22 พ.ค. 2022 เวลา 04:38 • การศึกษา
#MoneyRules : กติกาเรื่องเงิน ที่ชีวิตจริงสอนผม
#กติกา 7 “เริ่มก่อนสาย : 6 Step ทำแผนเกษียณ”
#MoneyRules เป็น เรื่องราวและมุมมอง
ของมนุษย์เงินเดือนคนนึง
ที่มองว่าเรื่องเงิน แท้จริงแล้ว
ก็ไม่ต่างกับ "กติกาชีวิต"
เราแค่ต้องรู้ ก่อนลงเล่นแต่ละเกม
แล้วเราจะสนุก และไม่สะดุดขาตัวเอง
.
#เกรินนำ
จากตอนที่แล้ว “มีแผนเกษียณตั้งแต่ Day 1”
หลายคนถามต่อว่า .. แล้วทำอย่างไรครับ?
วันนี้จะลงวิธีการแบบเน้นๆ ให้ครับ
แบ่งเป็น 6 Step
มีอะไรบ้างไปอ่านและลงมือทำกันครับ
(อ่านบทความ “มีแผนเกษียณตั้งแต่ Day 1”
ได้ที่ลิงค์นี้ครับ https://www.facebook.com/865654453567895/posts/2678006152332707/?d=n)
#เข้าสู่เนื้อหา
6 Step ทำแผนเกษียณ
ที่ออกแบบมา สำหรับ “ผู้เริ่มต้น” โดยเฉพาะ
มีอะไรบ้าง “ลองทำตาม” กันดูนะครับ
Step #1 พร้อมหรือยัง? ที่จะเริ่มต้นรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง
.
การตัดสินใจเป็นเรื่องสำคัญ
จะให้คนอื่นมาตัดสินใจ หรือ มาบังคับไม่ได้
โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นของชีวิตเราเอง
.
เช่น เหมือนมีคนมาบังคับให้เราออกกำลังกาย
ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ครับ!
แต่แปปเดียวก็เลิก หรือ หยุดทำ
เพราะมันไม่ได้เกิด
มาจากการตัดสินใจของตัวเอง
.
เรื่องเงินก็เช่นเดียวกันครับ
ไม่มีใครทำให้เรารวยได้ถ้าเราไม่อยาก
และไม่มีใครทำให้เราจนได้ถ้าเราไม่ยอม
.
ดังนั้น ข้อแรกเลย คือ..
ถามตัวเองก่อนว่า พร้อมมั้ย?
ที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ยาวๆ หลังจากนี้
.
ถ้าคำตอบคือ พร้อม!!
เราไปลุยข้อ 2 กันครับ
Step #2 สามารถจัดการ “รายรับ” ได้มากกว่า “รายจ่าย” ต่อเดือน
.
First Step ของการบริหารเงินคือ
“สภาพคล่อง” ครับ
พูดง่ายๆ คือ ต้องมีเงินเหลือในแต่ละเดือน
(ทำอย่างไร ผมมีเขียนไว้ใน
กติกาข้อที่ 3 ก้าวแรกมีเงินเหลือ
ลองกลับไปอ่านแล้วทำตามได้ครับ)
.
เมื่อผ่านข้อนี้แล้ว
เราจะเงินเหลือตรงนี้หละ
ไปวางแผนใช้ตอนแก่กันครับ
Step #3 ตอนนี้มีเงิน “เหลือเก็บ” เท่าไร
แล้วต้อง “เก็บเพิ่ม” อีกเท่าไรเพื่อเกษียณ
(หรือ หลายคนเรียกว่า “ตั้งเป้าหมายเกษียณ” ของตัวเองครับ)
.
เมื่อเรารู้แล้วว่า เราเหลือเก็บเท่าไร
เช่นจากข้อสอง เราเหลือเก็บ
10,000 บาทต่อเดือน
ผมแนะนำให้ทำ 2 อย่างครับ
1.เปลี่ยน “เงินเหลือเก็บ”
ให้เป็น “เงินออมประจำเดือน” ไปเลยครับ
เช่น บังคับว่า หลังจากนี้เราจะเก็บ
เดือนละ 10,000 บาท
เพื่อเป้าหมายเกษียณของเรา
.
