว เพื่อนๆ และแฟนหนุ่มที่อยู่ในอังกฤษ เป็นห่วงความปลอดภัยของเธออย่างมาก ทางโรงเรียนที่เธอสอนก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ที่เธอขาดสอนไปสองวัน ก็ได้เข้าแจ้งกับตำรวจอีกทีหนึ่ง ทำให้ได้เพิ่มกำลังค้นหาตัวเธอแบบจริงจังมากขึ้น
ในขั้นตอนการสืบ ค้นหาตัวลินด์ซีย์ ตำรวจเริ่มจากการสอบถามเพื่อนที่อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งสองคน เป็นความโชคดีมากที่เพื่อนทั้งสอง นึกถึงคนแปลกหน้าที่เข้ามาหาเพื่อนของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างทัตสึยะ และโชคดีมากที่พวกเธอมีกระดาษโน้ตภาพสเก็ตของลินด์ซีย์ ทำให้มีข้อมูลและหลักฐานพอที่จะลองสืบหา ตามตัวได้
เวลาราวๆ 5 โมง 40 นาที เจ้าหน้าที่สองคนได้เข้าไปตรวจสอบที่อยู่ของทัตสึยะ แต่พบว่าเขาไม่อยู่ที่ห้อง มีเพื่อนบ้านข้างห้องของเขาเห็นว่าตำรวจมา ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยให้ตำรวจเข้ามาตรวจดูที่ห้องของทัตสึยะโดยมองผ่านระเบียงของห้องข้างๆ
เมื่อตำรวจมองเข้าไปที่ห้องของผู้ต้องสงสัย ไม่มีไฟเปิดสักดวง แต่พวกเขาสังเกตนานพอจนเห็นว่ามีเงาของคนอยู่ข้างใน กำลังนำอ่างอาบน้ำ ถอดจากห้องน้ำมาไว้ตรงระเบียง ตำรวจเห็นท่าทีแปลกๆ จึงได้ขอเรียกกำลังเสริม เผื่อว่ากลินด์ซีย์ถูกจับไว้ข้างใน
ราวๆ 2 ชั่วโมงต่อมา กำลังเสริมของตำรวจมากันอีก 7 คน พร้อมที่จะบุกเข้าไปที่ห้องของทัตสึยะ แต่พอตำรวจกำลังจะบุกเข้าไปจากทางประตูหน้านั้น ทัตสึยะเองก็เปิดประตูมาประชันหน้ากับตำรวจ พร้อมกับลากกระสอบใหญ่ๆ อยู่ 1 ใบ
จังหวะนรกของทัตสึยะ แต่เขาก็ไหวตัวแล้ววิ่งฝ่าฝูงตำรวจออกไปทันที ตำรวจก็พยายามจะวิ่งตามแต่เขาก็หนีรอดไปได้ ทิ้งไว้เพียงแต่กระสอบปริศนาที่เขาหิ้วออกมา เจ้าหน้าที่พยายามค้นไปทั่วทั้งตึกเพื่อตามหาทัตสึยะ แต่ดูเหมือนตำรวจจะเตรียมการอะไรไม่พร้อมเสียเลย ไม่มีทั้งวิทยุสื่อสาร แม้จะกระจายกำลังกันหา แต่ก็ไม่เจออยู่ดี
หลังจากที่คนร้ายหนีไปได้ ตำรวจก็เข้าค้นห้องของเขาแล้วพบกับร่างที่เปลือยเปล่าของลินด์ซีย์ ถูกฝังอยู่ในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยดินและทรายจนเหลือเพียงแค่มือเธอที่ยื่นออกมา เมื่อตำรวจนำศพออกมาก็พบว่าเธอถูกมัดมือ มัดเท้าด้วยเชือกพลาสติก พร้อมกับถูกปิดปากเอาไว้ รวมไปถึงมีรอยฟกช้ำทั่วลำตัวของเธอ ไม่ต้องสืบเลยว่า ในช่วงชีวิตสุดท้ายของเธอ ต้องทรมาณด้วยการถูกทารุณกรรมจากไอ้โรคจิตนี้
เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจดูทรายในอ่างอาบน้ำก็พบว่า มันมีสารที่ช่วยย่อยสลาย คาดว่าคนร้ายน่าจะนำศพของเธอไปทำลาย แต่ที่น่าขนลุกกว่านั้นคือ ในดินทรายที่เต็มไปด้วยสารย่อยสลายและศพ พื้นผิวด้านบนก็พบกับเมล็ดพันธ์ของดอกไม้ ดูเหมือนว่าคนร้ายตั้งใจจะทำปุ๋ยจากศพมนุษย์
