22 พ.ค. 2022 เวลา 09:30 • ปรัชญา
เราต้องทำความเข้าใจ ในตัวตนของเรา บางครั้งเราก็เคยได้ยินได้ฟังมาว่า ตัวเรามีแต่ขี้โคลน มีแต่ของที่เราไปคลุกให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด กายเราก็เลย ไม่สบายเนื้อ สบายตัว.ปวดหัว หงุดหงิด นั้นเป็นเพราะอะไร..เป็นเพราะเรานำกายของเรา ที่มีวิญญาณหูตาจมูกลิ้นกายใจ ที่เรียกว่า วิญญาณทั้งหก เคลื่อนที่ไปตามกาย วิญญาณทั้งหกนั้น ก็ไปเห็น ไดยินไปรับรู้เรื่องราวต่างๆ เก็บเข้ามาสะสมในเรือนกายนี้
ซึ่งกายที่เคลื่อนที่ไปสัมผัส..ไปเห็นตรงนั้นตรงนี้ ไปได้ยินเสียง ..อะไรมากมาย..ไปเห็นคน..คนที่มีอะไรแอบแฝง (ไม่ใช่เรื่องเจ้าเล่ห์ ) เรื่องราวสถานที่.บางสถานที่ก็มีเครื่องรางของขลัง มีตะกรุด มีผ้ายันต์ มีอะไรมากมาย ที่ปะปนอยู่กับผู้ที่เราไปสัมผัส ..
สัมผัสแล้ว จิตเราก็ไม่รับรู้ เพราะอารมณ์นั้นปกปิดจิตเราอยู่ เหมือนกรรมนั้นปกปิดอยู่ มันมีเรื่องราวพวกนี้ มีกันมากมาย..ซึ่งเราจะไม่รู้สึกว่า มีอะไรเกิดขึ้นที่กายเราบ้าง เพราะเราไม่เคย..สังเกต ไม่เคยรับรู้ จิตของเรา ก็ไม่รับรู้อะไรเลยสติของเราก็ไปตามอารมณ์ เป็นสติที่ลื่นไหลไปตามอารมณ์นึกคิดตลอดเวลา อารมณ์นั่นกดทับจิต พาให้จิตใช้กายไป ..ไปสถานที่นั้นที่นี้
เมื่อไปบางสถานที่ ..ก็มีกายสัมผัส บางสถานที่ที่..ก็มีเรื่องราวไสยศาสตร์ คนที่สักเลขยันต์ คนที่ท่องคาถา คนที่ยึดในเรื่องราวเหล่านี้ เมื่อเราไปอยู่สถานที่นั้น..อากาศบริเวณนั้น ก็เป็นหมอกควัน เป็นเหมือนฝุ่นละอองที่ไม่ดี ลอยอยู่ในอากาศบริเวณนั้น เราก็หายใจอากาศบริเวณนั้นเข้าไป ..สะสมของไม่ดีสะสมเข้ามาในเรือนกาย
สิ่งเหล่านี้ ..เมื่อกายเราไป สัมผัสมา กายเราก็จะร้อน อารมหงุดหงิด ผิดปกตินิสัยของตัวเอง แล้วมันไม่ไไดเกิดขึ้นทันที่ไปสัมผัสกับสถานที่นั้น บ้างก็หลังจากที่ไปสัมผัสมา สองสามชั่วโมง บ้างก็ยังไม่แสดงอาการ แต่ก็จะค่อยมีอาการ เหมือนคนเป็นภูมิแพ้ สมองมึนงง จิตใจว้าวุ่น มีอะไรกระทบนิดหนึ่ง ก็หงุดหงิดไม่พอใจ