เพราะ ทันทีที่เรามองเงินเก็บ
เป็นรายจ่ายประจำทุกเดือน
สมองจะสั่งการให้เราลดรายจ่ายตัวอื่น
เพื่อเก็บเงินแบบอัตโนมัติทันที
2.ต้องเก็บเพิ่มอีกเท่าไร?
ถึงพอใช้ในวันเกษียณ
.
ซึ่งตรงนี้หละ คือจุดเริ่มต้น
ของการ “ตั้งเป้าหมาย”
.
#วิธีการตั้งเป้าหมายเกษียณ
มี 3 ปัจจัยที่ต้องคิด
ปัจจัยแรก : ช่วงเวลาที่เราต้องใช้ชีวิตหลังเกษียณ​
(วันเกษียณ จนถึง วันสุดท้ายของชีวิต)
เช่น อายุ 50 ถึง 85 = ช่วงเวลา 35 ปี
ปัจจัยที่สอง : วันนั้น เราจะใช้เงินเดือนละเท่าไร
คำนวณจากค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
เช่น ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าท่องเที่ยว เดือนละ 20,000 บาท
ปัจจัยที่สาม : วันนั้น นอกจากเงินที่เตรียมไว้
มีเรื่องอื่นอีกไหมที่เราต้องรับผิดชอบ
เช่น ค่ารักษาพยาบาล , รถ , บ้าน
หรือ มรดกที่ตั้งใจให้ลูกหลาน
(แต่โดยปกติ เรามักจะเครียภาระ เช่น บ้าน,รถ
ให้จบก่อนวันเกษียณครับ)
.
จาก 3 ปัจจัยข้างบนนี้
เราสามารถเอามาคำนวณเพื่อตั้งเป็นเป้าหมาย
ได้ตามตัวอย่างนี้ครับ
เช่น จากตัวอย่าง
ต้องการใช้เดือนละ 20,000 บาท x 12 เดือน
หรือ = 240,000 บาทต่อปี
และ คาดว่าจะใช้ชีวิต 35 ปี
(240,000 x 35 = 8.4 ล้านบาท)
รวมเป็นเงินที่ต้องเตรียมไว้ใช้ 8.4 ล้านบาท
#และนี้คือเป้าหมายเกษียณของเราครับ
.
เมื่อเรามีเป้าหมายแล้ว
เราต้องเก็บเพิ่มอีกเท่าไรนะ?
.
เริ่มต้นจาก
คำนวณดูก่อนว่าจากวันนี้
จนถึงวันเกษียณ
(ซึ่งจากตัวอย่างคือ อายุ 50 ปี)
เรามีเวลาเหลือเท่าไร และ
ต้องเก็บเงินเพิ่มเดือนละเท่าไร
.
สมมุติ ตอนนี้อายุ 25 ปี
= เหลือเวลา 25 ปี ที่จะเก็บเงิน
เอา 8.4 ล้านบาท หารด้วย 25 ปี
= ต้องเก็บอย่างน้อย
เดือนละ 28,000 บาท ถึงจะพอดี
(ซึ่งนี่ยังไม่ได้รวมเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ถ้ารวมเงินเฟ้อด้วย อาจจะ
ต้องเก็บมากกว่านี้เป็น 2 เท่า
หรือเกือบๆ 60,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว
และ ยังไม่รวม ค่ารักษาพยาบาล , มรดก
ที่แนะนำว่าให้เริ่มต้นคิดและวางแผนพร้อมกันไปเลย)
Step #4 เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายข้อ 3 วันนี้ต้องเตรียมตัวอย่างไร
.