ศพของลินด์ซีย์ก็ถูกโกนหัวจนเกลี้ยง พร้อมกับพบวิกผมในห้องของทัตสึยะ สันนิษฐานว่าเขาน่าจะมีรสนิยมแต่งหญิง หรือที่เรียกกันว่า Cross Dresser แล้วเขาก็โกนผมลินด์ซีย์เพื่อเอามาทำวิกไว้ใส่เองอีกที
คดีนี้เป็นอะไรที่โหดร้ายและโรคจิตมาก แถมตัวคนร้ายยังลอยนวล ไม่นานสื่อต่างๆ ก็เข้ามาทำข่าว ทำให้เช้าวันต่อมา หน้าของทัตสึยะ อิจิฮาชิ ก็เต็มหน้าสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ เป็นข่าวระดับประเทศ ไม่พอ ทางตำรวจยังทำสแตนจำลอง และโปสเตอร์หน้าของคนร้าย แปะไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง หวังว่าจะมีประชาชนพบเบาะแสที่นำไปสู่ตัวคนร้ายได้
อีกทั้งตำรวจ ก็พยายามให้เบาะแสกับประชาชนทั่วไป จำลองรูปภาพของทัตสึยะตอนเขาใส่วิกเอาไว้ด้วย
แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนร้ายคนนี้ หลบหนีตำรวจเก่งมาก ทางตำรวจก็พยายามหาตัวเขา จนเวลาผ่านไป ตามหายังไงก็หาไม่เจอ จากสัปดาห์ เป็นเดือน จนกลายเป็นปี นั่นยิ่งทำให้ทางครอบครัวของลินด์เซย์ไม่พอใจในการทำงานของตำรวจญี่ปุ่นมาก หลังการตายราวๆ 1 เดือน พ่อแม่ของเธอได้บินมายังญี่ปุ่นเพื่อโหมกระพือกระแสข่าวการตายลูกสาวของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น คุณพ่อบิล ยังได้เข้าพบกับแก๊งค์ยากูซ่าให้ช่วยตามหาคนร้ายด้วยซ้ำ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เหมือนถูกไฟลนก้นจากประชาชน คนร้ายลอยนวลจับไม่ได้ทั้งๆ ที่เป็นคดีดัง เกิดเป็นกระแสสังคมที่ตั้งแง่ถึงการทำงานของตำรวจตั้งแต่ขั้นตอนการจับกุม ว่าทำไมตำรวจถึง 9 นาย จับคนร้ายเพียงคนเดียวไม่ได้
หรือการสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ ทำไมถึงใช้เวลานานร่วมเดือน นอกจากนั้นก็ยังมีการตั้งแง่ของพ่อแม่ลินด์ซีย์กับเหล่าตำรวจ จนทำให้กระแสข่าวมันโหมหนักเข้าไปอีก จนสื่อของทั้งอังกฤษ และญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วม ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทัตสึยะ คนร้ายก็ยังคงลอยนวล
ในตอนนั้นเอง ทัตสึยะก็หลบหนีไปทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น ทั้งขึ้นเหนือไปจังหวัดอาโอโมริ ลงใต้ไปโอกินาว่า ไปอาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่มีบังเกอร์หลบภัยสมัยสงครามโลกเพื่อหลบซ่อนตัวจากตำรวจ
ข้ามมา ปี 2009 ทัตสึยะก็ได้หนีมายังโอซาก้า โดยอาศัยอยู่ในร้านเน็ตคาเฟ่แล้วทำงานก่อสร้างเพื่อเก็บเงิน ทำศัลยกรรม หวังจะเปลี่ยนหน้าเพื่อเปลี่ยนชีวิตใหม่ หนีคดีที่ติดตามตัว
