ซีเกมส์รำลึก
ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ไม่ใช่แค่แพะเพียงคนเดียว
โดย มิสมาต้า
ในยุค 80s ทีมชาติไทยในสายตาแฟนบอลคือเจ้าพ่ออาเซียน แชมป์ฟุตบอลซีเกมส์ในตอนนั้นมีเพียงเป้าหมายเดียวในการไปแข่ง นั่นก็คือเหรียญทอง โดยมีสถิติไร้พ่ายเป็นเครื่องเคียง
ทีมชาติไทยกวาดแชมป์ซีเกมส์ 3 สมัยติดต่อกันในซีเกมส์ครั้งที่ 11, 12, 13 เมื่อปี 1981, 1983, 1985
แล้วไปเสียแชมป์ที่จาการ์ตาเมื่อปี 1987 แบบแฟนบอลบ่นเสียดายกันทั้งประเทศ นี่คือสารตั้งต้นของความกดดันจากแฟนบอลที่ส่งไปยังสมาคม และ ทีมชาติไทยทุกคน
ซีเกมส์ครั้งที่ 15 ที่ประเทศมาเลเซีย ทีมชาติไทยต้องไปแข่งในฐานะเต็งหนึ่งตลอดกาล แล้วการแพ้ให้ทีมชาติมาเลเซีย 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ คือฟางเส้นสุดท้ายที่แฟนบอลไทยลืมตัวสะกดคำว่า "พ่ายแพ้" ไม่เป็น
ในฐานะที่สนิทกับประมุขของรัฐปาหัง และ เป็นนักเตะปาหัง แถมด้วยเป็นตัวความหวังของคนทั้งประเทศ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน จึงถูกยัดข้อหาล้มบอล จนถึงขนาดต้องไปสาบานต่อหน้าพระแก้วมรกตเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ
สุดท้ายแล้วชีวิตหลังจากนั้นที่เต็มไปด้วยความสุขของซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็น
ซีเกมส์ครั้งที่ 16 เมื่อปี 1991 ขุนพลทีมชาติไทยแบบศักดิ์ศรีแบบเดิมๆ, แบกความหวังคนทั้งชาติแบบเดิมๆ ที่เพิ่มเติมคืออันดับสี่ฟุตบอลเอเชียนเกมส์ ปี 1990 ที่ประเทศจีน ไปแข่งที่กรุงมะนิลา
รอบแบ่งกลุ่ม ไทย เสมอ สิงคโปร์ และ ถล่ม พม่า ตามมาด้วยอัดเจ้าภาพยับเยิน 6-2 ในรอบรองชนะเลิศ
รณชัย สยมชัย เพชรฆาตหน้าติดหนวด ตัวแทนของปิยะพงษ์ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ความหวังของแฟนบอลทั้งชาติกลับมาอีกครั้งอย่างเต็มที่
นัดชิงชนะเลิศ ไทย เสมอ อินโดนีเซีย 0-0 จนต้องลากไปดวลจุดโทษตัดสิน
ชัยยงค์ ขำเปี่ยม คือความหวังของเรา แล้วเขาก็เซฟจุดโทษได้ถึง 2 ครั้ง จาก 5 คนแรก
แม้ เสกสรร คุณสุทธิ์ พลาดในการยิงเป็นคนที่ 4 แต่ตอนนั้นเราเหลืออีก 1 คน แล้วผลการยิงเสมอกันอยู่ 3-3
รณชัย เป็นคนยิงตัดสินในลำดับที่ 5 เขาเลือกยิงด้วยการชิพนิ่มๆ จนผู้รักษาประตูอินโดนีเซียหลงทาง แต่ด้วยความที่เขาชิพดินก่อนจะถึงลูกฟุตบอล น้ำหนักมันจึงเบาจนผู้รักษาประตูกลับมาคว้าไว้ได้ทัน
แล้ว ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ พลาดในการยิงเป็นคนต่อมา เราจึงแพ้อินโดนีเซีย 3-4
ไม่มีใครต่อว่า เสกสรร, ไพโรจน์ หรือ ชัยยงค์ กระแสผิดหวังอันเชี่ยวกรากไหลไปชนจน รณชัย ตั้งรับไม่ทัน
ไม่มีใครคิดว่าเขาจะพลาด แล้วยิ่งเป็นการพลาดแบบที่ว่า แฟนบอลจึงรับไม่ได้ ว่ากันว่าเพื่อนร่วมทีมบางคนก็รับไม่ได้จนถึงขั้นเกือบวางมวยกันตามคำบอกเล่าของคนในยุคนั้น
ควันหลงของความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น คาร์ลอส โรแบร์โต คาร์วัลโญ ฮีโร่จากเอเชียนเกมส์ถึงกับตกเก้าอี้สังเวยความปราชัยนั้น
ส่วน รณชัย กลายเป็นมีตราบาปติดตัวไปนาน แม้ว่าเขาจะไม่ต้องไปสาบานตามรอยรุ่นพี่ แต่ก็แทบไม่เหลือพื้นที่ให้ได้ภาคภูมิใจ
ซีเกมส์สำหรับคนไทยในสมัยนั้น แทบไม่ต่างอะไรไปจากฟุตบอลโลกของชาวบราซิลในยุคไล่ๆ กัน ที่การพลาดแชมป์เท่ากับล้มเหลว
แม้ในยุคปัจจุบันความคิดสุดโต่งแบบนั้นจะไม่ค่อยมีแล้ว แต่เมื่อถึงทัวร์นาเมนท์แบบนี้ทีไร ก็ยังเห็นความคาดหวังทุกที ซึ่งยังดีที่พอไม่สมหวัง แฟนบอลก็ยังพอเข้าใจได้ว่าของมันพลาดกันได้
ส่วนในแมตช์ชิงชนะเลิศของไทย กับ เจ้าถิ่นเวียดนาม น่าจะกลายเป็นเจ้าบ้านที่น่าจะกดดันกว่าเรา เพราะแชมป์เอเอฟเอฟก็เสียให้ไทย การเสียเหรียญทองแบบคาบ้านน่าจะกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่พอตัวกันเลยทีเดียว
#PlayNowThailand #khelnow #football
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