นั่นส่วนหนึ่งก็มาจากสิ่งเหล่านี้ ที่มีอยู่ทั่วไป ..เค้าเรียกว่า คนเราไปเรียกร้อง หาผีมากราบไหว้บูชา ก็ทำกันทั่วไปหมด บ้านเมืองจึงเกลื่อนกลาด ไปด้วยผีเร่รอนเต็มไปหมด มันด็เลยหาความสุขไม่ค่อยได้ เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนไม่ค่อยมี ..แต่ยุคนี้ มันกลับมากมาย เพราะความโลภ ไปเรียกร้องสิ่งเรานี้ให้ไหลออกมา ไหลออกมาปิดจิตของผู้คน ไม่ให้จิตรู้จักบุญกุศล ไม่สร้างบุญกุศลเกิดขึ้น เพื่อเบาเทาเรื่องราวเหล่านี้ออกไป
เมื่อเราไปสัมผัสเรื่องราว เหล่านี้มา กายวิญญาณทั้งหกของเรา ก็สกปรกเลอะเทอะ ไหนจะเรื่องอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้นในกาย มันก็เลยมีแต่สิ่งที่ซ้ำเติม ซ้ำเติมให้สร้างแต่กรรม ทำกรรมให้หนักมากขึ้น มันก็เลยกลายเป็นจิตที่หาความสุขไม่ได้
นั้นก็เรื่องราวหนึ่งที่บ้านเมืองพัวพันด้วยเรื่องราวไสยศาสตร์ มันก็เลยมีแต่จิตที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน (สมัยหนึ่ง..ก็มีพวกเอาเลือดไปสาดลงดิน ..ยักษ์อสุรกายก็ลุกขึ้นมา มันไปเรียกร้องหากรรมมาทำลายกันเอง คนโบราณเค้าไม่ทำกัน แล้วคนดีเค้าไม่ทำกัน)จิตที่มีกรรมลอยขึ้นมา …เราไปเจอะเจอสัมผัส ก็ต้องเลอะเทอะไปด้วย ก็เลยมีแต่คนร้อนเวรกรรม มีทั่วไป แต่เราไม่สามารถมีจิตที่จะไปแยกแยะ
เรื่องราวเหล่านี้ได้ เพราะคนทั่วไปก็มุ่งเสาะแสวงหาหาตัวช่วย ข่วยผ่อนคลาย..หวังว่าเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้มาบูชา จะร่ำรวย ชื่อเสียงเกียรติยศ ถูกหวยเรียงเบอร์ ก็ไปนำสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้จัก เอายึดถือซ้ำเติมให้ตนเองมีกรรมหนักขึ้น..ก็ไม่เคยสังเกตรับรู้ว่า ทำไมจึงทุกข์จังๆ ไม่รู้จะแก้ไขยังไง ก็ต้องพึ่งเจ้าพ่อเจ้าแม่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สลับสับเปลี่ยน หวังปฏิหาริย์อิทธิฤทธิ์มายาให้ร่ำรวย
มันก็มีทั่วไปหมด ถ้าเราสังเกตเห็นได้ เรากลัวในสิ่งที่เราเห็นเอง กลัวในสิ่งที่ทำให้จิตใจผู้คนวิปริตหลงใหล ซ้ำเติมให้จิตนั้นต้องทุกข์ทรมาน เดือดร้อนหาความสุขไม่ได้เลย
สิ่งที่จะช่วยเราได้ ก็คือ กายสร้างทาน สร้างบุญกุศลบารมี ประพฤติปฏิบัติธรรม ให้มีแสงรัตนะเกิดขึ้นช่วยผ่อนคลายกรรม หากเราไม่กระทำ ..สิ่งที่เราไปสัมผ้สนั่น ก็ไม่ได้คลี่คลาย ละลายไป กายมีโคลนตม ..กายก็มีกรรม บุญกุศลไม่มีเลย จึงต้องจมอยู่กับโคลนตมโดยไม่รู้ตัว เพราะมองไม่เห็นนี่น่ะ ด้วยโคลนตมมันปิดจิตของเราไปหมด
โฆษณา