อีกสาเหตุที่ตำรวจไล่ตามจับตัวเขายาก อาจจะเป็นเพราะหลังจากที่หน้าของทัตสึยะออกไปทั่วทุกสื่อทั้งประเทศแล้ว เขาได้ทำการ "ดัดแปลง" เปลี่ยนรูปหน้าตัวเองบางส่วน เพื่อไม่ให้ตามจับตัวได้ อย่างแรกเลยก็คือ เฉือนไฝบนหน้าตัวเองออกเพื่อไม่ให้มีจุดสังเกต ต่อมาคือ เอากรรไกร ตัดริมฝีปากล่างของตัวเอง สุดท้ายก็คือ เอาของแข็งๆ ยัดเข้าจมูกเพื่อทำให้มันผิดรูป
ในปี 2009 ตำรวจก็อับจนหนทางที่จะตามหา จึงตั้งรางวัลนำจับตัวทัตสึยะด้วยค่าหัวกว่า 1-10 ล้านเยน ให้กับผู้ที่มีเบาะแสที่สามารถนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ และตำรวจก็ลงเบาะแสเพิ่มเติมว่าทัตสึยะ อาจจะทำการศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าตัวเอง
จึงขอให้ประชาชนจำจุดสังเกตบนใบหน้าเขาให้ดีๆ ทำให้ในเดือนตุลาคมปีนั้นเอง ได้มีคลิกนิกศัลยกรรมแห่งหนึ่งในนาโกย่า ให้เบาะแสกับตำรวจว่าพวกเขา น่าจะทำศัลยกรรมคนร้ายที่ว่านี้ไปเสียแล้ว
แต่โชคดีที่ทางคลิกนิก ได้ถ่ายรูปภาพของทัตสึยะ ก่อนและหลังศัลยกรรมเอาไว้ ทำให้ทางตำรวจ นำรูปหน้าใหม่ที่เขาทำมา ประกาศตามจับอีกรอบหนึ่ง เมื่อทัตสึยะเห็นว่าตัวเองถูกประกาศจับทั้งๆ ที่ทำหน้าใหม่มาแล้ว สิ่งเดียวที่เขานึกได้ก็คือ ต้องรีบหนีออกจากโอซาก้าให้ไว ซึ่งเขาก็หนีไปทัน แล้วลงใต้ไปหาเกาะร้างที่มีบังเกอร์หลบภัยอาศัยอยู่เหมือนที่เคยทำมาก่อน
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2009 ทัตสึยะพยายามหนีมายังท่าเรือโอซาก้า ชะล่าใจว่าคงไม่มีใครตามตัวเขาได้ แต่มีพนักงานในท่าเรือที่สังเกตและจำคนร้ายที่เป็นข่าวดังได้ เขาจึงเข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณท่าเรือ ไม่กี่นาทีต่อมา ดวงของทัตสึยะ ก็หมดลง เพราะตัวเขาตอนนี้ รายล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ตำรวจถามชายที่น่าจะเป็นคนร้ายคดีลินด์ซีย์ว่า เขาชื่ออะไร เขาก็ตอบกลับโดยไม่ได้โกหกหรือคิดจะหลบหนีอีกต่อไป เหมือนกับว่ายอมรับในชะตากรรมของตัวเองแล้ว จึงตอบกลับตำรวจไปว่า "ผมคือ ทัตสิยะ อิจิฮาชิ" เขาถูกจับกุมตัวแล้วตั้งข้อหาฆาตกรรมทันที
ทัตสึยะ อิจิฮาชิ มีความผิดหลายกระทง ทั้งคดีฆาตกรรม คดีข่มขืน และอื่นๆ เขาถูกนำตัวขึ้นศาลเมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม ปี 2011 การพิจารณาคดีของศาลได้เป็นที่สนใจของประชาชนและสื่ออย่างมาก ว่าจะลงโทษฆาตกรคนนี้อย่างไร เพราะที่ญี่ปุ่นไม่ได้มีการบังคับใช้โทษประหารชีวิตกับคดีแบบนี้
ในชั้นศาล ทัตสึยะสารภาพออกมาทั้งหมดว่าเป็นคนฆ่าลินด์ซีย์ ฮอว์กเกอร์ โดยล่อลวงเธอไปที่ห้องของเขา แล้วทำการใช้กำลังบังคับ ข่มขืน จับเธอมัดมือปิดปากเอาไว้ไม่ให้เธอส่งเสียงร้องออกมา