เพื่อที่จะไปถึงเป้าหมาย มี 4 วิธีแนะนำครับ
วิธีที่หนึ่ง “ลดรายจ่าย”
ซึ่งแน่นอนว่า ทำได้ แต่ยากที่สุด จริงไหมครับ
วิธีที่สอง “หาเงินต่อเดือนเพิ่ม”
ซึ่งมีหลายวิธีเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น งานเสริม ธุรกิจ
(ขอไม่ลงลึกในบทความนี้นะครับ
แต่จะเขียนให้อ่านในบทถัดๆ ไป)
วิธีที่สาม “ลงทุนเพิ่ม”
ซึ่งนับเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด และ เป็นไปได้มากที่สุดครับ
วิธีที่สี่ “เครื่องมือเปิดความเสี่ยง หรือ ประกัน”
สำหรับบางเรื่อง เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือ มรดก
เราอาจจะไม่สามารถประเมินได้เป้ะๆ ว่าต้องมีเท่าไร
หรือ จะส่งต่อให้คนรุ่นหลังเท่าไร อาจจะเลือกใช้
เครื่องมือประกันนี้ เพื่อโอนความเสี่ยงตรงนี้ไปแทนครับ
Step #5 แล้วถ้าอยากจะไปถึงเป้าหมายข้อ 3 (เช่นกัน)
ให้เร็วขึ้น ทำอย่างไรได้บ้าง
.
—มาถึงตรงนี้เป็น option นะครับ (ข้ามได้)—
หากใครที่อยากท้าทายตัวเอง
เช่น แล้วถ้าฉันอยากเกษียณตอน 40 หละ
จะทำอย่างไรดี
วิธีการคือ
1.หารายได้ต่อเดือนเพิ่ม อาจจะมาจาก
การทำธุรกิจส่วนตัว หางานเสริม เพื่อให้ถึงเป้าหมายเร็วขึ้น
2.สร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินที่เราให้มากขึ้น
จนมี “กระแสเงินสด” มากกว่า “รายจ่ายต่อเดือน”
Step #6 แผนรองรับ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน หรือ ไม่เป็นตามแผน
.
การวางแผนเกษียณต้องมองให้รอบด้าน
ข้อ 1-5 คือการวางแผนไปจนถึงปลายทางของชีวิต
ส่วนข้อ 6 นี้คือการวางแผนว่า
“แล้วถ้าจากไปก่อนหละ มีอะไรที่เรากังวลอยู่ไหม”
เช่น
-ภาระบ้าน รถ หรือ อื่นๆ ที่ยังผ่อนอยู่
-ภรรยา ลูก พ่อแม่ ที่ต้องส่งเงินเลี้ยงดู
-การศึกษาและอนาคตของลูก (ถ้ามี)
.
ตรงนี้ศัพท์ทางการเงินเราเรียกว่า
“ค่าความสามารถ”
เป็นการประเมินว่า ถ้าเรามีชีวิตอยู่
เรามีคุณค่า เรามีสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง
และ มีค่าทั้งหมดเท่าไร
ตรงนี้เมื่อประเมินมาแล้ว
ก็สามารถใช้เครื่องมือประกัน
เพื่อโอนความเสี่ยงได้เช่นกันครับ
#ทิ้งท้าย
แผนเกษียณเป็นอีก 1 บทเรียน
ที่หายไปจากหลักสูตรการเรียนการสอนเราไปเลย
ถ้าจะให้ผมเปรียบเทียบ
ก็คงคล้ายๆ วิชา “Project Management“
ที่ต้องมีการคิด วางแผน ลงมือทำ และ ปรับปรุง
อยู่ตลอดเวลาตาม situation ที่เกิดขึ้น
ต่างกันตรงที่ การบริหารจัดการนี้
ไม่ใช่ Project แต่กลับกลายเป็น
การบริหาร Life หรือ ชีวิตจริงๆ นั้นเอง
ซึ่งต้องคิดเรื่องการเงินเยอะหน่อย
ว่าจะบริหารมันอย่างไร (หา ใช้ ออม ลงทุน)
ด้วยวิธีการไหน และ เครื่องมืออะไรบ้าง
ทั้งหมดนี้ ต้องเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ และ ตอนนี้ครับ
-ก่อน-จะ-สาย-ไป-
#gapper3M
ที่ปรึกษาการเงิน และวางแผนความมั่งคั่ง
นักธุรกิจ และ นักการตลาด
ผมจะเล่าทุกเรื่องที่ "ช่วย" ให้ชีวิตดีขึ้น
3M = Mind x Money x Marketing
ติดตาม/สนับสนุน gapper3M ได้ที่
#gapper3M
โฆษณา