รู้ไหม.... กล่องพลาสติกแบบไหนเข้าไมโครเวฟได้
ในชีวิตประจำวัน ไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์เครื่องครัวที่จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในวัยทำงานที่ต้องเร่งรีบไปทำงาน และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายครั้งเรามีความจำเป็นต้องอุ่นอาหารกล่องที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้ออยู่บ่อยๆ
เคยสงสัยกันไหมว่ากล่องพลาสติกสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ไหม มีผลเสียอะไรหรือไม่ และเวฟได้บ่อยแค่ไหน ????
เตาอบไมโครเวฟเป็นเตาที่สร้างคลื่นไมโครเวฟจากพลังงานไฟฟ้ามาทำให้อาหารร้อน ไมโครเวฟที่ใช้กันทั่วไปเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic wave) มีความยาวคลื่นในช่วง 1 mm ถึง 1 m มีความถี่ของช่วงคลื่นในช่วง 300 MHz ถึง 300 GHz ซึ่งมีความถี่คลื่นสูงสุดประมาณ 2,450 ล้านรอบ/วินาที หรือ 2.45 GHz
โดยคลื่นไมโครเวฟมีคุณสมบัติ 3 ประการ ได้แก่
1. การสะท้อนกลับ (reflection) เมื่อคลื่นไมโครเวฟไปกระทบกับภาชนะที่เป็นโลหะหรือภาชนะที่มีส่วนผสมของโลหะ คลื่นจะไม่สามารถทะลุผ่านภาชนะดังกล่าวได้ จะสะท้อนกลับหมด ดังนั้นอาหารที่ใส่ในภาชนะที่เป็นโลหะก็จะไม่สุก
2. การส่งผ่าน (transmission) โดยคลื่นไมโครเวฟสามารถทะลุผ่านภาชนะที่ทําจากแก้ว กระดาษ ไม้ เซรามิก และพลาสติกได้ ภาชนะดังกล่าวจึงเป็นภาชนะที่ใช้ได้ดีในเตาอบไมโครเวฟ
3. การดูดซึม (absorption) อาหารโดยทั่ว ๆ ไปจะประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำในอาหารซึ่งจะสามารถดูดซึมคลื่นไมโครเวฟ ทําให้อาหารร้อนอย่างรวดเร็ว และเมื่อโมเลกุลของนํ้าดูดซึมคลื่นไมโครเวฟแล้ว คลื่นไมโครเวฟจะสลายตัวในทันทีไม่สะสมในอาหาร จึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
ระบบการทำงานของเตาไมโครเวฟคือ คลื่นไมโครเวฟจะพุ่งเข้าสู่อาหารจากทุกทิศทุกทาง จากขอบของผนังเตาฝั่งด้านในแล้วแผ่กระจายไปสู่อาหาร เมื่อคลื่นไปกระทบอาหาร ทําให้โมเลกุลของน้ำในอาหารเกิดการสั่นสะเทือนและชนโมเลกุลอื่น ๆ ต่อไปจนเกิดเป็นพลังงานจลน์ และพลังงานจลน์นี้เองจะกลายสภาพเป็นพลังงานความร้อน จึงทําให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว และเร็วกว่าการประกอบอาหารด้วยระบบอื่น ๆ
วิธีนี้สามารถรักษาคุณค่าของอาหารไว้อย่างครบถ้วน ......
ขณะเดียวกันกล่องพลาสติกที่ใช้เพื่อบรรจุอาหาร สามารถแบ่งตามชนิดของพลาสติกได้เป็น 7 ชนิด ซึ่งมีการแสดงไว้บนผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยแบ่งประเภทพลาสติกสำหรับการรีไซเคิล ซึ่งจะมีลักษณะสัญลักษณ์คือ ลูกศรวิ่งวนเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า มีเลขกำกับอยู่ภายใน และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ฐานของสามเหลี่ยม ซึ่งเรียกว่า “รหัสชนิดพลาสติก”
ปัจจุบันพลาสติกที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้มี 2 ประเภทด้วยกัน คือ 1. พลาสติก C-PET (Crystalline Polyethylene Terephthalate) และ 2. พลาสติก PP (Polypropylene) โดยมีรายละเอียดแต่ละพลาสติกดังนี้
1.พลาสติก C-PET ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PETE หรือ PET) พลาสติกประเภทที่ 1 ชนิดเดียวกับที่ใช้ผลิตขวดน้ำพลาสติก ขวดน้ำมันพืช ขวดน้ำปลา มีความยืดหยุ่น ทนทานต่ออุณหภูมิ รวมถึงป้องกันการซึมผ่าน ไม่ให้อากาศเข้า-ออกได้ง่าย นิยมนำมาใช้เป็นกล่องใส่อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งอย่างที่เห็นกันในร้านสะดวกซื้อทั่วไป และสามารถนำเข้าไมโครเวฟหรือเตาอบได้ โดยสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 230 องศาเซลเซียส
2.พลาสติก PP เป็นพลาสติกที่มีความเหนียว อากาศสามารถผ่านได้เล็กน้อย แต่น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้ สามารถใช้เก็บอาหารสด อาหารแปรรูป และอาหารแช่แข็งได้ดี ทนต่อสารเคมีและอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้เล็กน้อยแล้ว ยังทนความร้อนได้ถึง 110 องศาเซลเซียส ดังนั้นสามารถใช้ใส่อาหารเพื่ออุ่นร้อนในไมโครเวฟได้
สังเกตง่ายๆจะมีตัวเลข 1 หรือ 5 อยู่ใน สามเหลี่ยม ถ้ามีเข้าไมเครเวฟได้
มาดูกันว่ากล่องพลาสติกชนิดไหน เข้าไมโครเวฟได้
แนะนำให้สังเกตที่บรรจุภัณฑ์หรือภาชนะพลาสติกนั้นว่ามีสัญลักษณ์ไมโครเวฟเซฟ (Microwave Safe) หรือ ไมโครเวฟเอเบิล (Microwavable) หรือไม่ ถ้ามีก็แสดงว่าเอาเข้าไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้คำถามที่ว่ากล่องพลาสติกสามารถใช้ซ้ำได้กี่ครั้ง
คำตอบคือ ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจน เนื่องจากกล่องบรรจุภัณฑ์หรือกล่องพลาสติกมีมาตรฐานในการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นต้องสังเกตคุณภาพของกล่องว่ายังสามารถใช้งานได้ต่อไปหรือไม่ เช่น หากตรวจพบว่ากล่องมีสีเปลี่ยนไปจากเดิม เริ่มมีความขุ่นมากขึ้น หรือรอยขีดข่วน รอยปริหรือรอยแตก นั่นแสดงว่ากล่องเริ่มเสียสภาพแล้ว ก็ควรเลิกใช้และทิ้งไป
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
