24 พ.ค. 2022 เวลา 11:30 • สิ่งแวดล้อม
ช่างภาพคนหนึ่งใช้ความอดทนในการเฝ้ารอนานหลายชั่วโมง เพื่อถ่ายภาพสุดน่ารักของ "แฮมสเตอร์" ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ
เมื่อพูดถึง "แฮมสเตอร์" เราก็คงจะนึกถึงสัตว์เลี้ยงตัวเล็กน่ารักที่ใครหลายคนเลี้ยงไว้ในบ้าน
แต่มีแฮมสเตอร์บางพันธุ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่นิยมเลี้ยง เช่น แฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรป เนื่องจากมันมีสัญชาตญาณของความเป็นสัตว์ป่าอยู่ในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม จนอาจจะมีนิสัยที่ค่อนข้างดุ
1
นอกจากนี้ มันยังไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ แม้ว่าจะเกิดและเติบโตอยู่ในสวนสัตว์ก็ตาม
1
แฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรป (European hamster / black-bellied hamster / common hamster) ตัวใหญ่เกือบเท่ากระต่าย ซึ่งถือว่าเป็นแฮมสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแฮมสเตอร์ทั้งหมด
1
มันเป็นสัตว์ฟันแทะที่กินทั้งพืชและสัตว์ เช่น เมล็ดธัญพืช หญ้า ผัก และแมลง โดยมักจะหากินอยู่ตามพื้นที่เพาะปลูกที่มีดินร่วนซุย และสามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งในทุ่งหญ้า สวน หรือแม้แต่พุ่มไม้
แฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรปมีความน่ารักไม่แพ้แฮมสเตอร์พันธุ์อื่น ๆ ที่คนนิยมเลี้ยง จนถึงขั้นที่ทำให้ช่างภาพสัตว์ป่าคนหนึ่งยอมเฝ้ารอนานหลายชั่วโมงเพื่อที่จะได้ถ่ายภาพมัน
1
ช่างภาพคนนั้น คือ Julian Rad
Rad อาศัยอยู่ในยุโรปตอนกลางใกล้กับแม่น้ำ Danube ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่
การได้เห็นสัตว์เหล่านั้นอยู่เป็นประจำ ทำให้ Rad อยากจะเก็บภาพพวกมันเอาไว้ผ่านการถ่ายภาพที่เขาถนัด
โดยในช่วงแรกเขาจะเน้นถ่ายภาพแมลงในระยะใกล้แบบมาโคร ก่อนจะหันมามุ่งมั่นกับการถ่ายภาพสัตว์ฟันแทะ เช่น แฮมสเตอร์และกระรอก แบบในปัจจุบัน
การถ่ายภาพสัตว์ป่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพวกมันจะโผล่มาตรงไหนในเวลาใด
นอกจากนั้น มันยังอาจจะระวังตัวมากขึ้นหากรับรู้ได้ว่ามีมนุษย์อยู่ในบริเวณใกล้ๆ
ดังนั้น สิ่งเดียวที่ช่างภาพสัตว์ป่าจะสามารถทำได้ นั่นก็คือการซ่อนตัวเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ ให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด
Julian Rad บอกว่าการถ่ายภาพสัตว์ป่าของเขาต้องใช้ทั้งความอดทน ความเข้าใจในพฤติกรรมของสัตว์แต่ละชนิด และอาจจะต้องอาศัยโชคชะตาเข้ามาช่วยบ้างในบางครั้ง
ซึ่งผลลัพธ์ของการรอคอยอย่างอดทนโดยไม่รบกวนพวกมัน ก็ทำให้เขาได้ภาพของแฮมสเตอร์ในอิริยาบถต่าง ๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู
2
ปัจจุบันแฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรปอยู่ในสถานะที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (critically endangered) จากหลายสาเหตุ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก การขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรม และมลพิษต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น
ส่งผลให้แม่แฮมสเตอร์ออกลูกลดลงจากเดิมที่ 20 ตัวต่อปี เหลือเพียงแค่ 5 - 6 ตัวต่อปีเท่านั้น
และถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปโดยไม่ได้รับการแก้ไข ก็อาจจะทำให้พวกมันสูญพันธุ์ได้ภายในปี 2050
ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก หากสัตว์ที่น่ารักชนิดนี้หายไปจากโลกของเรา
1
โฆษณา