และศาลก็ตัดสินคดีในวันที่ 21 กรกฏาคม 2011 ให้ทัตสึยะ อิจิฮาชิ จำคุกตลอดชีวิต แต่ครอบครัวของลินด์ซีย์ไม่พอใจ และขอร้องให้ตัดสินคดีใหม่ เพราะพวกเขาอยากให้ทัตสึยะ โดนโทษประหารชีวิต แต่ศาลก็อธิบายว่าตัวทัตสึยะเอง ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน จึงได้ตัดสินไปแบบนั้น
แม้ว่าผลการตัดสินคดี ดูเหมือนจะไม่เป็นธรรมกับพ่อแม่ของลินด์ซีย์ แต่คนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นก็เห็นด้วยกับโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนทัตสึยะเองก็ต้องยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง
มีเรื่องก่อนหน้าที่ทัตสึยะจะถูกนำตัวขึ้นศาล เขาได้เขียนหนังสือออกมาหนึ่งเล่ม ชื่อว่า "จนกระทั่งตัวฉันถูกจับกุม" (Taiho Sareru Made: Kuhaku no Ninen Nanakagetsu no Kiroku)
เนื้อหาในหนังสือจะเล่าเกี่ยวกับการหลบหนีกว่า 2 ปี 7 เดือนของเขา ว่าทำอย่างไร หลบหนีไปที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง ส่วนค่าลิขสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายหนังสือ เขายกให้ครอบครัวของลินด์ซีย์ทั้งหมด โดยหนังสือเล่มนี้ก็ได้จำหน่ายไปกว่า 1 แสนเล่มทั่วโลก และภายหลังเรื่องราวชีวิตจากหนังของฆาตกรคนนี้ ก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ในปี 2013
แต่ทว่า ครอบครัวลินด์ซีย์ปฏิเสธที่จะรับเงินจากฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวพวกเขา และไม่มีทางให้อภัย คนที่พรากแสงแห่งความหวังของพวกเขาไป
ลินด์ซีย์ ฮอว์เกอร์ เป็นคนที่มีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จในด้านการเรียน ผู้คนต่างรักใคร่ เธอต้องการเพียงแค่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต และทำประโยนช์ให้กับผู้อื่น ด้วยการสอนภาษา และเธอมีความใจดี มีเมตตากับคนที่แม้จะมีท่าทีแปลกๆ
แต่น่าเศร้ามาก ที่ความใจดีของเธอ มันย้อนกลับมาทำร้ายเธอเองโดยชายแปลกหน้า ที่ไร้หัวใจคนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้น เธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำ เป็นลินด์ซีย์ที่แสนดีของพ่อแม่ และพี่น้องของเธอตลอดไป ขอให้เธอไปสู่สุขคติ
ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ อย่าลืมกดติดตามไว้ หรือทิ้งคอมเมนต์พูดคุยให้เป็นกำลังใจกันได้นะครับ
ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
ญี่ปุ่น
5 บันทึก
6
2
5
6
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย